อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เมื่อช่วงเช้าของวันพฤหัสที่ผ่านมา ในการเข้าพบของประธานสภาผู้ชำนาญการและบรรดาสมาชิกของสภานี้ โดยท่านผู้นำสูงสุดถือว่า สภาแห่งนี้นับว่าเป็นสภาที่มีความพิเศษและมีความสำคัญอย่างยิ่ง อีกทั้งยังส่งผลในปัจจุบันและอนาคตของประเทศด้วย และท่านยังเน้นถึงความจำเป็นในความรู้สึกรับผิดชอบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัญหาเกี่ยวกับการดำรงชีพของพวกเขา ซึ่งท่านกล่าวเสริมว่า : จะต้องมีความเพียรพยายามอย่างมุมานะและทำให้ผลของเศรษฐกิจต้านทานนั้นเกิดขึ้น ในการดำเนินชีวิตของประชาชน และการขับเคลื่อนที่สร้างความภาคภูมิใจในสี่ทศวรรษที่ผ่านมานั้น ถือว่ามีความรวดเร็วและมีการพัฒนาความก้าวหน้าที่เพิ่มมากขึ้น
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงความจำเป็นในความลึกซึ้งและคุณภาพที่มากขึ้นของการปฏิบัติงานของสภาผู้ชำนาญการ ซึ่งท่านได้ชี้ถึงส่วนหนึ่งในคำสั่งที่เป็นที่รู้จักของท่านอิมามอะลีถึงมาลิก อัชตัร โดยท่านกล่าวเสริมว่า ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน ในส่วนนี้ของคำสั่งของท่านได้เน้นถึง เจ้าหน้าที่ทั้งหลาย จะต้องเป็นฮุจญัต (หลักฐานที่แจ้งชัด)ต่อพระผู้เป็นเจ้าและประชาชนในทุกๆการปฏิบัติ ,คำพูด หรือแม้แต่การนิ่งเงียบก็ตาม และจะต้องมีความสามารถในการตอบคำถามของพวกเขาได้อีกด้วย
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า ในคำกล่าวของอิมามอะลี นอกเหนือจากความจำเป็นในการเป็นฮุจญัตของบรรดาเจ้าหน้าที่ต่อพระเจ้าและประชาชน จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ควรที่จะได้รับความไว้วางใจและประชาชนต้องให้ความสนใจต่อพวกเขา อีกทั้งผลของการปฏิบัติงานของพวกเขานั้น จะต้องสามารถมองเห็นและจับต้องได้ด้วย
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นว่า ถ้าหากว่า เจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นมีความรู้สึกรับผิดชอบ,มีความวิตกกังวลและมีความพยายามในแก้ไขปัญหาของประชาชน อีกทั้งยังมีการกำหนดทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน บ่งบอกว่า พวกเขานั้นกำลังขับเคลื่อนอยู่บนเส้นทางหลักของการปกครองในระบอบอิสลาม แต่ถ้าหากว่า ในทางตรงกันข้ามกันนี้ จำเป็นต้องรู้ว่า พวกเขานั้นได้ออกจากกรอบของการปกครองในอิสลามไปเสียแล้ว
ท่านผู้นำสูงสุดยังชี้ถึง จุดสำคัญอันหนึ่งโดยกล่าวเสริมว่า บางคนจากบรรดานักคิดสมัยใหม่ ต่างพูดกันว่า คำสอนสั่งของตะวันตกนั้นเป็นแหล่งที่มาและส่งเสริมให้มีความรู้สึกรับผิดชอบต่อประชาชน ในขณะที่ความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมและพระเจ้า อีกทั้งประชาชนนั้นมาจากพื้นฐานของหลักการในอิสลาม ,คำสอนและแนวความคิดจากอัลกุรอานทั้งสิ้น
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวอีกว่า “ความรู้สึกรับผิดชอบของบรรดาเจ้าหน้าที่” ถือว่าเป็นประเด็น “เร่งด่วน ,มีความจำเป็นอย่างมาก” โดยท่านกล่าวว่า ในปัญหาทางวัฒนธรรมและการดำรงชีพของประชาชน เรานั้นมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นอย่างมากและแม้แต่เยาวชนผู้ศรัทธาคนหนึ่งจากผลของการปฏิบัติของเรา หากว่า เขาได้หันเหออกจากแนวทาง เราก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึง การมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกันและมีวิธีการที่แตกต่างในการแก้ไขปัญหาหลักของประเทศ และความเป็นไปได้ของการมีเหตุผลที่หลากหลายสำหรับบรรดาผู้มีวิสัยทัศน์ทั้งหลาย โดยท่านกล่าวเสริมว่า ในกรณีเหล่านี้ วิธีการแก้ไขปัญหา