บรรดานักเรียนและกลุ่มนักศึกษาหลายพันคนได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านถือว่า รุ่นเยาวชนคือ ผู้บุกเบิกและผู้ชี้นำสังคมและท่านยังเน้นว่า กลุ่มชนรุ่นนี้ ถือว่ามีศักยภาพและความเข้าใจที่ดีที่จะทำให้อิหร่านได้ก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆไปยังจุดที่ต้องการได้ แต่ทว่าในการที่จะบรรลุเป้าหมายอันสดใสนี้นั้นต้องการที่จะรู้จักศัตรูที่แท้จริงและชั่วร้ายของประชาชาติอิหร่าน นั่นก็คือ อเมริกา และการเรียนและการสอน การทำงานและความพยายาม อีกทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งในความสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้า
ในการพบปะกันครั้งนี้ซึ่งตรงกับช่วงวันเยามุลลอฮ์(วันแห่งพระเจ้า)วันที่ 13 เดือนออบอน เป็นวันแห่งการต่อสู้กับชาติมหาอำนาจโลก โดยท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ยกย่องถึงการเข้าร่วมอย่างมากมายของเยาวชนทั้งยังมีความสามารถในการวิเคราะห์ของกลุ่มชนรุ่นนี้ และท่านกล่าวเสริมว่า “ธรรมชาติของเยาวชน ก็คือ มีการเคลื่อนไหวและความก้าวหน้า แต่ทว่าในประเทศของเรา คุณลักษณะอันนี้ได้ตกไปอยู่กับเหล่ายุวชนของเราทั้งสิ้น”
ท่านผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงตัวอย่างของความเป็นจริงนี้ทั้งก่อนและหลังจากการชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม โดยกล่าวว่า ในเหตุการณ์ของการปฏิวัติ บรรดายุวชนได้เข้ามาร่วมเฉกเช่นเดียวกับเยาวชนในสนามของการต่อสู้และยังได้ยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับจอมเผด็จการที่ชั่วร้ายในวันที่ 13 เดือน ออบอน ในปีที่57 (ปฏิทินอิหร่าน) จนกระทั่งชื่อของพวกเขาได้มีการจดบันทึกเอาไว้
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า การเข้าร่วมอย่างกล้าหาญในภาคสนามของการป้องกันที่ศักดิ์สิทธิ์ คือ อีกตัวอย่างหนึ่งของเหล่ายุวชนและกล่าวเสริมว่า “บรรดายุวชนได้ต่อสู้ในสงครามศักดิ์สิทธิ์เหมือนดั่งวีรบุรุษที่กล้าหาญ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า รุ่นยุวชนและเยาวชนในวันนี้ ยังมีเอกลักษณ์พิเศษของเหล่าเยาวชนในช่วงแห่งการปฏิวัติและการป้องกันที่ศักดิ์สิทธิ์ และท่านยังกล่าวอีกว่า “ตามหลักฐานที่ยืนยันอย่างละเอียดว่า ในวันนี้ บรรดาเยาวชนและยุวชนของเราได้ปฏิบัติกันในภาคส่วนต่างๆ แม้แต่ยังถือว่าดีกว่ากลุ่มชนรุ่นก่อนเกี่ยวกับการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงความพยายามของศัตรูในการหันเหกลุ่มเยาวชนด้วยกับวิธีการต่างๆ เช่น การส่งเสริมในการทำความชั่ว,ยาเสพติดและเกมส์คอมพิวเตอร์ที่หลงทาง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ด้วยกับการมีอยู่ของเหล่าศัตรูนี้ บรรดายุวชนในศตวรรษที่ 80 ซึ่งพวกเขาไม่เคยเห็นท่านอิมามโคมัยนีและการปฏิวัติ อีกทั้งยังไม่เคยเข้าร่วมในสงครามการป้องกันที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ในวันนี้พวกเขากับมีความเข้าใจในความหมายที่แท้จริงของการปฏิวัติอย่างชัดเจนและยังได้ติดตามในการเข้ามามีอำนาจของเยาวชนรุ่นแรกของการปฏิวัติอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงความเป็นศัตรูของผู้สวาปามโลก จน ณ บัดนี้ ยังมิได้มีผลแต่อย่างใดและพวกเขาก็ยังไม่สามารถทำความผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น และท่านผู้นำยังกล่าวอีกว่า
“บรรดาเด็กๆที่เคารพรักของข้าพเจ้า พวกท่านคือคนรุ่นหนึ่งที่จะสามารถเอาชนะเหนือกลยุทธ์ของศัตรูได้และก้าวผ่านอุปสรรคและความยากลำบาก อีกทั้งยังนำประเทศไปสู่จุดสูงสุดและทำให้ไปถึงอุดมการณ์แห่งอิสลามและความหวังอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติ แต่ทว่าในการบรรลุสู่เป้าหมายนี้นั้นยังมีหลายเงื่อนไขด้วยกัน
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงการอธิบายถึงความจำเป็นในการรู้จักศัตรู ถือว่าเป็นเงื่อนหลักในการบรรลุสู่เป้าหมายของรัฐและประชาชาติ โดยกล่าวว่า “ความหมายที่แท้จริงของอเมริกาก็คือ การเป็นศัตรูที่ชั่วร้ายและแท้จริง ซึ่งความจริงอันนี้ไม่ได้มาจากความอคติหรือมีแง่มุมที่ชั่วร้าย แต่ทว่าได้เกิดมาจากประสบการณ์และความเข้าใจในปัญหาอย่างถูกต้อง อีกทั้งการมองเห็นถึงข้อเท็จจริงในภาคสนามอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงการกล่าวสุนทรพจน์ล่าสุดของประธานาธิบดีอเมริกาเกี่ยวกับการก่อการร้ายของประชาชาติอิหร่านว่า "คำพูดนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความโง่เขลาโดยว่าพวกอเมริกามิได้เป็นเป็นปฏิปักษ์กับผู้นำและรัฐบาลอิหร่านเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นปฏิบักษ์กับหลักการในการดำรงอยู่ของประชาชาติที่พวกเขาไม่รู้จักถึงความเหน็ดเหนื่อยในการยืนหยัดต้านทานของพวกเขา”
