เมื่อช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (26 พ.ค ) ประธานและบรรดาสมาชิกสภาผู้ชำนาญการสูงสุดสมัยที่ห้า เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า สภาแห่งนี้นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง และเน้นถึง "ตัวตนและเส้นทางของการปฏิวัติ" ในสภาแห่งนี้ : เป็นแนวทางเดียวที่คงอยู่และมีการพัฒนาระบอบรัฐอิสลามและบรรลุเป้าหมายหลักของการปฏิวัติอิสลาม คือ "การมีอำนาจที่แท้จริงของประเทศ" และ "การญิฮาดที่ยิ่งใหญ่" หมายถึง การไม่ปฏิบัติตามศัตรู
ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ในการเลือกตั้งที่ดี ที่มีการตอบรับจากประชาชนอย่างมากมาย และการจัดตั้งสภาที่สูงส่งของผู้ชำนาญการที่มีเกียรตินี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า สภาผู้ชำนาญการสูงสุดนี้ นับว่าเป็นพรประทานจากพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่ง ถ้าหากว่าไม่คำนึงถึงหน้าที่ๆสำคัญของสภานี้ในรัฐธรรมนูญแห่งชาติ ถือว่าเป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ที่มีคุณประโยชน์อย่างมากมาย
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การรวมตัวของกลุ่มชนที่พวกเขานั้นได้รับ “การคัดเลือก และไว้วางใจจากประชาชน” ที่มาจากบรรดานักการศาสนาและนักวิชาการทั้งหลาย เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านเสริมว่า การรวมตัวกันนี้ถือว่า เป็นการแสดงศักยภาพที่ดีต่อการแลกเปลี่ยนทัศนะซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังเป็นความร่วมมือและการปฏิบัติงานที่ดี
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างบรรดานักการศาสนาและสมาชิกของสภาผู้ชำนาญการกับประชาชนต่างๆทั่วประเทศนั้น ต้องมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน โดยท่านกล่าวว่า อย่าปล่อยให้ถึงเวลาที่สมควรจึงจะปฏิบัติตามหน้าที่ต่างๆที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งชาติ
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า "การแสดงความคิดเห็นร่วมกันในปัญหาต่างๆ",“มุ่งเน้นในประเด็นที่เจาะจง '' ระบุถึงสถานะและคำเรียกร้อง" และ "การจัดตั้งการเสวนาและคำร้องเรียนของประชาชน ทั้งหมดนั้นคือความสามารถของสภาผู้ชำนาญการ โดยท่านเน้นเสริมว่า ในขณะที่เป้าหมายนี้จะเกิดขึ้นต้องได้มีการขับเคลื่อนจากสภาต่างๆ, บรรดาเจ้าหน้าที่ และผู้ดำเนินการไปตามรูปแบบของธรรมชาติ
ท่านผู้นำสูงสุดเน้นว่า ทิศทางและเป้าหมายของสภาผู้ชำนาญการต้องไปในทิศทางเดียวกับเป้าหมายของการปฏิวัติอิสลาม และท่านกล่าวว่า : "การปกครองอิสลาม", "เสรีภาพ" "อิสระภาพ", "ความยุติธรรมทางสังคม", "สวัสดิการสังคม", "การขจัดความยากจนและความโง่เขลา "," ความต้านทานต่อการทุจริตคอรัปชั่นทางเศรษฐกิจ,สังคมและระบบการเมืองของตะวันตก "และ" ต่อต้านกับฝ่ายชาติมหาอำนาจจอมเผด็จการ คือ เป้าหมายที่สำคัญของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การยึดครอบครองผู้อื่น คือ ธาตุแท้ของชาติมหาอำนาจ และท่านยังตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายชาติมหาอำนาจนั้น ต้องการในการยึดครองเหนือประชาชาติทั้งหลาย และประเทศใดหรือประชาชนใดก็ตามที่ไม่ต้านทาน ก็จะตกอยู่ในกับดักของพวกเขา
