ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม : ข้าพเจ้ามีวิสัยทัศน์ที่ดีต่ออนาคตของประเทศ และมีบรรดาเยาวชนผู้ศรัทธาที่มีความพร้อมจำนวนมากในการญิฮาดในทุกๆด้าน

ประจวบเหมาะกับวันแห่งการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ นั่นก็คือ วันอีดฆอดีรคุม ซึ่งถือว่าเป็นวัน
อีดแห่งวิลายัตและอิมามัต ,วันอีดุลลอฮุลอักบัร  เมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา บรรดาประชาชนหลายพันคนจากทุกสารทิศทั่วประเทศได้เข้าพบปะท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม 
ณ ฮุซัยนียะฮ์อิมามโคมัยนี (ร.ฮ)

ท่านผู้นำการปฏิวัติในการพบปะครั้งนี้ได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวโรกาสที่ตรงกับวันอีด
ฆอดีรคุม ซึ่งท่านถือว่าสาส์นที่สำคัญที่สุดของเหตุการณ์ฆอดีรก็คือ การแต่งตั้งอิมามัต ซึ่งเป็นหลักการและกฏของการเมือง การปกครองในระบอบอิสลาม และท่านยังชี้ถึงคุณลักษณะอันเฉพาะส่วนบุคคลของท่านอิมามอะลี (อ) โดยเฉพาะคุณลักษณะพิเศษในการปกครองของท่าน และการมีความจำเป็นในการที่จะต้องยึดมั่นในสายธารแห่งวิลายัตของท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี จะเป็นการขับเคลื่อนสู่แนวทางอันเฉพาะของท่านและยังเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งเสียของท่านอีกด้วย
ท่านผู้นำสูงสุดยังชี้ถึงการเรียกวันอีดฆอดีรนี้ว่าเป็นวันอีดที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และกล่าวว่า สาเหตุของการเรียกชื่อวันนี้ เพราะว่ามีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นในเหตุการณ์ฆอดีร ซึ่งเป็นตัวกำหนดหลักการและกฏการเมืองการปกครองในระบอบอิสลาม
ท่านยังเสริมอีกว่า กฏและหลักการนี้ ก็คือ ตำแหน่งอิมามัตและวิลายัตในสังคมของอิสลามที่เป็นพระบัญชาจากอัลลอฮ์ (ซ.บ)โดยผ่านการประกาศจากท่านศาสดาแห่งอิสลาม (ศ็อลฯ)
ผู้นำการปฏิวัติอิสลามเน้นว่า นอกเหนือจากการกำหนดวางหลักการและกฏเกณฑ์แล้ว,ท่านอิมาม
อะลีก็ถูกนำเสนอว่าท่านคือตัวอย่างที่สำคัญของตำแหน่งอิมามัต ที่มีคุณลักษณะอันเฉพาะที่ยิ่งใหญ่ มีรัศมีและสูงส่งยิ่ง อีกทั้งยังไม่อาจที่จะโต้แย้งได้
ท่านเสริมอีกว่า ในโลกนี้ ไม่มีผู้ใดที่จะไปสู่ยังตำแหน่งอิมามัตและผู้นำในการปกครองสังคมอิสลามเหมือนดั่งท่านอะมีรุลมุอ์มินีน และบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางปัจเจกบุคคลเหมือนกับท่าน
อิมามโคมัยนี ผู้ยิ่งใหญ่ทางด้านวิชาความรู้และอิรฟาน อีกทั้งท่านยังเชี่ยวชาญทางด้านประวัติศาสตร์อิสลาม เมื่อเปรียบเทียบกับท่านอะมีรุลมุอ์มินีน ก็เป็นเพียงแสงส่วนหนึ่งที่มาจากแสงสว่างของดวงอาทิตย์เท่านั้น
ท่านผู้นำสูงสุดได้เน้นในบทสรุปของคำพูดของท่านว่า เหตุการณ์ฆอดีร ถือว่าเป็นรากฐานของการวางกฏเกณฑ์และหลักการการเมือง การปกครองในระบอบสังคมอิสลาม และยังแสดงให้เห็นอีกว่า นอกจากกฏของอิมามัตและวิลายัตแล้ว ในศาสนาอิสลามก็มิได้ยอมรับรูปแบบการปกครองประเภทใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นระบอบกษัตริย์ ,เผด็จการ, การกดขี่ข่มเหง, การเรียกร้องที่มากเกิน, ผู้หยิ่งยะโสโอหัง และปฏิบัติอารมณ์ใฝ่ต่ำ อีกทั้งระบอบชนชั้นสูง
ท่านผู้นำได้อธิบายถึงความสำคัญในประเด็นเรื่องฆอดีร ถือว่าเป็นพระบัญชาจากอัลลอฮ์ โดยการสั่งให้ท่านศาสดา ผู้ยิ่งใหญ่ของอิสลามทำการป่าวประกาศ ซึ่งการเป็นศาสนทูตของท่านนั้นขึ้นอยู่กับการประกาศตำแหน่งอิมามัต และท่านผู้นำยังกล่าวว่า ความศรัทธานี้ของอิสลามนั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มั่นคงและเหตุผลต่างๆที่ไม่อาจโต้แย้งได้ ฉะนั้นการยึดถือหลักศรัทธานี้และการอธิบายในมัน จะต้องไม่เป็นแสดงความรู้สึกที่ไม่ดีต่อพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ เพราะว่าการกระทำเช่นนี้ขัดแย้งกับวิถีชีวิตของบรรดาอะอิมมะฮ์ มะอ์ซูมีน (อ) อิมาม ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย
ผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ย้ำหลายครั้งในการให้ความสำคัญในความเป็นเอกภาพในโลกอิสลาม โดยท่านยังชี้ถึงการกล่าวให้ร้ายต่อบรรดาผู้มีเกียรติสูงส่งของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ ซึ่งในความเป็นจริง นื่ถือว่า เป็นอุปสรรคในการรับฟังพื้นฐานทางตรรกะและเหตุผลความเชื่อความศรัทธาในอิมามัต โดยท่านยังตั้งข้อสังเกตว่า การแสดงความรู้สึกที่ไม่ดีต่อสำนักคิดอื่นๆในอิสลามโดยการอ้างชื่อของชีอะฮ์นั้น ในความเป็นจริง มาจากชีอะฮ์อังกฤษ และผลลัพท์ก็คือ การเกิดขึ้นของกลุ่มที่ชั่วร้ายต่างๆที่มีความสัมพันธ์กับอเมริกาและองค์กรลับอังกฤษ เช่น กลุ่มไอซิส และอัลนุศเราะฮ์ ที่ก่ออาชญากรรมต่างๆมากมายในภูมิภาคนี้
 ท่านผู้นำยังกล่าวต่อถึงคุณลักษณะอันจำเพาะทางด้านจิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ของท่าน
อิมามอะลี (อ) เช่น การมีอีหม่านที่ลึกซึ้ง ,การเข้ารับอิสลามก่อนผู้อื่น, การเสียสละในแนวทางอัลอิสลาม ,ความบริสุทธิ์ใจ ,การมีมะอ์รีฟัตต่ออัลลอฮ์ ,ความกล้าหาญ ,การเสียสละตนและการให้อภัย โดยท่านกล่าวเสริมอีกว่า “อีกส่วนหนึ่งของคุณลักษณะต่างๆของท่านอิมามอะลี (อ) ที่เกี่ยวกับวิถีทางการเมือง การปกครอง จากทั้งหมดนั้นก็คือ ความยุติธรรม ,การเสมอภาคกัน ,ความเท่าเทียมกันทางความรู้ของประชาชน ,การออกห่างจากสิ่งเย้ายวนของโลกดุนยา ,การบริหารจัดการ ,การดำเนินการอย่างรวดเร็วทางด้านการปฏิบัติ ,การอธิบาย ,การชี้นำด้วยการมีตักวา ,ความไม่หวาดกลัวในการปฏิบัติสิ่งที่เป็นธรรม และนำสู่การปฏิบัติด้วยกับความยุติธรรม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เกี่ยวกับการออกห่างจากสิ่งอำนวยความสะดวกทางโลกและการเมือง การปกครองในการใช้จ่ายส่วนบุคคล ได้เน้นว่า การกระซิบกระซาบเพื่อการใช้ประโยชน์จากแหล่งทุนที่เขามีอำนาจ ถือว่า เป็นการทดสอบหนึ่งในการปกครองทั้งหลายที่ได้รับ ในขณะที่การปกครองแบบอิมามัต คัดค้านต่อกรณีต่างๆเหล่านี้และการต้องห้ามจากการนำเอาสิ่งของสาธารณะมาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว
ท่านผู้นำสูงสุดยังกล่าวถึงการบริหารจัดการของท่านอิมามอะลีว่า ท่านอิมามอะลีในการบริหารจัดการ ท่านนั้นรู้จักมิตรและศัตรู อีกทั้งการแบ่งประเภทของบรรดาศัตรู ซึ่งพฤติกรรมของท่านในทั้งสาม สงครามนั้นมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจน
ท่านผู้นำการปฏิวัติยังถือว่า ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี คือ บุคคลที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน ผู้ยิ่งใหญ่ และไม่สามารถสาธยายได้ โดยกล่าวเสริมอีกว่า หน้าที่ของเราในการมุ่งสู่ความสูงส่งนี้และการใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะนี้ตามขีดความสามารถและอีหม่านของตนเพียงเท่านั้น
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงความจำเป็นในการเป็นเครื่องประดับของบรรดาชีอะฮ์แห่งวงศ์วานอะฮ์ลุลบัยต์จากการปฏิบัติตามและนำแบบฉบับของพวกท่านทั้งหลายมาเป็นแบบอย่างให้กับตัวเอง อีกทั้งท่านยังกล่าวว่า ผู้ที่รับสินบนหรือใช้จ่ายทรัพย์สินบัยตุลมาลเกินขอบเขต หรือเขาปกปิดสายตาจากสิ่งที่ไม่ดี และไม่มีความรู้สึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ในการชี้แนะต่อสังคม และมิได้เป็นเครื่องประดับให้กับระบอบการปกครองและสังคมของอิสลาม ขณะที่ในความเป็นจริงเป็นเพียงข้อบกพร่องให้กับชีอะฮ์เท่านั้นเอง
