สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดาคณาจารย์,นักกอรี,นักท่องจำอัลกุรอานในการแข่งขันการทดสอบอัลกุรอานนานาชาติครั้งที่ 34

อัตลักษณ์ของอีหม่าน จะเป็นภูมิคุ้มกันอำนาจ

เมื่อช่วงเช้าของวันพฤหัสที่ผ่านมา บรรดาคณาจารย์และนักกอรีและนักท่องจำอัลกุรอานจาก 83 ประเทศที่มาเข้าร่วมการแข่งขันการทดสอบอัลกุรอานนานาชาติ ครั้งที่ 34 เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำถือว่า อัตลักษณ์อิสลามนั้น จะเป็นภูมิคุ้มกันของการแทรกซึมและอำนาจของบรรดาศัตรู อีกทั้งท่านยังชี้ถึงเป้าหมายของฝ่ายศัตรูในการทำลายอัตลักษณ์ของศรัทธา และท่านยังกล่าวว่า มะอาริฟของอัลกุรอานนั้น เป็นสิ่งที่รอดพ้นและเสริมสร้างอำนาจและเกียรติยศให้กับประชาชาติอิสลาม ซึ่งจะต้องมีการนำมาในรูปแบบของการเสวนาอย่างเปิดเผยและชัดเจนในสังคมต่างๆของอิสลามด้วย

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเพียรพยามในการเข้าใจในอัลกุรอานคือ ความดีงามอันยิ่งใหญ่ที่สุด และท่านยังเน้นถึง ความจำเป็นในการดำเนินอย่างต่อเนื่องของการขับเคลื่อนอัลกุรอานในประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า ช่างเป็นสิ่งที่น่าเสียใจยิ่งนัก ที่เรา ประชาชาติอิสลามและประเทศอิสลามนั้นยังห่างไกลจากอัลกุรอานเสียเหลือเกิน อีกทั้งเรานั้นยังไม่รู้จักถึงความหมายที่แท้จริงของอัลกุรอาน

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำว่า การปฏิเสธฏอฆูต(เผด็จการที่ชั่วช้า) และการมีศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ก็คือ หนึ่งในแบบอย่างของความหมายที่สำคัญและการสร้างอัตลักษณ์ของอัลกุรอาน โดยกล่าวว่า การเน้นถึงอัตลักษณ์อีหม่าน(ศรัทธา) มิได้หมายถึง การทำสงครามและการตัดความสัมพันธ์กัน แต่ได้หมายถึง การเป็นอิสระเสรีและการปิดกั้นเขตเพื่อป้องกันอัตลักษณ์ของศรัทธาในการเผชิญหน้ากับอัตลักษณ์ของฏอฆูตและการปฏิเสธ อีกทั้งจะต้องมีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ปัญหาในวันนี้ของประชาชาติอิสลาม ก็คือ การมีอำนาจทางวัฒนธรรม,เศรษฐกิจและทางการเมืองของตะวันตก โดยท่านกล่าวเสริมว่า ในวันนี้ ส่วนมากของประเทศอิสลามยังไม่มีอัตลักษณ์ของอิสลาม แม้ว่าประชาชนจะเป็นผู้ที่ปฏิบัตินมาซและถือศีลอดก็ตาม ด้วยกับการไร้ซึ่งอัตลักษณ์โดยรวมของอิสลาม ทำให้บรรดาศัตรูนั้นมีความสามารถแทรกซึมเข้ามาในวัฒนธรรม ,เศรษฐกิจ, การเมืองและความสัมพันธ์ทางสังคมได้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดสงครามและการดูถูกเยียดหยามกันในหมู่ชาวมุสลิมด้วยกัน

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเข้าใจและการปฏิบัติตามหลักการของอัลกุรอาน การมีศรัทธาต่อพระเจ้าและปฏิเสธฏอฆูต ทำให้ประชาชาติมีการเปลี่ยนแปลงและยังเป็นความภาคภูมิใจ โดยท่านกล่าวเสริมว่า วันนี้โลกของผู้ปฏิเสธต้องการที่จะทำลายอัตลักษณ์ของอิสลามในทุกพื้นที่ทั่วโลก

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การออกห่างจากอัลกุรอานเป็นสาเหตุให้บรรดาศัตูรได้ใช้ประโยชน์จากการฉวยโอกาสในการฉีดวัคซีนของการปฏิเสธ และการเชื่อมสัมพันธ์กับสิ่งเหล่านี้ และท่านยังกล่าวว่า สถานการณ์ในวันนี้ของรัฐบาลและประเทศอิสลามในการเผชิญหน้ากับอเมริกาและไซออนิสต์และบรรดาผู้ริดรอนสิทธิ ล้วนเกิดจากการห่างไกลจากอัลกุรอาน หากว่าเรานั้นได้เข้าใกล้กับอัลกุรอานและอัตลักษณ์ของอิสลาม ปัญหาทั้งหมดก็จะถูกขจัดอออกไปจนหมดสิ้น

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ย้ำอีกถึงบทบาทที่สำคัญของบรรดาศิลปิน ,นักกวี และนักประพันธ์ในการส่งเสริมต่อการเข้าใจในมะฟาฮีม (ความหมายที่แท้จริง)ของอัลกุรอาน โดยท่านกล่าวว่า การเปลี่ยนจากความเข้าใจในความหมายของอัลกุรอานเป็นการเสวนาทั่วไปในหมู่ประชาชนนั้น ด้วยกับความอุตสาหะและเพียรพยามอย่างมุ่งมั่นของผู้ที่เคร่งครัดศาสนา ถือว่าเป็นภาระกิจเป็นไปได้และต้องมีการปฏิบัติด้วย

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงความโดดเดี่ยวของอัลกุรอานในช่วงสมัยการปกครองกษัตริย์ชาฮ์ ปาเลวี และการเจริญรุ่งเรืองในการจัดมัจลิซและการอบรมสอนสั่งอัลกุรอานในอิหร่านนั้น ก็ด้วยกับบะรอกัตของการปฏิวัติอิสลามทั้งสิ้น โดยท่านกล่าวเสริมว่า วันนี้ เรานั้นมีความภาคภูมิใจต่อประชาชนและบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาวของเรา ที่มีความรักและเข้าใจในอัลกุรอาน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าในสถานที่ใดของประเทศที่มีการจัดมัจลิซเกี่ยวกับอัลกุรอาน จะได้การตอบรับจากบรรดาเยาวชนเป็นอย่างมาก

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ภาระกิจกับอัลกุรอานนั้น ยังไม่สมบูรณ์ และท่านผู้นำยังกล่าวขอบคุณต่อบรรดาเจ้าหน้าที่จัดการทดสอบอัลกุรอานในครั้งนี้ โดยกล่าวเสริมว่า จำเป็นที่จะต้องให้ประชาชนทุกคน,ครอบครัวทั้งหลายและบรรดาเยาวชนมีความรักในอัลกุรอานและได้ใช้ประโยชน์จากอัลกุรอาน

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม มุฮัมมะดี ตัวแทนวะลียุลฟะกีฮ์และผู้อำนวยการองค์กรวะกัฟ และกิจการการกุศล ได้กล่าวรายงานถึงการทดสอบอัลกุรอานครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งที่ 34 ด้วยกับคำขวัญที่ว่า หนึ่งคัมภีร์ คือหนึ่งประชาชาติ ที่มีผู้เข้าร่วมในการทดสอบอัลกุรอานจากทั่วโลก จำนวน 83 ประเทศด้วยกัน ซึ่งมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญอัลกุรอาน, นักท่องจำ, นักกอรี, คณะกรรมการตัดสิน, นักค้นคว้าวิจัย รวมทั้งสิ้นอีก 400 คนด้วยกัน

ฮุจญตุลอิสลาม มุฮัมมะดี ยังกล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากนี้ ยังได้มีการจัดนิทรรศการอัลกุรอานและสัมมนาเกี่ยวกับอัลกุรอานและการเทอดเกียรติให้กับบรรดาชะฮีดแห่งการปฏิวัติอิสลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาชะฮีดผู้ปกป้องฮะรัม ถือว่าเป็นกิจกรรมสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบอัลกุรอานในครั้งนี้

ในช่วงแรกของการเข้าพบ คณาจารย์อัลกุรอานและบรรดาผู้ที่ได้รับรางวัลดีเด่นจำนวนหนึ่งได้อ่านโองการอัลกุรอานเพื่อเป็นบะรอกัตต่อการพบปะกัน

700 /