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ไม่เป็นที่สงสัยว่า อิสลามจะกำจัดการกดขี่และการเผด็จการท่านกล่าวเสริมว่า : แน่นอนที่สุด อิสลามที่แท้จริง คือ อิสลามที่มีความสามารถต้านทานเผด็จการที่ต้องการครอบครองโลก และจะเป็นตัวทำลายอำนาจทั้งหลายของพวกเขาเหล่านั้น ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นในระบบของการปกครองที่มีอำนาจทางทหาร ,การเมือง ,เศรษฐกิจ,วัฒนธรรมและสื่อต่างๆอยู่ในการครอบครองได้
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การรักษาการปฏิวัติอิสลามนั้น มีความยากลำบากกว่า การเกิดขึ้นของการปฏิวัติเสียอีก และท่านยังได้อธิบายถึงวิธีการต่อกรกับฝ่ายผู้สวาปามโลกอย่างถูกต้อง และกล่าวเสริมว่า ศัตรูของประเทศอิหร่าน เริ่มต้นในโจมตีนั้น มีการปฏิบัติการอย่างรุนแรง เหมือนในการเกิดขึ้นของสงครามศักดิ์สิทธิ์ 8 ปี ,การจลาจลในช่วงต้นๆของการปฏิวัติอิสลาม,การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย,การโจมตีแหล่งน้ำมันของอิหร่านและการยิงใส่เครื่องบินโดยสาร นี่คือ ตัวอย่างทั้งหมดในการโจมตีของศัตรู แต่ด้วยกับความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้าและความเป็นบุคลากรแห่งพระองค์ของท่านอิมามโคมัยนี และความอดทน อีกทั้งความต้านทานของประชาชาตินี้ จึงทำให้ศัตรูพบกับความปราชัย
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า "สงครามเย็น" คืออีกขั้นตอนหนึ่งในการโจมตีของบรรดาผู้กดขี่โลก ซึ่งท่านกล่าวเสริมว่า การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ,การโจมตีทางการเมือง,การโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวง และการใส่ความต่างๆนานาต่อสาธารณรัฐอิสลามในประเทศอื่น ๆ คือ วิธีการต่างๆในขั้นตอนที่สองของการโจมตีที่ศัตรูได้ใช้ แต่ด้วยกับความโปรดปรานของพระเจ้าและความมั่นคงของชาติและบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ทำให้พวกเขาประสบผลสำเร็จตามที่ต้องการได้
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ขั้นตอนที่สามในการโจมตีของบรรดาศัตรู คือ
"การแทรกแซง" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากและเป็นความต่อเนื่องของสงครามเย็น และท่านยังเน้นอีกว่า ชาติมหาอำนาจได้ใช้กลยุทธ์ในการแทรกแซงโดยมีหลายเป้าหมายหลายประการด้วยกัน : "การมีอิทธิพลต่อศูนย์การตัดสินใจและการตัดสินใจ", " การเปลี่ยนแปลงความเชื่อของประชาชน "และ" การเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณและสถานะของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การโจมตียังพื้นฐานและสถาบันต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม รวมทั้งกองทัพซิพอฮ์ พิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ,สภาการพิทักษ์แห่งชาติ,เยาวชนฮิซบุลลอฮ์ และนักการศาสนานักปฏิวัติ คือ กลุ่มเป้าหมายหลักของศัตรูในสงครามเย็นเพื่อปูทางสู่การทำลายระบบรัฐอิสลามนี้
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ถ้าหากเป้าหมายนี้ได้เกิดขึ้นและสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านไร้ซึ่งในการมีอำนาจ และการทำลายพื้นฐานการปฏิวัติโดยการเปลี่ยนแปลงทิศทางของการขับเคลื่อน มิได้เป็นเรื่องยุ่งยากนัก ฉะนั้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอกล่าวย้ำอีกครั้งว่า การไม่ปฏิบัติตามศัตรูและต่อต้านต่อการเรียกร้องของพวกเขา คือ "ญิฮาด กะบีร " (การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่)
