เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานสภาชำนาญการและคณะสมาชิกสภาสมัยที่สี่ ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งในการพบปะครั้งนี้นอกเหนือจากคำปราศรัยที่สำคัญแล้วท่านผู้นำสูงสุดได้ทำการชื่นชมการปรากฏตัวอย่างมีความหมายและยิ่งใหญ่ของประชาชนในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และการประกาศตัวอย่างเด็ดเดี่ยวมั่นคงและจงรักภักดีต่อระบอบอิสลาม ท่านผู้นำสูงสุดได้อธิบายถึงคุณสมบัติของการเลือกตั้งครั้งนี้ และภาระหน้าที่ที่สำคัญและลำดับต้นๆของสภาผู้ชำนาญการและรัฐสภาชุดใหม่ พร้อมกับระบุสามลำดับความสำคัญหลักของประเทศในห้วงเวลาปัจจุบัน "ปัญหาของการแทรกซึม" อันเป็นปัญหาที่สำคัญและจริงจังมาก และกล่าวย้ำว่า วิธีเดียวที่จะมีการพัฒนาอย่างแท้จริงคือ "ความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ" ในด้านเศรษฐกิจวัฒนธรรมและการเมือง คือ "คงรักษาคุณสมบัติของการปฏิวัติ" "การขับเคลื่อนแบบญิฮาดี " "รักษาศักดิ์ศรีและเอกลักษณ์ประจำชาติและศาสนาอิสลาม" และ "การไม่ละลายตามแผนการย่อยสลายที่อันตรายที่สุดของโลก"
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าการเลือกตั้งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและหากพิจารณาจากการปรากฏตัวของประชาชนจำนวน 34 ล้านคน และการหย่อนบัตรลงหีบเลือกตั้งประมาณ 70 ล้านเสียงนั้น ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีความหมายและสำคัญยิ่ง พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนได้สำแดงความเปล่งปลั่งอย่างแท้จริง และการออกมาใช้สิทธิ์ร้อยละ 62 ของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง หากเปรียบเทียบกับบางประเทศโดยเฉพาะอเมริกาแล้วถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า การที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิจำนวนมากเช่นนี้ ในความเป็นจริงแล้วแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบอบอิสลามอย่างเป็นรูปธรรม
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า การได้รับเลือกตั้งและไม่ได้รับการเลือกตั้งในการเลือกตั้งต่างๆนั้นถือเป็นเรื่องปรกติธรรมดา อีกทั้งขอบคุณในความพยายามของบรรดาตัวแทนสภาผู้ชำนาญการสมัยที่ผ่านมาที่ไม่ได้รับการเลือกให้เข้าสู่สภาชุดใหม่ ว่า ทั้งนี้ยังมีผู้อาวุโสอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับเลือกเข้ามาและการที่ไม่ได้รับเลือกนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อบุคลิกภาพของเขาแต่ประการใด ซึ่งอะกอ ยัซดี และ อะกอ มิศบะฮ์ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลดังกล่าว การปรากฏตัวของพวกเขาในสภาผู้ชำนาญการนั้นเป็นการสร้างความสมดุลของสภาและการไร้ซึ่งพวกเขาทั้งสองถือเป็นความสูญเสียของสภา
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงคุณลักษณะและคุณสมบัติของการเลือกตั้งในระบอบอิสลามโดยเฉพาะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่า “เสรีภาพในการกระทำของประชาชน” ในการเข้าร่วมในการเลือกตั้งนั้นเป็นคุณสมบัติประการแรก เนื่องจากในระบอบการปกครองของอิสลามการมีส่วนร่วมและการปรากฏตัวในการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ไม่มีการบังคับ ซึ่งประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งทุกครั้งล้วนแล้วเกิดจากแรงบันดาลใจ ความปรารถนาและความคิดของพวกเขาเองทั้งสิ้น
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมนอี ถือว่า “การแข่งขัน” ในการเลือกตั้งทุกครั้งในระบอบอิสลามถือเป็นคุณสมบัติประการที่สอง และย้ำกล่าวว่า การเลือกตั้งวันที่27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันแบบสมบูรณ์ เนื่องจากทุกกลุ่มและทุกคนต่างมีการนำเสนอสโลแกนและคำขวัญที่แตกต่างกันในการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง และกรมประชาสัมพันธ์ก็ได้มอบโอกาสให้กับผู้ลงสมัครสภาผู้ชำนาญการทั้งหมด และเหล่านี้ถือเป็นความหมายที่แท้จริงของคำว่าการแข่งขัน