ผู้นำการปฏิวัติอิสลามยังเน้นอีกว่า เราไม่มีความสามารถที่จะเป็นผู้สมถะเหมือนดั่งท่านอิมามอะลีได้  แต่ทว่าเรานั้นมีความสามารถที่จะดำเนินตามแนวทางอันเจิดจรัสของท่าน โดยการหลีกเลี่ยงจากการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย และท่านยังกล่าวอีกว่า เป็นที่น่าเสียใจนักที่สังคมของเราได้รับผลกระทำจากกระทำที่ชั่วร้าย นั่นก็คือ การใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายและการกระทำเช่นนี้ยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในมิติต่างๆของตนอีกด้วย
อยาตุลลอฮ์คาเมเนอีถือว่า หนึ่งในผลกระทบที่รุนแรงที่มีต่อสังคม ก็คือ ผลเสียทางเศรษกิจของประเทศ และท่านยังกล่าวอีกว่า ถ้าหากสังคมใดต้องการที่จะมีความแข็งแรงและมั่นคงทางเศรษฐกิจภายใน จะต้องเริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเสียก่อน
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติยังถือว่า การห้ามปรามจากการใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือยนั้น เป็นหน้าที่อันดับต้นของทุกคน และท่านยังเน้นอีกว่า การยึดมั่นในวิลายัตของท่านอะมีรุลมุอ์มินีน จะต้องแสดงออกด้วยกับการกระทำและท่านกล่าวอีกว่า หนึ่งในวิธีการที่ศัตรูนำมาใช้ ก็คือการใช้ประโยชน์จากจุดด้อยของสังคม ที่เรานั้นจะต้องปรับปรุงจุดด้อยอันนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เป้าหมายหลักของศัตรูในสถานะการณ์ปัจจุบันก็คือ การสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศ และท่านยังชี้และเน้นย้ำหลายครั้งมาแล้วถึงการเกิดขึ้นของ
เศรษกิจต้านทาน โดยท่านเสริมว่า ศัตรูพยายามที่จะทำให้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ จนเป็นเหตุทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจต่ออิสลามและระบอบอิสลาม
ท่านยังเน้นอีกว่า ในสถานะการณ์เช่นนี้ หน้าที่ของรัฐบาล ,รัฐสภาและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน อีกทั้งบรรดาประชาชนทั้งหลายที่จะต้องมีการวางแผนและปฏิบัติการณ์ที่ตรงกันข้ามกับการกำหนดเป้าหมายของศัตรู
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามอธิบายถึงการขับเคลื่อนโดยทั่วไปของประเทศ ซึ่งมาจากบะรอกัต(ความเป็นสิริมงคล)ของบรรดาเยาวชนทั้งหลายจำนวนมากมายที่เพียรพยายามในการฟื้นฟูอิสลามและการยืนหยัดของศาสนา ถือว่า เป็นการดีทีเดียวและท่านยังกล่าวเสริมว่า บรรดาเยาวชนเหล่านี้ ด้วยกับความโปรดปรานแห่งพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นศัตรูใดก็ตาม อย่างเช่น อเมริกาและขบวนการ
ไซออนิสต์จะทำให้พวกเหล่านั้นนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพวกเขาได้อย่างแน่นอน
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีเน้นถึงเหตุผลต่างๆที่ได้กล่าวมาหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับเรื่องของอนาคตนั้น ข้าพเจ้ามีวิสัยทัศน์ที่ดี ด้วยกับการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ที่ดีที่จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า บรรดาเยาวชนที่มีศรัทธาโดยมีแรงจูงใจสูงและมีความพร้อมในการญิฮาดในสนามต่างๆและการปกป้องประเทศนั้น มีจำนวนมากมาย และท่านเน้นว่า นี้ก็คือ แรงจูงใจที่จะช่วยเหลือประเทศให้ได้รับความปลอดภัย จำต้องสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องนี้