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี หลังจากอธิบายถึงวิถีการขับเคลื่อนการปฏิวัติของสภาผู้ชำนาญการ กล่าวเสริมว่า: นวัตกรรมอันใหม่ที่รักษาวินัยของศาสนาโดยเกิดขึ้นจากองค์ความรู้และมีอำนาจในการวินิจฉัยและรักษาบาดแผลจากศัตรู เช่น "การสร้างความแตกแยกทางศาสนาและนิกาย", "ความขัดแย้งกันในพรรคการเมือง" และ "การสร้างสองขั้วเทียมในประเทศ คืออีกหนึ่งในหน้าที่ๆสภาผู้ชำนาญการนี้ต้องรับผิดชอบ
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม เน้นถึงบรรดาสมาชิกผู้ที่ประชาชนเลือกเข้ามาในสภาผู้ชำนาญการว่า การหยุดนิ่งเฉยนั้นไม่ได้เป็นที่อนุญาต ส่วนหลักการเปลี่ยนแปลงและความพัฒนาในการบรรลุเป้าหมายของอิสลามและการปฏิวัติอิสลามนั้น จะต้องมีการพิจารณากรณีนี้อย่างจริงจัง
ในช่วงสุดท้ายของคำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุด กล่าวอธิบายถึงหน้าที่โดยทั่วไปของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงเวลานี้ โดยท่านถือว่า การมีอำนาจที่แท้จริงของประเทศ คือ การคงอยู่ ,การพัฒนาและการเกิดขึ้นของเป้าหมายต่างๆในการปฏิวัติอิสลามของประชาชน
ท่านผู้นำเสริมว่า บรรดาเจ้าหน้าที่และองค์กรทุกหน่วยของรัฐ จะต้องดำเนินการปฏิบัติหน้าที่ตามวิถีทางนี้อย่างจริงจัง
ท่านผู้นำการปฏิวัติ ถือว่า การมีอำนาจที่แท้จริงของประเทศนั้นมีลักษณะพิเศษกับฝ่ายชาติมหาอำนาจ ท่านกล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากนี้ แม้แต่ประเทศที่เล็กและอ่อนแอ ยังต้องเป็นหนี้บุญคุณของประเทศอิหร่าน
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติ อธิบายถึงตัวอย่างหนึ่งของความเป็นพิเศษในการมีอำนาจของประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า บรรดามิตรที่มีเกียรติยิ่งของเรากล่าวกันว่า เราได้รับความเป็นพิเศษต่อการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ และฝ่ายตรงกันข้ามต่างยอมรับในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน ปัญหานี้ แต่ทว่าหลังจากที่บ่งบอกถึงการมีอำนาจของอิหร่าน หมายถึง การเสริมสมรรถนะยูเรเนียมได้เป็น 20 เปอร์เซ็น เพราะว่า ทั้งหมดทราบดีว่า การเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเป็น 20 เปอร์เซ็นนั้นมีความยากมากทีเดียว
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การผลิตหนึ่งหมื่นเก้าพันเครื่อง Centrifuges (เครื่องหมุนเหวี่ยง) รุ่นแรก, การใช้ประโยชน์หนึ่งหมื่นพันเครื่อง Centrifuges, การผลิตรุ่นที่สอง, สามและสี่ของ Centrifuges (เครื่องหมุนเหวี่ยง), โรงงานผลิตน้ำมวลหนัก เป็นสัญลักษณ์ต่างๆของการมีอำนาจทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งท่านกล่าวเสริมว่า
แม้ว่าศัตรู จะไม่ยอมรับการมีสักหนึ่งเครื่องของ Centrifuges ก็ตาม หลังจากที่พบว่ามีการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศ ก็จำเป็นที่พวกเขาต้องยอมรับ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ความพิเศษนี้ พวกอเมริกามิได้ให้เรามา แต่เราได้รับด้วยกับอำนาจของพวกเราเอง
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า หากว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ ความเป็นหนึ่งเดียวกันจากผลสำเร็จของเศรษกิจต้านทานและความแข็งแรงของเศรษฐกิจในประเทศก็จะเกิดขึ้น และศัตรูจะรู้ถึงความไม่มีผลกระทบใดต่อการแซงซั่น ของพวกเขาได้