และการย้อนกลับยังพื้นฐานและหลักการที่มั่นคงของระบอบอิสลาม หากว่าเหตุผลของพวกเขาสอดคล้องกับหลักการนี้ ถือว่า ถูกต้อง และหากว่ามิได้เป็นเช่นนี้ ก็ถือว่า ได้รับการปฏิเสธ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เน้นอีกว่า ความแข็งแกร่งในหลักการของระบอบอิสลาม ได้ถูกกล่าวย้ำมาหลายครั้งในคำปราศรัยของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฎ) และกล่าวว่า การเน้นย้ำอย่างมากมายมาโดยตลอดของข้าพเจ้า ในการย้อนกลับของบรรดาเจ้าหน้าที่ยังประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเยาวชนนั้น ได้รับมาจากคำปราศรัยและคำสั่งเสียของท่านอิมามผู้ทรงเกียรตินั่นเอง
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า "การปฏิบัติในกฏหมายอิสลาม แม้แต่ในสภาพที่ค่อยเป็นค่อยไป", "การไม่ล่าช้าในการปฏิบัติตามกฎหมายอิสลาม", "การต่อสู้กับชาติมหาอำนาจผู้หยิ่งยะโสและความไม่ไว้ใจต่อพวกเขา" เป็นหลักการที่เข้มแข็งของระบอบอิสลามที่แท้จริง และท่านยังกล่าวอีกว่า: "การต่อสู้กับชาติมหาอำนาจผู้หยิ่งยะโสและการต่อกรกับระบอบเผด็จการทั้งหลายของโลก อีกทั้งการไม่ยอมรับผู้ปฏิเสธให้มีอำนาจเหนือผู้ศรัทธา ถือว่า เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างแน่นอนของระบอบอิสลาม
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมอีกว่า การต่อสู้ มิใช่เพียงแต่การเผชิญหน้ากันทางทหารเท่านั้น แต่ในทุกมิติและวิธีการต่างๆทางด้านวัฒนธรรม ,แนวความคิด ,การเมืองและความมั่นคง
"มนุษย์นิยมและความไว้วางใจต่อประชาชน", "การเรียกร้องความยุติธรรม", "การยืนหยัดต่อสู้กับความอยุติธรรมและการทุจริต" และ "การเชื่อมั่นและการมีศักดิ์ศรีแห่งชาติ" ถือว่า เป็นอีกพื้นฐานและหลักการที่ท่านอยาตุลลอฮ์คาเมเนอี ได้ชี้ถึงและท่านยังกล่าวอีกว่า 'ความรู้สึกในอำนาจสูงสุดทางวัฒนธรรม "และ" ความไม่อ่อนข้อให้กับวัฒนธรรมตะวันตก "ก็ถือว่า เป็นอีกหลักการที่มั่นคงของระบอบอิสลาม ซึ่งเราจะต้องไม่รู้สึกถึงความอ่อนแอทางด้านวัฒนธรรม แต่จะต้องรู้สึกว่าเหนือกว่าในทางวัฒนธรรม
อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี เน้นอีกว่า ในการขับเคลื่อนญิฮาดี ในทุกกระบวนการ เช่น ในด้านวิชาการ และความรู้ ถือว่าเป็นอีกพื้นฐานหนึ่งของระบอบอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า "การหลีกเลี่ยงจากการแข่งขันในระบบศักดินานิยม ก็คือ หนึ่งในพื้นฐานของระบอบอิสลาม แต่ช่างเป็นสิ่งน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ หนึ่งในปัญหาของสังคมวันนี้ ที่มีแนวโน้มในการแข่งขันกันในระบบศักดินา แม้แต่ในชนชั้นกลางและชั้นล่างต่างก็ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่บางคนเช่นกัน
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า " การเห็นอกเห็นใจอย่างมากต่อชนชั้นล่าง" ก็เป็นอีกพื้นฐานหนึ่งของระบอบอิสลามและท่านยังเน้นว่า หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของสภาผู้ชำนาญการ ในอันดับแรกก็คือ การตรวจสอบคุณสมบัติของการเป็นผู้นำและความต่อเนื่องของเขาด้วยเช่นกัน
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในส่วนหนึ่งของคำกล่าวของท่านได้กล่าวย้ำถึงคำวลีที่ว่า “เศรษฐกิจต้านทาน” นั้นเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับในแนวคิดนี้ของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ ,นักวิชาการ และนักคิดซึ่งได้กล่าวในคำพูดของพวกเขา โดยท่านกล่าวเสริมว่า : สิ่งที่สำคัญที่อยู่ในกรอบนี้จะต้องมีการนำมาปฏิบัติ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามกล่าวถึง ปี 1394 เป็นปีที่เน้นย้ำในประเด็นการยืนหยัดทางเศรษฐกิจ โดยท่านเสริมว่า ในปีนั้น การขับเคลื่อนที่เหมาะสมยังไม่เกิดขึ้น และในปี 1395 เราจึงตั้งชื่อว่า เป็นปีแห่งเศรษฐกิจแบบยั่งยืน การดำเนินการและการปฏิบัติ
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ในการนี้ เจ้าหน้าที่รัฐฯได้มีการดำเนินการเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แต่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการปฏิบัติเท่านั้น
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า หากว่ามีการดำเนินการในทุกๆการกระทำที่จำเป็นเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจต้านทาน ในวันนี้ เราจะเห็นถึงความแตกต่างในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศและการดำเนินชีวิตของประชาชน
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ข้าพเจ้าได้กล่าวท่านประธานาธิบดีมาแล้วว่า การอธิบายถึงคุณสมบัติพิเศษโดยทั่วไป ถือว่า เป็นสิ่งที่ดี แต่จะต้องไม่สร้างความเสียหายในการบันทึกทางสถิติ ซึ่งในทุกๆสภาพก็ยังไม่เกิดผลต่อการใช้ชีวิตและการดำรงชีพของประชาชนในระยะสั้นและระยะกลาง
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึง มีอีกหลายวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน โดยท่านกล่าวเสริมว่า การร้องเรียนจากประชาชนและบรรดาผู้เชี่ยวชาญมายังเรา ในประเด็นต่าง ๆ เช่น การผลิต, การสร้างงาน, ,การขจัดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโดยความหมายอย่างแท้จริงและการลักลอบนำเข้าและส่งออก จะต้องมีการดำเนินการที่ประชาชนรู้สึกถึงผลกระทบในการใช้ชีวิตของพวกเขา ซึ่งขณะนี้ มิได้เป็นเช่นนั้น
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า "การผลักดันให้มีการลงทุนจากต่างชาติ" เป็นการดำเนินการในเชิงบวก แต่ท่านยังเสริมอีกว่า แต่มีอัตราที่น้อยจากข้อตกลงกับต่างชาติ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่สมควรที่เราจะนั่งรอคอยการคาดหวังในการลงทุนของพวกเขา แต่ทว่า เราจะต้องมีความสามารถในการกระทำภายในประเทศของเราเอง
ในข้อสรุปบางส่วนจากคำกล่าวของท่านผู้นำสูงสุด ได้เน้นถึง การยืนหยัดทางเศรษฐกิจ จะต้องอยู่บนพื้นฐานที่มั่นคงทางความคิดและเชิงทฤษฎี ซึ่งเป็นวิธีการเดียวที่จะแก้ปัญหาของประเทศและจะต้องมีการดำเนินการ
ในส่วนที่สามจากคำกล่าวของท่านผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลาม ในการเข้าพบของบรรดาสมาชิกสภาผู้ชำนาญการ ท่านได้อธิบายถึงสาเหตุและมิติต่างๆของศัตรูผู้สวาปามโลกกับระบอบอิสลาม
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า "ความเพียรพยายามของระบอบอิสลามในการเกิดขึ้นของอิสลามที่แท้จริง " และ "การขับเคลื่อนไหวญิฮาดีมุ่งสู่อุดมการณ์ต่างๆ" คือ สาเหตุหลักของความเป็นปรปักษ์อันลึกซึ้งของชาติมหาอำนาจผู้หยิ่งยะโสกับสาธารณรัฐอิสลามโดยท่านย้ำว่า พวกเขาไม่มีความขัดแย้งกับการปกครองของนักการศาสนาและการปฏิบัติเพียงเปลือกนอกของอิสลาม ตราบใดที่ยังไม่ขัดกับผลประโยชน์ของพวกเขา และด้วยเหตุนี้เอง บางประเทศจึงมีความสัมพันธ์อันดีเพราะว่ามีคุณลักษณะแบบนี้
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า "การรอดพ้นของประเทศจากการพึ่งพามหาอำนาจ" และ "การสะกัดกั้นจากผลประโยชน์ที่ไม่ดี " คือ ผลลัพท์ของกระบวนการอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการเกิดขึ้นของศาสนาอิสลามที่แท้จริงในอิหร่าน โดยท่านกล่าวว่า : ในตอนนี้ ถ้าหากว่าเราอนุญาตให้พวกอเมริกาเข้ามามีอำนาจเหมือนในยุคของเผด็จการทรราช และมีความเชื่อมั่นต่อพวกเขา ซึ่งพวกเขาจะไม่มีปัญหาใดๆเกี่ยวกับชื่อของ "สาธารณรัฐอิสลาม"