ท่านผู้นำยังชี้ถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่อเมริกาคนหนึ่งเมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า เราจะต้องกำจัดรากฐานของประชาติอิหร่านออกไปให้ได้
และท่านกล่าวเสริมว่า “ พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจในความจริงนี้ได้ว่า เรานั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมที่ไม่อาจสามารถขจัดออกไปได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเป็นปฏิปักษ์ที่ลึกซึ้งของอเมริกากับอิหร่าน เป็นผลพวงมาจากการสายตาที่มืดบอดจากการคำนวณที่ผิดพลาดของอเมริกาและความผิดพลาดของพวกเขาที่ทวีคูณมากขึ้น และกล่าวเสริมว่า พวกอเมริกาได้เริ่มในการเป็นปฏิปักษ์นับตั้งแต่วันแรกของชัยชนะในการปฏิวัติ ซึ่งเป็นดั่งต้นกล้าที่มีขนาดเล็กและในวันนี้ สาธารณรัฐอิสลามได้กลายเป็นต้นไม้ที่เขียวชอุ่มและความสูงสง่า โดยพวกเขาได้วางแผนการณ์อย่างต่อเนื่องที่ไร้ผล เพราะว่าความเป็นศัตรูและความอิจฉาของพวกเขาได้ถูกห้ามมิให้พวกเขามองเห็นถึงข้อเท็จจริงและการประเมินอย่างถูกต้อง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าววิพากษ์วิจารณ์บรรดาผู้ที่เชื่อว่าในการเผชิญหน้ากับอเมริกา เราจะต้องลดตัวลงเพื่อทำให้ความเป็นศัตรูนั้นลดน้อยด้วย โดยกล่าวเสริมว่า “จากประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ เช่นในกรณีของดร. มุศ็อดดิก แสดงให้เห็นว่าพวกอเมริกามิได้มีความปราณีต่อผู้ที่หวังดีต่อพวกเขา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า มุศ็อดดิกต้องการที่จะต่อสู้กับอังกฤษจึงเข้าไปเจรจากับอเมริกาและไว้ใจต่อพวกเขา แต่ทว่า พวกอเมริกาเอง พวกเขาคือผู้ที่ก่อการรัฐประหารต่อต้านเขา
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวสรุปในคำพูดของท่านโดยเน้นว่า “ชาวอเมริกามิได้พอใจ แม้แต่กับดร. มุศ็อดดิก แต่พวกเขายังต้องการทาสรับใช้และผู้นำเยี่ยงอย่าง ในช่วงสมัยของมูฮัมมัด รีซา ปาห์ลาวี ที่มีเขาความสามารถในการปกครองอิหร่านได้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึง ความเป็นปฏิบักษ์อย่างเสมอมาของรัฐบาลอเมริกา โดยกล่าวเสริมว่า ขณะนี้ พวกเขาต้องการที่จะทำลายผลของการเจรจานิวเคลียร์ นั่นหมายถึงข้อตกลงนิวเคลียร์ จนในที่สุดพวกเขาก็ได้แสดงความชั่วช้าออกมา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงการยึดถือข้อเท็จจริงเหล่านี้ โดยกล่าวเสริมว่า “การลดตัวลงในการเผชิญหน้ากับอเมริกา ทำให้พวกเขาอาจหาญและหึกเหิมมาก ฉะนั้น วิธีการเดียวในการเผชิญหน้า ก็คือ การยืนหยัดนั่นเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวกับนักเรียนและนักศึกษาเกี่ยวกับการไม่หลงลืมศัตรูที่แท้จริงก็คือ อเมริกา โดยกล่าวเสริมว่า “นี่คือเงื่อนไขหลักในความต่อเนื่องของอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองของประเทศ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเรียนและการสอน การทำงานและความพยายามของบรรดานักเรียนและนักศึกษา ก็คืออีกหนึ่งในเงื่อนไขของการมีอนาคตที่สดใสของประเทศ โดยกล่าวว่า “การเรียนและการสอนจะต้องมีคุณค่าที่สูงส่งยิ่ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวอีกว่า “การส่งเสริมในระดับวิชาการของประเทศ การเพิ่มอำนาจในการเผชิญหน้ากับศัตรูและการก้าวข้ามคลื่นพายุที่รุนแรงจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกิจการภายในของอิหร่านได้และเป็นไปได้ที่จะทำให้ความหวังที่ยิ่งใหญ่ของประเทศเกิดขึ้น"
"การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า" เป็นอีกข้อเสนอแนะประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อบรรดายุวชนและเยาวชน โดยกล่าวเสริมว่า “ด้วยกับหัวใจที่มีแสงสว่างและสะอาดของพวกท่านจะได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าและพวกท่านจะต้องรู้จักถึงคุณค่าของความโปรดปรานอันนี้”