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเรียกร้องและการแก้ไขการเกิดขึ้นขององค์ประกอบในการมีอำนาจของบรรดาเจ้าหน้าที่และหน่วยงานต่างๆ คือ ขีดความสามารถสภาผู้ชำนาญการนี้ ท่านกล่าวเสริมว่า การรวมตัวอันยิ่งใหญ่นี้ สามารถที่จะส่งผลต่อการดำเนินการนี้ได้ ด้วยเช่นเดียวกัน
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีตักวา(ความยำเกรง) ,กล้าหาญ ,บะศีรัต(ประจักษ์แจ้ง) มีการปฏิบัติตามเวลาอย่างเหมาะสม ,ไม่หวาดหวั่นต่อคำกล่าวหาของผู้อื่น การรู้จักฝ่ายศัตรูอย่างละเอียดและถูกต้อง และในกลไกของพวกเขา คือ มาตรฐานหลักในการปฏิวัติอิสลาม
ท่านผู้นำสูงสุดเน้นว่า ในบางครั้ง ศัตรูมีเป้าหมายที่เฉพาะ ปฏิบัติงานในแง่บวกและได้รับการตอบรับภายในของอิหร่านเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากว่า เราคำนึงถึงเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเรา เราก็ไม่ถูกพวกเขาหลอกอย่างแน่นอน
สิ่งสุดท้ายที่ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ฝากถึงตัวแทนของประชาชนในสภาผู้ชำนาญการ ก็คือ การเชื่อมั่นในตัวตนและการระมัดระวังความพ่ายแพ้ทางจิตวิญญาณภายในของพวกท่านทั้งหลาย
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า จงระมัดระวังความกลัวและความพ่ายแพ้ภายใน เพราะว่า ในสภาพเช่นนี้ จะเกิดความพ่ายแพ้ในภาคปฏิบัติการได้
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ในช่วงเริ่มการปราศรัยของท่าน ได้กล่าวต้อนรับ บรรดาสมาชิกใหม่เข้าสู่สภาผู้ชำนาญการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดามุจญตะฮิดคนรุ่นใหม่และนักการศาสนาทั้งหลาย อีกทั้งท่านยังร่วมรำลึกถึงสมาชิกของสภานี้ชุดที่ผ่านมา โดยเฉพาะท่านมัรฮูม อยาตุลลอฮ์ วาอิซ ฏอบะซี
ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำของการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ ญันนะตี ประธานสภาผู้ชำนาญการได้กล่าวขอบคุณต่อสาสน์ของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เนื่องในการเปิดประชุมวิสามัญสภาผู้ชำนาญการ และเขากล่าวว่า เป็นการประชุมที่มีบรรยากาศที่เงียบสงบและมีระเบียบวินัยเป็นอย่างยิ่ง และยังชี้ถึงฐานะภาพของสภาแห่งนี้ โดยกล่าวว่า สภาแห่งนี้ เป็นที่น่าเชื่อถือต่อมติของมหาชน
ประธานสภาผู้ชำนาญการ ยังระบุว่า ภารกิจที่มีหน้าที่รับผิดชอบนั้น จะต้องเป็นที่พึงพอใจของพระผู้เป็นเจ้าและประชาชนด้วย และเน้นอีกว่า เราจะมีการดำเนินการในทุกๆด้านตาม "วิถีของการปฏิวัติอิสลาม"
อยาตุลลอฮ์ ฮาชิมี ชาฮ์รูดี รองประธานคนที่สองของสภาผู้ชำนาญการ กล่าวรายงานเกี่ยวกับการเปิดประชุมครั้งแรกของสภาผู้ชำนาญการ ว่า "ความจำเป็นของการปฏิวัติอิสลาม ในทางความคิดและการกระทำ", "เน้นถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนขององค์กรต่างๆตามคำชี้แนะของท่านผู้นำสูงสุด" และ "ความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงจากการพูดสองแง่ต่อสังคม ทั้งหมดนั้นคือ ประเด็นที่สำคัญในการประชุมครั้งที่ผ่านมา
อยาตุลลอฮ์ ฮาชิมี ชาฮ์รูดี กล่าวเสริมว่า บรรดาสมาชิกสภาผู้ชำนาญการต้องการแก้ไขและจัดการปัญหาต่างๆของประเทศ เช่น ปัญหาความบกพร่องทางวัฒนธรรม, ปัญหาค่าครองชีพและภาวะเศรษฐกิจถดถอย, การจัดหางานของเยาวชน, ปัญหาสินค้าหนีภาษี ปัญหาเศรษฐกิจต้านทานที่ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จ, ปัญหาการจัดตั้งระบบธนาคารอิสลาม, ปัญหาการเกิดขึ้นของแนวคิดที่เบี่ยงเบนและหัวรุนแรง, ปัญหาผลกระทบของโลกเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งปัญหาจังหวัดชายแดน