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึง ระดับที่แตกต่างของความเป็นศัตรูของฝ่ายมหาอำนาจผู้ฉ้อฉลโลกกับอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า ความเป็นศัตรูของอเมริกาและไซออนิสต์ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรงและมีการปฏิบัติการ แต่ทว่าบางคนด้วยกับผลประโยชน์ของตน จนพวกเขาไม่แสดงออกทางคำพูดและการกระทำในความเป็นศัตรูอันนี้
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การอ้างข้อมูลที่น่าเชื่อถือในประเด็นปัญหาความมั่นคงและการเมือง ,การสร้างความกดดันอย่างรุนแรงทางเศรษฐกิจ และการโจมตีอย่างกว้างขวาง แต่ปราศจากเสียงในด้านวัฒนธรรม คือ แกนหลักของแผนการณ์ในการปฏิบัติการของฝ่ายศัตรู และท่านกล่าวเสริมว่า: เป้าหมายหลักของพวกเขาก็คือ การทำให้ประชาชนหมดหวังจากระบอบอิสลาม และการให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นได้ยึดถือเอาวิธีการนี้ในการยืนหยัดต้านทานกับศัตรู
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังถือว่า “การต่อสู้ที่เข้มแข็ง ,การจู่โจมและการพึ่งพายังตรรกกะ”คือ วิธีการในการขัดขวางแผนการร้ายของมหาอำนาจผู้หยิ่งยะโส และท่านกล่าวเสริมว่า พวกอเมริกาได้ร่วมมือเป็นมิตรกับจอมเผด็จการที่เลวร้ายที่สุด และต่อต้านสิทธิมนุษยชนมากที่สุด ซึ่งแผนการร้ายอันใหญ่นี้ เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด โดยที่พวกเขาทำการโจมตีต่อการเลือกตั้งของชาติอิหร่านและมีการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งของมหาอำนาจทั้งหมดและจอมเผด็จการทางสื่ออย่าง ไซออนิสต์ ซึ่งประเทศอิหร่าน หลังจากการปฏิวัติ ก็มีการพัฒนาความก้าวหน้าในทุกๆด้าน
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ถึงแม้ว่า เรานั้นมีความกังวลในด้านของวัฒนธรรม แต่เราก็มีการพัฒนาความก้าวหน้า บรรดาเยาวชนในวันนี้ ด้วยกับความลึกซึ้งอย่างมากมายกับเยาวชนในช่วงต้นของการปฏิวัติ พวกเขาก็มีความพร้อมในการป้องกันและเสียสละในด้านต่างๆ
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความลึกซึ้งในเชิงกลยุทธ์และกว้างขวางของสาธารณรัฐอิสลามในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันตก คือ การพัฒนาการที่สำคัญที่สุดในสี่ทศวรรษที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวอีกว่า การเข้ามามีอิทธิพลเพิ่มขึ้นของอิหร่านและผู้ให้การสนับสนุนประเทศทั้งหลายต่อระบอบอิสลาม คือ พื้นฐานที่แข็งแกร่งของเราและความเป็นจริงนี้ทำให้พวกอเมริกาเกิดความไม่พอใจ และนักวิเคราะห์ของพวกเขาจะต้องใช้ความคิดในการหาแนวทางการแก้ไขและต่อกรกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของอิหร่าน
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในช่วงท้ายของคำกล่าวของท่าน ได้กล่าวว่า การพัฒนาความก้าวหน้าและความสำเร็จ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า และบรรดาเจ้าหน้าที่จะต้องสำนึกในความโปรดปรานอันนี้ อีกทั้งท่านยังเน้นว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายต่อหน้าที่อันหนักยิ่งอึ้งของพวกเขา หมายถึง การขอบคุณต่อความโปรดปรานนี้อย่างแท้จริง
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ในช่วงแรกของคำกล่าวของท่านได้กล่าวแสดงความยินดีในสัปดาห์คล้ายวันประสูติของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ) และรักษาเกียรติในความทรงจำที่ดีของมัรฮูม ฮาชิมี รัฟซันจานี โดยชี้ถึง การมีส่วนร่วมของมัรฮูมรัฟซันจานีและมีผลอย่างดีในสภาผู้ชำนาญการจากการก่อตั้งของสภาแห่งนี้ ซึ่งท่านกล่าวว่า มัรฮูม รัฟซันจานี เป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพอันทรงคุณค่า และเป็นองค์ประกอบที่มีประสิทธิภาพในระบอบสาธารณรัฐอิสลาม และการรำลึกถึงพี่ชายผู้เป็นที่รักยิ่งนี้ จะไม่วันลืมเลือนจากเราไปได้
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึง ความทรงจำของมัรฮูม ชารุคี สมาชิกสภาผู้ชำนาญการในแคว้นโลริซตาน ที่บทบาทสำคัญยิ่ง
ท่านผู้นำสูงสุด ยังชี้ถึง การเสียสละของนักดับเพลิง ผู้เสียสละชีวิต โดยกล่าวเสริมว่า พวกเขาเหล่านี้ คือ มนุษย์ที่เสียสละ โดยส่วนมากเป็นเยาวชน ซึ่งพวกเขาได้ทุ่มเทและเสียสละของชีวิตของตนเพื่อปกป้องรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การมีจิตวิญญาณเช่นนี้ แสดงว่าในสถานการณ์นี้ มีมนุษย์แบบนี้จำนวนน้อยมากที่มีจิตวิญญาณในการเสียสละเพื่อประเทศชาติ และเป็นการทำให้จิตวิญญาณอย่างนี้มีชีวิตอยู่ในหมู่เยาวชนต่อไป
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวขอบคุณต่อประธานและสมาชิกของสภาผู้ชำนาญการที่กระตุ้นให้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการต่างๆของสภาแห่งนี้
ในช่วงเริ่มต้นในการเข้าพบ อยาตุลลอฮ์ ญันนะตี ประธานสภาผู้ชำนาญการได้กล่าวขอบคุณต่อคำชี้แนะของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในสถานการณ์ที่เปราะบาง โดยกล่าวว่า สภาผู้ชำนาญการ ถือว่า หน้าที่ของตน คือ การมีความคิดในการปฏิวัติ และคงอยู่ในสภาพการเป็นนักปฏิวัติ อีกทั้งมีการขับเคลื่อนตามทิศทางของการปฏิวัติ
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นอีกว่า บรรดาสมาชิกสภาผู้ชำนาญการมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางวัฒนธรรม ,โลกไซเบอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำรงชีพของประชาชนและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
อยาตุลลอฮ์ ฮาชิมี ชาฮ์รูดี รองประธานของสภาผู้ชำนาญการ ยังกล่าวถึง ความพยายามของศัตรูที่จะสร้างความเสียหายและมีอำนาจเหนือการปฏิวัติ โดยกล่าวว่า การปฏิวัติอิสลามหลังจากการจากไปของท่านอิมามโคมัยนี ได้รักษาเป้าหมายและผลผลิต อีกทั้งความเป็นเอกภาพแห่งชาติและการนำพาอิหร่านให้มีอำนาจและสร้างความภาคภูมิใจในภูมิภาคและในโลก
อยาตุลลอฮ์ ฮาชิมี ชาฮ์รูดี ได้กล่าวถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องในการจัดประชุมครั้งที่สองของสภาผู้ชำนาญการ โดยกล่าวว่า “การตัดสินในการสร้างความแตกแยกและผู้สร้างความแตกแยก” “การสนับสนุนผู้อ่อนแอ” “การต่อต้านกับการกดขี่ฉ้อฉลและการปกป้องผู้ถูกกดขี่” “ความจำเป็นการค้นหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและประเด็นการดำรงชีพและการว่างงานของเยาวชน” “ความจำเป็นในการเพิ่มความสนใจของรัฐบาลต่อเศรษฐกิจต้านทาน” “การให้ความสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภา” “ความจำเป็นในการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ” “การขอบคุณในการเข้าร่วมของประชาชนในวีรกรรมการรวมตัวในวัน 22 บะฮ์มัน “การเน้นถึงการแก้ไขปัญหาเงินเดือนที่เป็นลูกโซ่ของเจ้าหน้าที่รัฐฯ” “การให้ความสนใจต่อปัญหาของประชาชนชาวคูซิสตาน” “ความจำเป็นในการรักษาเอกภาพและมีใจเป็นหนึ่งเดียวกันทางเผ่าพันธ์และศาสนา” “ความสำคัญต่อการข่มขู่และการใช้โอกาสในโลกไซเบอร์” “การสร้างความเข้มแข็งในจิตวิญญาณของการญิฮาดี” ทั้งหมดคือประเด็นที่สำคัญในการประชุมของประธานและบรรดาสมาชิกสภาผู้ชำนาญการ ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา