สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพเข้าร่วมในพิธีสำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัยทหารอิมามฮุเซน (อ) :

ญิฮาด อักบัร(การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่) คือ การยืนหยัดและการไม่ปฏิบัติตามฝ่ายชาติมหาอำนาจ

เมื่อวันที่ 3 โครดอด(ปฏิทินอิหร่าน) ซึ่งตรงกับวันครบรอบการปฏิบัติภาระกิจพิเศษบัยตุลมุก็อดดัสที่สร้างความภาคภูมิใจแก่ประเทศอิหร่าน อีกทั้งยังเป็นวันแห่งการปลดปล่อยเมืองโครัมชะฮ์ร์ 

เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ผ่านมา  ได้มีการจัดพิธีสำเร็จการศึกษาของนักเรียนนายร้อยทหารและการฝึกอบรมการทหารของมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน (อ) โดยในการนี้ อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ ได้ร่วมอยู่ในพิธีการดังกล่าวด้วย

ผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลาม ในช่วงต้นก่อนการเข้าร่วมพิธีการ ท่านได้เข้าเยี่ยมยังสุสานบรรดาชะฮีดนิรนาม พร้อมทั้งร่วมอ่านซูเราะฮ์ฟาติฮะฮ์เพื่ออุทิศแด่ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ของบรรดาชะฮีด และรำลึกถึงความทรงจำของบรรดาชะฮีดผู้ปกป้องประเทศและท่านยังวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าโปรดทรงยกสถานภาพอันสูงส่งให้กับพวกเขาด้วยเถิด

ผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ ได้เดินตรวจในการสวนสนามของบรรดาทหารด้วย

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวขอบคุณต่อบรรดาทหารผ่านศึกที่มาร่วมในพิธีการครั้งนี้ โดยเฉพาะบรรดาทหารผ่านศึกจากการปกป้องฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์ และครอบครัวของบรรดาชะฮีดในสงครามศักดิ์สิทธิ์ 8 ปี อิหร่าน-อิรัก 

ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ในพิธีการนี้ ท่านได้กล่าวถึงถ้อยคำที่สำคัญจากการอธิบายในตรรกะของคัมภีร์อัลกุรอานและศาสนาอิสลาม "ญิฮาด อักบัร" (การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ ) หมายถึง

 "การยืนหยัดและการไม่ปฏิบัติตามฝ่ายชาติมหาอำนาจ" และท่านยังกล่าวถึงมิติและความจำเป็นที่สำคัญของระบอบการปกครองของรัฐอิสลามและท่านยังชี้ให้เห็นถึงความพยายามและแผนการณ์ของฝ่ายชาติมหาอำนาจในการแทรกแซงและการเปลี่ยนแปลงตัวตนของระบอบอิสลาม 

โดยท่านกล่าวว่า หน้าที่ๆสำคัญที่สุดในปัจจุบันของมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาศาสนา องค์ประกอบและเยาวชนนักปฏิวัติที่มีศรัทธา และเช่นเดียวกับองค์การการพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน "การดำเนินการอย่างรอบคอบและชาญฉลาดในการอธิบายและชี้แจงเกี่ยวกับความลึกซึ้งของคำขวัญต่างๆในการปฏิวัติอิสลาม" และ "หลีกเลี่ยงจากการดำเนินการอย่างผิวเผิน" "เตรียมความพร้อมปฏิบัติการในอนาคต" และ "การจัดตีพิมพ์จากประสบการณ์ต่างๆทางวิชาการในการปฏิวัติตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 38 ปี"  

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวันประสูติของอิมามแห่งกาลเวลา และร่วมรำลึกถึงวันที่ 3 เดือนโครดอด ซึ่งเป็นวันคล้ายวันแห่งการปลดปล่อยเมืองโครัมชะฮ์ร์ ท่านถือว่า วันนี้เป็นวันหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติอิสลามที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่งและยังเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของอำนาจของพระเจ้าและท่านกล่าวเสริมว่า : เกี่ยวกับเรื่องของการปฏิบัติการปลดปล่อยเมืองโครัมชะฮ์ร์ และการปฏิบัติการอื่นในสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้นมีรายละเอียดมากมาย บางทีประชาชนส่วนมาก โดยเฉพาะบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาวนั้นไม่ทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉะนั้น จึงแนะนำให้อ่านและศึกษาในหนังสือที่เกี่ยวกับการปฏิบัติภาระกิจต่างๆ 

ผู้นำสูงสุด ได้กล่าวอธิบายเกี่ยวกับหนึ่งในจุดสำคัญในการปลดปล่อยเมืองโครัมชะฮ์ร์ คือ การสนับสนุนและช่วยเหลือโดยอำนาจแห่งพระเจ้า และท่านยังกล่าวว่า 

ท่านอิมามโคมัยนี ท่านเป็นบุคลากรของพระเจ้าและเป็นปราชญ์ของพระองค์ กล่าวไว้ว่า พระเจ้าคือผู้ปลดปล่อยเมืองโครัมชะฮ์ร์

ผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ในตรรกะนี้ เวลาที่มีความพยายามและดำเนินการและใช้ความสามารถนำเข้าสู่สนามอย่างแท้จริง จนในที่สุดได้มอบความไว้วางต่อพระเจ้า ด้วยอำนาจของพระองค์ก็จะได้การช่วยเหลือและเป็นแรงสนับสนุนที่ส่งผลต่อการปลดปล่อยเมืองโครัมชะฮ์ร์ ในขณะที่ศัตรูนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกและอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างครบครัน

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ด้วยกับตรรกะนี้ เป็นไปได้ที่จะมีการปลดปล่อยทุกแห่งหนบนโลกใบนี้ จากอำนาจของชาติมหาอำนาจ ,เป็นไปได้ว่าจะมีการปลดปล่อยปาเลสไตน์และเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มีประเทศใดที่ถูกกดขี่หลงเหลืออยู่อย่างแน่นอน

ท่านผู้นำสูงสุดเน้นว่า : หากว่าในทุกๆประเทศใช้ตรรกะอันนี้และใช้ความเพียรพยายามทั้งหมดของพวกเขาและมอบความไว้วางใจต่อพระเจ้า แน่นอนที่สุด พวกเขาก็จะไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจการทหาร ,การเงิน ,การเมือง การปกครอง อีกทั้งการโฆษณาชวนเชื่อของบรรดาชาติมหาอำนาจอย่างแน่นอน 

ผู้นำสูงสุด ยังชี้ถึงความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จฝ่ายชาติมหาอำนาจในการทำลายการปฏิวัติอิสลาม ตลอดระยะเวลา 38 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการใช้เครื่องมือและแผนการร้ายต่างๆนานาประการก็ตาม ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน นั่นก็คือ การปฏิบัติตามตรรกะของการต่อสู้และการยืนหยัดด้วยกับการมอบความไว้วางใจต่อพระเจ้า และท่านเน้นอีกว่า : ประชาชาติอิหร่านมีความพร้อมในการร่วมเข้าสู่สนามและเยาวชนส่วนมากก็มีความพร้อมในการเสียสละชีวิตของพวกเขาเพื่อการปฏิวัติและนี่คือสิ่งที่จะดึงดูดอำนาจของพระเจ้า 

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า สงครามประเภทนี้ในการเผชิญหน้ากับฝ่ายชาติมหาอำนาจ ถือว่าเป็นสงครามที่ไม่สมดุล โดยท่านกล่าวอีกว่า ในสงครามที่ไม่สมดุลนี้ ทั้งสองด้านของฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งมีทั้งความสามารถและแหล่งที่มาของอำนาจ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีเช่นนั้น และแหล่งที่มาของอำนาจในระบอบอิสลาม ก็คือ การเชื่อมั่นและมอบความไว้วางใจต่ออำนาจของพระเจ้า คือ การเชื่อมั่นต่อชัยชนะและอำนาจที่มนุษย์ผู้ศรัทธาพึงประสงค์ 

ท่านผู้นำสูงสุด ยังเน้นถึง สงครามที่ไม่สมดุลนี้ คือ  "สงครามของเจตนา" และท่านกล่าวว่า ในสงครามครั้งนี้ แต่ละมุมด้านของสองด้านของเจตนาเกิดความอ่อนแอลง ก็จะเป็นผลให้เกิดความปราชัยขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการโฆษณาชวนเชื่อและการกระซิบกระซาบของศัตรูที่เป็นตัวบ่อนทำลายเจตนาที่แท้จริงพวกเรา 

ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม เสริมว่า สงครามนี้นั้นสูงกว่าสงครามทางการทหารและถือว่าเป็นประเภทหนึ่งของการญิฮาด(การต่อสู้) โดยท่านกล่าวว่า : ในวันนี้ คาดว่าจะเกิดสงครามทางทหารแบบดั้งเดิมกับประเทศเรานั้นน้อยมากๆ แต่ปัญหาของการญิฮาดนั้นยังคงอยู่ และการญิฮาดนี้เป็นตรรกะของคัมภีร์อัลกุรอานและศาสนาอิสลาม “ญิฮาด อักบัร " หมายถึง "การยืนหยัด, ความต้านทานและการไม่ปฏิบัติตามบรรดาผู้ปฏิเสธและพวกตั้งภาคี

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นถึง การเกิดขึ้นของการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ ในทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดยังตั้งข้อสังเกตว่า ในทุกๆพื้นที่ของประเด็นเหล่านี้ โดยเปลี่ยนจากการปฏิบัติตามฝ่ายผู้ปฏิเสธและพวกตั้งภาคี จำเป็นที่จะต้องยึดมั่นกับแผนการของอิสลามและปฏิบัติตามอัลกุรอาน 

ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ปัญหาวันนี้ของสาธารณรัฐอิสลามและฝ่ายชาติมหาอำนาจ คือ ประเด็นในการปฏิบัติตาม และกล่าวว่า พวกเขาได้ใช้อุปกรณ์ทุกอย่างในความเพียรพยายามในด้านต่างๆทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง และการโฆษณาชวนเชื่อและตัวแทนของพวกเขาที่ทรยศต่ออิสลามและทำลายระบอบอิสลาม จึงเป็นเหตุให้ต้องปฏิบัติตามพวกเขา  แต่สิ่งที่เป็นสาเหตุให้ชาติมหาอำนาจเกิดความโกรธอย่างมากต่อประชาชาติอิหร่าน เพราะว่าประชาชนชาตินี้เป็นชาวมุสลิมและไม่พร้อมที่จะปฏิบัติตามชาติมหาอำนาจอย่างแน่นอน

ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ว่า ประเด็นต่าง ๆ เช่น พลังงานทางนิวเคลียร์และทางขีปนาวุธ และสิทธิมนุษยชน ถือว่าเป็นข้ออ้าง และท่านยังเน้นว่า : สาเหตุหลักของความเป็นศัตรูเหล่านี้ทั้งหมดและการสร้างข้ออ้างเหล่านั้น มาจากการไม่ปฏิบัติตามฝ่ายชาติมหาอำนาจ เพราะว่า ถ้าอิหร่านพร้อมที่จะปฏิบัติตาม พวกเขาก็จะไม่พูดถึงเรื่องพลังงานนิวเคลียร์และขีปนาวุธ อีกทั้งเรื่องของสิทธิมนุษยชนด้วย

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นถึงประเด็นเรื่องขีปนาวุธ หนึ่งจุดที่สำคัญ กล่าวว่า ล่าสุดในกรณีความสามารถทางขีปนาวุธของอิหร่าน พวกเขาก็สร้างปัญหาขัดแย้งในประเด็นนี้ ซึ่งพวกเขาจะต้องรู้ว่า ความวุ่นวายนี้ ไม่สงผลกระทบอะไรและพวกเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะสร้างความผิดพลาดให้เกิดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน 

จากนั้น ท่านผู้นำสูงสุดได้อธิบายถึงสาเหตุของความเป็นปฏิปักษ์ของศัตรูกับระบอบการปกครองของอิสลาม และกล่าวว่า ชาวอเมริกันมีความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่พูดกันถึงเหตุผลหลักของความปฏิบักษ์นี้ แต่บางครั้ง กลับถูกเปิดเผยออกมาจากพวกเขาเอง เหมือนเมื่อหลายวันผ่านมา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งชาวอเมริกา หลังจากที่กล่าวหาในการต่อต้านอิหร่าน ซึ่งเขาได้ชี้ถึงประเด็นหนึ่งก็คือ ประเด็นอุดมการณ์ทางความคิด  นั่นคือ ความคิดของอิสลามที่ทำให้ประชาชาติอิหร่านไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของฝ่ายผู้ปฏิเสธและมหาอำนาจ 

ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า "การยืนหยัด", "การไม่ปฏิบัติตามศัตรู" และ "การรักษาตัวตนของการปฏิวัติอิสลาม" เป็นองค์ประกอบหลักของการมีอำนาจของระบอบอิสลามและประชาชาติอิหร่าน ท่านยังกล่าวอีกว่า อเมริกาและชาติมหาอำนาจอื่นๆ ต่างมีความไม่พอใจในประเด็นนี้เป็นอย่างมากและก็ไม่มีทางเลือก และด้วยกับพื้นฐานนี้ พวกเขาก็พยายามอย่างมากมายที่จะทำให้ศูนย์กลางในการตัดสินใจและการตัดสินใจของประเทศอยู่ใต้อำนาจของพวกเขา แต่ทว่าพวกเขาไม่สามารถและด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า พวกเขาจะไม่มีความสามารถอย่างแน่นอน 

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า หน้าที่หลักของกองทัพ "การปกป้องจากการปฏิวัติอิสลาม" ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ นั้น จะต้องเป็นแบบแผนหลักของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม  

ท่านผู้นำสูงสุด ยังชี้ถึง การโจมตีและการตั้งข้อกล่าวหากับกองทัพทหาร กล่าวว่า เหตุผลหลักสำหรับความไม่พอใจนี้ ก็คือ การยืนหยัดของกองทัพในวิถี,การรักษา กำหนดทิศทางและปลุกจิตวิญญาณของการปฏิวัติอิสลาม 

ผู้นำสูงสุด กล่าวถึงบรรดาเยาวชนและนักศึกษาในพิธีการนี้ว่า อนาคตของการปฏิวัติอิสลามนั้นเป็นของพวกท่าน และพวกท่านจะต้องรักษาประวัติศาสตร์อันนี้อย่างมีเกียรติและจะต้องรู้ในอนาคตว่า ยังมีโครัมชะฮ์ร์ อยู่เบื้องหน้าพวกท่าน ซึ่งไม่ได้อยู่ในสมรภูมิรบ แต่ทว่าในสนามที่ไม่มีการทำลายล้างจากสงครามทางทหาร หรือตรงกันข้ามกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่มีความยากลำบากกว่าสงครามทางทหารเสียอีก 

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมอีกถึง การอธิบายในมิติต่างๆ ของ "การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่" ในด้านเศรษฐกิจ ,สังคมและวัฒนธรรม โดยกล่าวว่า "ความเน้นย้ำในการดำเนินการทางเศรษฐกิจต้านทาน คือ ส่วนหนึ่งของการญิฮาดทางเศรษฐกิจ", "การตอกย้ำเรื่องนี้กับเยาวชนผู้ศรัทธา, ฮิสบุลลอฮ์และ นักปฏิวัติ จะต้องขับเคลื่อนทางวัฒนธรรมด้วยตัวของพวกเขาเอง อีกทั้งหน่วยงานทางวัฒนธรรม ก็ต้องขับเคลื่อนไปตามแนวนี้ด้วยเหมือนกัน และนี่ก็คือ ส่วนหนึ่งของการญิฮาดทางวัฒนธรรม" และ " การเน้นย้ำในการใช้ประโยชน์ขีดความสามารถของประเทศบนเส้นทางของการพัฒนา เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางสังคมของการญิฮาดที่ยิ่งใหญ่นี้” 

ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงข้อกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามบางคนที่อ้างว่าการใช้ความสามารถภายในหมายถึงการตัดความสัมพันธ์กับโลก ท่านกล่าวเสริมว่า: เราไม่เคยพูดที่จะตัดความสัมพันธ์กับโลกและปิดกั้นตัวเอง แต่ทว่า เรากล่าวว่า จะต้องมีความสัมพันธ์ทางการเมือง และการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจำต้องไม่ลืมตัวตนที่แท้จริงของพวกท่าน เวลาที่จะพูดเจรจา หรือลงนามข้อตกลงในฐานะที่พวกท่านนั้นคือ ตัวแทนของอิสลามแห่งอิหร่าน พวกท่านจะต้องพูดในนามตัวแทนของอิสลามและนั่งลงที่โต๊ะเจรจาบันทึกข้อตกลง อีกทั้งดำเนินการอย่างชาญฉลาด

ผู้นำสูงสุด เน้นว่า ญิฮาด (การต่อสู้)ที่ยิ่งใหญ่ นั้นความต้องการความชาญฉลาดและความบริสุทธิ์ใจ ในความพยายามและความหวังของศัตรูที่จะแทรกแซง โดยท่านกล่าวว่า : วันนี้ศัตรูหมดหวังจากการสร้างความเสียหายให้เกิดกับระบอบการปกครองของอิสลาม แต่ทว่า ได้ใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ต่างๆที่มีความซับซ้อน ในการแทรกแซง เพื่อที่จะทำให้ตัวตนที่แท้จริงของเยาวชนอิหร่าน เป็นตัวตนที่อเมริกาและมหาอำนาจต้องการ เพราะว่าจะไม่เป็นเรื่องยากที่จะใช้แผนการให้บรรลุสู่เป้าหมายอย่างที่พวกเขาไม่เสียค่าใช้จ่ายใดทั้งสิ้น

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การไม่รู้จักอย่างถูกต้องของอเมริกาและฝ่ายมหาอำนาจต่ออิหร่าน เป็นการคำนวณที่ผิดพลาดของพวกเขา และท่านกล่าวว่า แน่นอน พวกเขามิได้หมดหวังจากการแทรกแซง ซึ่งในกรณีดังกล่าวนี้ เป็นหน้าที่ๆยิ่งใหญ่บนบ่าของทุกประชาชนชาวอิหร่านและระบอบอิสลาม รวมทั้งกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามอีกด้วย

ท่านผู้นำสูงสุด เน้นว่า กองทัพจะต้องรักษาความพร้อมทางทหารในรูปแบบที่ดีที่สุดและทันสมัย​​ที่สุด โดยท่านกล่าวเสริมว่า : หน้าที่ของกองทัพ มิใช่เฉพาะในสนามรบเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนี้ หนึ่งในหน้าที่ๆสำคัญของทุกๆคนที่มีความรักและห่วงใยต่อของการปฏิวัติอิสลาม เฉกเช่นกองทัพซิพอฮ์ ก็คือ การอธิบายและให้ความกระจ่างชัดเกี่ยวกับความลึกซึ้งของความจริงและคำขวัญของการปฏิวัติอิสลาม 

ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม เน้นถึงความสำคัญในประเด็นการอธิบายและความกระจ่างชัดและความลึกซึ้งในการงานต่างๆ  และท่านกล่าวว่า การอธิบายคำขวัญต่างๆของการปฏิวัติอิสลามและการให้ความกระจ่างชัดเชิงลึกในคำขวัญเหล่านี้ คือ องค์ประกอบที่เกิดขึ้นของการญิฮาดที่ยิ่งใหญ่ เพราะว่า คำขวัญต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม เป็นสัญลักษณ์และลักษณะพิเศษที่บ่งชี้ถึงแนวทางที่ถูกต้องของการปฏิวัติอิสลามและยังเป็นแนวทางที่เที่ยงตรงอีกด้วย

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีความรู้สึก และอารมณ์ในการใฝ่หาข้อเท็จจริงและคำขวัญของการปฏิวัติอิสลามนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยังไม่เพียงพอ และท่านเน้นว่า ถ้าหากว่า ปัญหาเหล่านี้มีคำอธิบายในเชิงลึก แน่นอนยิ่ง ความศรัทธาและความเชื่อต่อคำขวัญเหล่านี้จะไม่แยกออกจากพวกเขา และจะคงอยู่ตลอดไป

ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า สาเหตุที่แท้จริงของการหมุนรอบ 180 องศา ของบางคนในขั้นตอนต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม ก็คือ การขาดความรู้อย่างลึกซึ้งและมีมุมมองในระดับผิวเผินยังประเด็นต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม ท่านกล่าวว่า ในประเด็นหลักต่างๆและคำขวัญของการปฏิวัติอิสลามจำเป็นที่จะต้องเข้าสู่ด้านลึกทางความคิดโดยการใช้ประโยชน์ที่มาจากการชี้แนะของบรรดาคณาจารย์ที่มีคุณธรรม

ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า  "การเตรียมความพร้อมการปฏิบัติการในอนาคต" และ "การจัดพิมพ์ประสบการณ์ทางวิชาการของการปฏิวัติอิสลาม ใน 38 ปี ในการพัฒนา ก็เป็นอีกความจำเป็นหนึ่งของการญิฮาดที่ยิ่งใหญ่ และกล่าวเสริมว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของทุกๆคนทั้งหมด ทั้งมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาศาสนาที่จะต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน (อ) 

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวถึงการอธิบายความจำเป็นในการดำเนินการอย่างลึกซึ้งและวิจารณ์การดำเนินการที่ปราศจากตรรกะที่ถูกต้อง และเน้นว่า : บางครั้ง เยาวชนบางคนซึ่งเป็นได้ว่า เขาอาจจะเป็นคนที่มีคุณธรรมและศรัทธาอย่างแท้จริง ด้วยกับการขัดแย้งกับบุคคลหนึ่งหรือการจัดบรรยายในครั้งหนึ่ง สร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น และเป็นเหตุให้การบรรยายนั้นไม่สมบูรณ์และหยุดกลางคัน ในขณะที่ข้าพเจ้าเคยบอกไปแล้วว่า การกระทำเช่นนี้ไม่มีประโยชน์อันใด และข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยและคิดว่า ประโยชน์คือ การอธิบายและการกระทำที่ถูกต้องอย่างชาญฉลาด

ท่านผู้นำสูงสุด เรียกร้องให้บรรดาเยาวชนผู้ศรัทธาและนักปฏิวัติมีความระมัดระวัง โดยท่านกล่าวว่า บางครั้ง บางคนด้วยกับวัตถุประสงค์ที่ผิดพลาด ได้กระทำการงานที่ไม่ถูกต้อง แล้วบอกว่า นี่เป็นการกระทำของฮิซบุลลอฮ์ และผู้ศรัทธา ซึ่งเขาจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างดีทีเดียว 

ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การให้ความกระจ่างชัดอย่างลึกและการดำเนินการอย่างถูกต้องและชาญฉลาด คือ หน้าที่หลักและเน้นย้ำว่า การดำเนินการทั้งหมดจะมีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อมีการมอบหมายความไว้วางใจและตะวัซซุลยังพระผู้เป็นเจ้าเสียก่อน 

ในช่วงท้ายของการปราศรัยของอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ท่านถือว่า ความจำเป็นที่มั่นคงในความสัมพันธ์ระหว่างหัวใจกับพระเจ้า  คือ "การสร้างความรักผูกพันธ์ต่อคัมภีร์กุรอาน อีกทั้งการครุ่นคิดในโองการทั้งหลายของพระองค์ ", "การให้ความสนใจกับการนมาซและการมีสมาธิในการปฏิบัติอิบาดัต" และ "การใช้ประโยชน์ในโอกาสต่างๆของเดือนชะอ์บานและเดือนรอมฎอน" 

ในพิธีการนี้ พลเอก มุฮัมมัด อาลี ญะอ์ฟะรี ผู้บัญชาการกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามถือว่า สาเหตุหลักของการมีอำนาจของระบอบการปกครองอิสลาม ก็คือการยืนหยัดในทางตรงกันข้ามกับการเรียกร้องเกินขอบเขตของอเมริกา และกล่าวว่า กองทัพได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆในการต่อต้านแผนการของบรรดาศัตรู อาทิเช่น การผลิตอำนาจในการพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม  การย้อนกลับของลักษณะและวิถีของการปฏิวัติอิสลาม มาตรการทางความคิดของผู้นำสูงสุดในการดำเนินการเชิงปฏิบัติ " 

ผู้บัญชาการกองทัพซีพอฮ์ ยังชี้ถึงสงครามตัวแทนของอเมริกา โดยผ่านระบอบเผด็จการในภูมิภาค เขากล่าวว่า : การตื่นตัวโลกอิสลามและการยืนหยัดของอิสลาม จะเกิดขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง และความพยายามของระบบมหาอำนาจไม่สามารถป้องกันความต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลามและการตื่นตัวของโลกอิสลามได้ 

นายพล ญะอ์ฟะรี กล่าวเสริมว่า บรรดาทหารหนุ่มของเราในวันนี้ มีความพร้อมที่จะเข้าสู่สนามที่ยากและซับซ้อนจากการปกป้องอิสลาม การปฏิวัติและเกียรติยศของระบอบอิสลาม 

พลเรือตรีมุรตะฎอ ซาฟารี ผู้บัญชาการทหารมหาวิทยาลัยของอิมามฮุเซน (อ)  เช่นกันได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการและโครงการทางวิชาการ วัฒนธรรม การศึกษาและเสริมสร้างความสามารถในการต่อสู้ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว 

ในพิธีการนี้ บรรดาผู้บัญชาการ อธิการบดี นักค้นคว้าวิจัยและนักประดิษฐ์ และตัวแทนของผู้สำเร็จการศึกษาและนักศึกษาดีเด่นของมหาวิทยาลัยอมามฮุเซน (อ) ได้รับของขวัญจากผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ และตัวแทนของมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน (อ)ยังได้รับเกียรติติดอินทรธนูบนบ่าจากท่านผู้นำสูงสุดอีกด้วย

มีการจัดแสดงกิจกรรมโดยใช้ชื่อว่า อิบาดี อัศศอลิฮีน คือ กิจกรรมหนึ่งของนักศึกษามหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน (อ) ที่จัดขึ้นในพิธีการนี้ ซึ่งเป็นพันธสัญญาของบรรดานักศึกษาที่มีต่อการปฏิวัติอิสลาม 

นอกเหนือจากนี้ ในพิธีการนี้ หน่วยกองทหารต่างๆได้ทำการสวนสนามแสดงต่อหน้าท่านผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ

 

700 /