เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (อังคาร 15 ) เจือง เติ๊น ซาง ประธานาธิบดีเวียดนามได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงการขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีในภาคส่วนต่างๆทางเศรษฐกิจ เทคนิค การค้าและวัฒนธรรม ว่า ความกล้าหาญและการยืนหยัดของประชาชนเวียดนามและการมีบุคคลสำคัญที่โดดเด่นเช่น "โฮจิมินห์" และนายพล "โวเหงียนเกี๊ยบ" ในการต่อต้านการรุกรานของต่างชาติทำให้ประชาชนของพวกท่านเป็นผู้มีเกียรติและได้รับความเคารพในสายตาของประชาชนอิหร่าน และความเคารพและความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ คือปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสมอย่างมากสำหรับการขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง ความพยายามของมหาอำนาจโลกในการเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในประเทศต่างๆว่า การแทรกแซงนี้บางครั้งผ่านสงครามเช่นสงครามเวียดนามและบางครั้งก็อาศัยวิธีการอื่น ๆและวิธีที่จัดการกับการแทรกแซงนี้คือความร่วมมือและความใกล้ชิดซึ่งกันและกันในบรรดาชาติที่เป็นเอกราช
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า นโยบายที่ชัดเจนของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านคือความร่วมมือกับเอเชียรวมทั้งเวียดนาม และกล่าวเสริมว่า เราทราบดีถึงการให้ความร่วมมือของพวกท่านในประชาคมระหว่างประเทศ และเราเชื่อมั่นว่าตราบเท่าที่เป็นไปได้และตามศักยภาพที่มีอยู่ จำเป็นที่จะต้องขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ
ในการพบปะครั้งนี้ ฮะซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านเข้าร่วมด้วย
เจือง เติ๊น ซาง ประธานาธิบดีเวียดนาม กล่าวขอบคุณคำพูดของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ที่ได้ชื่นชมประชาชนและผู้นำเวียดนามที่ได้ยืนหยัดต่อต้านการรุกรานของต่างชาติ ว่า ประชาชนชาวเวียดนามได้ทำการยืนหยัดต่อสู้นานนับสิบปีต่อการรุกรานของต่างชาติ จนกระทั้งได้รับเอกราชและอิสรภาพ
เจือง เติ๊น ซาง ได้ขอบคุณสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านที่ให้การสนับสนุนเวียดนามในประชมคมหระว่างประเทศ ว่า ในแวดวงระหว่างประเทศ เวียดนามก็ให้การสนับสนุนจุดยืนของอิหร่านด้วยเช่นกัน และถือว่าการใช้ประโยชน์จากนิวเคลียร์เพื่อสันติคือสิทธิอันชอบธรรมของอิหร่าน และในอนาคตก็จะสนับสนุนจุดยืนของอิหร่านต่อไป
ประธานาธิบดีเวียดนาม ได้ย้ำถึง ความจำเป็นในการขยายคามร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านต่างๆ ว่า เราหวังว่า ในกรอบของนโยบายการให้ความสำคัญต่อตะวันออกนั้นอิหร่านก็จะมองเวียดนามในฐานะพันธมิตรที่สำคัญเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา