เมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ผ่านมา ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เข้าร่วมพิธีสำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัยทหารอิมามอาลี ช่วงแรกของการเข้าสู่พิธีการ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้อ่านซูเราะฮ์ฟาติฮะฮ์เพื่ออุทิศผลบุญให้แด่บรรดาชะฮีด ณ อนุสรณ์รำลึกเหล่าชะฮีด และนักต่อสู้แห่งการปฏิวัติอิสลาม
ท่านผู้นำสูงสุด หรือผู้บัญชากองกำลังสูงสุดในทุกเหล่าทัพ ได้เข้าร่วมและชมพิธีสวนสนาม พร้อมได้ทักทายกับบรรดาทหารผ่านศึกที่เข้าร่วมในครั้งนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังสูงสุดในทุกเหล่าทัพ ถือว่า หน้าที่สำคัญของกองทัพก็คือ การรักษาความมั่นคงของชาติให้เกิดขึ้น โดยท่านถือว่า ความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ อาทิ วิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ ล้วนมาจากการมีความมั่นคงในชาติทั้งสิ้น และกล่าวว่า “ความมั่นคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ปัจจัยของพลังอำนาจและความเจริญก้าวหน้าเกิดขึ้น หากไร้ซึ่งความมั่นคง อุดมคติที่สูงส่ง ยิ่งใหญ่และสง่างามจะถูกลบเลือนออกไปจากความนึกคิด”
เศรษฐกิจของประเทศจะต้องมั่นคง เศรษฐกิจที่พึ่งพาน้ำมันถือว่า เป็นเศรษฐกิจที่ไร้ความมั่นคง
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามถือว่า ปัญหาสำคัญที่สุดของประเทศในขณะนี้ คือเรื่องเศรษฐกิจและการดำรงชีพของประชาชน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “โครงสร้างของระบอบเศรษฐกิจในประเทศ จะต้องเป็นโครงสร้างระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า การพึ่งพารายได้จากน้ำมันจะทำให้ระบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจไม่มั่นคง และท่านยังเน้นว่า “การพึ่งพาเศรษฐกิจจากน้ำมัน เป็นปัญหาใหญ่ในอดีต และก็ยังคงปรากฏให้เห็นก่อนการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายช่วงเวลาที่ผ่านมา รายได้การขายน้ำมันและปัญหาอื่นที่ตามมา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกว่า ตราบใดที่ไม่สลัดระบบเศรษฐกิจจากการพึ่งพาน้ำมัน ก็ไม่สามารถที่จะมีรากฐานอย่างมั่นคงและปลอดภัยได้ โดยท่านยังกล่าวเสริมว่า “การกล่าวถึงเรื่องเศรษฐกิจในงานกองทัพวันนี้ ก็เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความมั่นคงในทุกภาคส่วน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวอีกว่า “ทุกท่านจะต้องทราบถึงคุณค่าของความมั่นคงโดยเฉพาะบรรดาเยาวชน พึงรู้เถิดว่า เกียรติยศศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของประเทศนั้น เกิดขึ้นจากการดำรงอยู่ภายใต้รัฐอิสลามแห่งนี้” โดยท่านยังกล่าวว่า “ในช่วงเวลาหนึ่ง อิหร่านที่มีประวัติศาสตร์อันสวยงามและมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด เคยตกอยู่ภายใต้การครอบครองของขี้ข้าสหรัฐ ไซออนิสต์ และอังกฤษ และผู้ปกครองที่เป็นขี้ขาซึ่งอ่อนแอและสกปรกนั้น ทำให้เราถูกดูถูกเหยียดหยาม ทว่าอิสลามได้ช่วยเหลือประเทศเรา และสาธารณรัฐอิสลามได้ทำให้อิหร่านมีเกียรติและศักดิ์ศรีขึ้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงความไม่พึงพอใจและความโกรธกริ้วของชาติมหาอำนาจ จากการเข้ามามีอำนาจของอิหร่านในภูมิภาคนี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ศัตรูรัฐอิสลาม ถือว่า ปัจจัยการมีอำนาจของประชาชาติอิหร่านเป็นสิ่งรบกวนพวกเขา พวกเขาจึงได้ต่อต้าน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต่อต้านการกระจายอำนาจของรัฐอิสลามระหว่างประชาชาติด้วยกัน และทั้งในภูมิภาคหรือนอกภูมิภาคก็ตาม เพราะการกระจายอำนาจ ถือเป็นนโยบายเชิงลึกของรัฐอิสลาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามประเมินว่า การที่ชาติมหาอำนาจต่อต้านความสามารถในการป้องกันประเทศของเรา ก็มาจากประเด็นดังกล่าว โดยกล่าวว่า “แนวทางตอบโต้จากการต่อต้าน(จากศัตรู) คือการยืนหยัดอย่างหนักแน่นต่ออำนาจแห่งชาติ และการปฏิเสธทุกความต้องของพวกเขา”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวต่อประเด็นนี้ว่า “เราเคยกล่าวไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็จะขอกล่าวอีกครั้งว่า ความแข็งแกร่งและยุทธปัจจัยในการป้องกันประเทศของเรา ไม่สามารถที่จะต่อรองหรือเจรจาได้ โดยเฉพาะยุทธปัจจัยทางการทหารและพลังอำนาจจากประชาชนเพื่อสนับสนุนชาติ ไม่มีวันที่จะเจรจากับศัตรู อีกทั้งเราจะพัฒนาด้วยความเข้มแข็งต่อไป” .
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงบรรดาเยาวชนว่า “ประเทศนี้เป็นของพวกท่าน ดั่งที่เยาวชนวันวานได้ปฏิบัติหน้าที่ไปแล้วนั้น พวกท่านก็เช่นกัน ภายใต้ร่มเงาแห่งอิสลามและอุดมการณ์การปฏิวัติอิสลาม จะต้องนำพาประเทศชาติไปสู่เกียรติยศอย่างสูงสุด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวขอบคุณต่อผู้บัญชาการและคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยทหารอิมามอาลี โดยถือว่า มหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีความสำคัญต่อกองทัพเป็นอย่างมาก และท่านยังได้เทิดเกียรติและร่วมระลึกถึงความเสียสละของบรรดาชะฮีดจากกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาชะฮีดจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ในการนี้ พลเอก อะมีร มูซาวี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวต้อนรับท่านผู้นำสูงสุด “ เราขอให้สัตยาบันว่า เราจะประสานมือกับกองกำลังพิทักษิ์การปฏิวัติ (IRGC) อย่างเหนียวแน่น จนกว่ารากเหง้าของรัฐเถื่อนไซออนิสต์จะพินาศลง และเราจะจบชีวิตของมันให้เร็ววันที่สุด ”
พลเอก อะมีร ฟูลาดี อธิการบดีมหาวิทยาลัยอิมามอาลีได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับโครงการต่างๆในด้านวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม การศึกษาและการฝึกอบรมของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ในพิธีการนี้ ยังมีผู้บัญชาการอีกหลายท่าน คณาจารย์และนักการศาสนาตัวอย่างของมหาวิทยาลัย รวมทั้งภรรยาของท่านชะฮีด รุซตะมี ซึ่งเป็นชะฮีดจากกองทัพ ได้รับโล่ที่ระลึก ทั้งนี้ ตัวแทนนักศึกษาทหารได้รับอินทธนูติดบ่าจากท่านผู้บัญชากองกำลังสูงสุดในทุกเหล่าทัพ (ท่านผู้นำสูงสุด)
ในช่วงท้ายของพิธีการ ได้มีการขับร้องซุรุด (เพลงทหาร) สวนสนามและแสดงการปฏิบัติการทางทหาร และช่วงปิดพิธี ได้มีการแสดงการภายใต้ชื่อ “ปฏิบัติการเชื่อมั่นต่อนัฟซ์” ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดถือเป็นพิธีการ ในการสำเร็จการศึกษาวิชาทหารจากมหาวิทยลัยดังกล่าว