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า “ความปลอดภัยและการรักษาความสงบสุขในบรรยากาศการเลือกตั้ง " เป็นจุดเด่นของการเลือกตั้งที่ผ่านมา และกล่าวเสริมว่า ในขณะที่วิถีชีวิตของประชาชนในประเทศรอบๆตัวเรากำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงและเหตุการณ์ก่อการร้าย ทว่าการเลือกตั้งที่มีความยิ่งใหญ่เช่นนี้และการมีส่วนร่วมอย่างคึกคักของประชาชนในวงกว้างและจัดขึ้นมานั้นปราศจากเหตุการณ์ที่ขมขื่นใจใดๆ โดยในกรุงเตหะรานมีการเปิดหีบเลือกตั้งตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเที่ยงคืนภายใต้บรรยากาศที่สงบสุขและปลอดภัยโดยที่ประชาชนสามารถลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้อย่างอุ่นใจ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวขอบคุณในความพยายามและการดำเนินการของตำรวจกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงมหาดไทย คณะทหารและหน่วยรักษาความปลอดภัยและอาสาสมัคร บาซีจญ์ในการจัดการเลือกตั้งที่มีความปลอดภัยและสงบสุข "ความปลอดภัยและมีอามานะห์" เป็นคุณลักษณะหนึ่งของการเลือกตั้งในครั้งนี้ และกล่าวย้ำว่า ตรงกันข้ามกับการโฆษณาชวนเชื่อของศัตรูและการแอบอ้างบางอย่างจากภายใน ซึ่งการเลือกตั้งในสาธารณรัฐอิสลามมีความสงบสุขปลอดภัยเสมอ และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆที่ถูกจัดตั้งขึ้นที่จะส่งอิทธิพลต่อผลของการเลือกตั้ง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเลือกตั้งในวันที่27 กุมภาพันธ์ ได้สำแดงให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องในคำพูดของบรรดาผู้ที่เรียกร้องการเลือกตั้งไม่ถูกต้องในปี 88 และมันก็ได้สร้างฟิตนะห์และภัยอันตรายต่อประเทศ และกล่าวเสริมว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นการเลือกตั้งที่ถูกต้องสุจริต และการเลือกตั้งปี 88 ก็เช่นกันเป็นการเลือกตั้งที่ถูกต้องและสุจริต
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า “พฤติกรรมแห่งสุภาพบุรุษที่แท้จริง” "ของผู้ที่ไม่ได้รับเลือกในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นอีกคุณลักษณะหนึ่งของการเลือกตั้งวันที่27 กุมภาพันธ์ โดยกล่าวย้ำว่า แตกต่างจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ที่ไม่ได้รับการเลือกในปี 88 ที่ได้ทุ่มค่าใช้จ่ายในการสร้างวิกฤติภายในประเทศ และเปิดโอกาสให้ศัตรูแสดงความโลภออกมา แต่การเลือกตั้งครั้งนี้บรรดาบุคคลที่แพ้การเลือกตั้งได้แสดงความยินดีกับผู้ชนะ ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าประทับใจและมีค่าอย่างยิ่ง
ในภาคส่วนนี้ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้สรุปเนื้อหาของตน ว่า การประกาศและแสดงจุดยืนแห่งความไว้วางใจของประชาชนต่อระบอบอิสลามในการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น มันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความพยายามของศัตรูที่จะ "สร้างสองขั้วและแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายของประชาชนและรัฐ" และ "ทำลายความชอบธรรมของการเลือกตั้ง"
ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงการโจมตีสภาพิทักษ์แห่งชาติในช่วงเดือนที่ผ่านมา พร้อมกับแสดงความรันทดใจต่อกลุ่มบุคคลที่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของศัตรู ด้วยการโหมกระหน่ำโจมตีสภาพิทักษ์แห่งชาติมาตลอด ว่า สภาฯดังกล่าว ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างจริงจังซึ่งถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นมันก็เกิดจากข้อผิดพลาดของข้อกฎหมายที่ควรได้รับการแก้ไข
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวว่า การพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครจำนวน 12,000 คนในระยะเวลายี่สิบวันเป็นข้อผิดพลาดทางกฎหมายที่ควรได้รับการแก้ไขและจากปัญหาข้อกฎหมายที่เกิดขึ้นนี้จึงไม่ควรมุ่งโจมตีสภาพิทักษ์แห่งชาติ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงการพิจารณาในเรื่องของคุณสมบัติของผู้สมัคร ว่า หากปราศจากการพิจารณาตรวจสอบแล้วเป็นไปได้หรือที่จะทำการรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครเลือกตั้ง และจะสามารถรับผิดชอบและตอบคำถามต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าได้อย่างไร ?
ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวว่า เมื่อสภาพิทักษ์แห่งชาติไม่รับรองคุณสมบัติของผู้เลือกตั้ง ที่ไมตรงกับข้อกฎหมายและนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ย้ำว่า สภาผู้ชำนาญการเป็นหนึ่งในศูนย์กลางหลักของระบอบสาธารณรัฐอิสลามตั้งแต่เริ่มต้นการปฏิวัติที่ตกเป็นเป้าโจมตีและทำลายของศัตรูและบรรดามหาอำนาจผู้อหังการ ท่านผู้นำสูงสุดยังได้กล่าวเสริมว่า ทุกการกระทำที่เป็นการบ่อนทำลายและต่อต้านสภาพิทักษ์ฯ ถือเป็นการกระทำที่ไม่ใช่อิสลาม ผิดกฎหมาย ผิดหลักการศาสนา(ชัรอีย์)และผิดหลักการปฏิวัติ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวว่า คนที่ขาดคุณสมบัตินั้นอาจทำให้พวกเขาอารมณ์เสียและไม่พอใจนั้นเป็นเรื่องปรกติ แต่ไม่ควรที่จะทำการทำลายและโจมตีสภาพิทักษ์ฯ ทั้งนี้ควร ร้องเรียนผ่านขั้นตอนทางกฎหมาย
หลังจากที่อธิบายคุณลักษณะของการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวเสริมว่า ประชาชนได้ออกมาปรากฏตัวในสนามการเลือกตั้งแล้ว และก็ได้ทำหน้าที่ของพวกเขาแล้ว บัดนี้จึงเป็นหน้าที่ของบรรดาเจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามพันธะกิจของตนเองที่ได้รับ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายถึงหน้าที่สมาชิกสภาผู้ชำนาญการชุดใหม่ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญที่สุดของระบอบการปกครองอิสลาม ว่า พันธะกิจหรือหน้าที่ของสภาผู้ชำนาญการ คือ "การคงไว้ซึ่งการปฏิวัติ ความคิดอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติและการปฏิบัติและการดำเนินการแบบนักปฏิวัติ."
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การคำนึงถึงสามคุณลักษณะดังกล่าวในการเลือกผู้นำคนต่อไปของประเทศอันเป็นความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของสภาผู้ชำนาญการ และกล่าวเสริมว่า มันเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรพิจารณาในการเลือกผู้นำคนต่อไปที่จะต้องไม่เลือกในลักษณะโผงผางและเอามัศลาฮาตเป็นที่ตั้ง การคำนึงถึงความเกรงใจต่างๆจะต้องถูกขจัดออกไป และจะต้องคำนึงถึงพระองค์ คำนึงถึงความต้องการของประเทศและคำนึงถึงหลักแห่งความเป็นจริงเท่านั้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวย้ำว่า หากภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ล้มเหลวและไม่ประสบความสำเร็จแล้ว การงานหลักของประเทศและงานของรัฐบาลก็จะมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงการปรากฏตัวของนักวิชาการ อุลามาอ์และบุคคลสำคัญที่โดดเด่นในสภาผู้ชำนาญการ และชี้ถึงภารกิจของสภาผู้ชำนาญการในการแสดงความต้องการและความปรารถนา และอุปสรรค์ปัญหาของประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ได้รับทราบและชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายหน้าที่ของตัวแทนสภาผู้ชำนาญการชุดใหม่ โดยกำชับและเสนอแนะให้มีส่วนร่วมและช่วยเหลือรัฐสภาอิสลามและคณะรัฐบาล และกล่าวเสริมว่าการสนับสนุนและช่วยเหลือไม่ได้หมายถึงเป็นการตรวจสอบและเอาผิดรัฐสภาในการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
จากนั้นท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง ภารกิจของเจ้าหน้าที่รัฐและรัฐบาล ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน จะมีสามภารกิจหลักที่สำคัญสูงสุดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ : 1 เศรษฐกิจแบบยั่งยืน 2 การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์แบบก้าวกระโดด และ 3 การป้องกันความเสี่ยงของวัฒนธรรม ประเทศ ประชาชนและบรรดาเยาวชน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงความสำคัญประการแรกโดยเน้นย้ำอีกครั้งว่าปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศจะไม่สามารถแก้ไขได้หากปราศจากนโยบายเศรษฐกิจแบบยั่งยืน และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจก็จะไม่เกิดขึ้น และกล่าวเสริมว่า ตามข้อตกลงคือรัฐบาลต้องจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจแบบยั่งยืน และกำหนดหัวหน้าสำนักงานเพื่อตรวจสอบการดำเนินงานแต่มาตรการเหล่านี้ควรจะสัมผัสได้และจับต้องได้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐควรนำเอานโยบายเศรษฐกิจแบบยั่งยืนมาเป็นข้อกำหนดมาตรการในการดำเนินการเศรษฐกิจของประเทศ กำหนดหลักเกณฑ์และทุกความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อีกทั้งนโยบายเศรษฐกิจต้องอยู่บนพื้นฐานของภูมิปัญญาและฉันทามติของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ
ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงข้อสำคัญอันดับที่สองคือ "การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์แบบก้าวกระโดด" ว่า หากต้องการอำนาจและความแข็งแกร่ง ศักดิ์ศรีและศูนย์กลางแห่งอำนาจของโลกก็ควรเสริมสร้างในด้านวิทยาศาสตร์และไม่ควรหยุดการเคลื่อนไหวทางวิทยาศาสตร์
ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า ควรจะดำเนินการอย่างจริงจังในการพัฒนาและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากผลที่จะตามมาคือเศรษฐกิจฐานความรู้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงลำดับความสำคัญข้อที่สามของเจ้าหน้าที่ของรัฐ นั้นหมายถึง "การป้องกันความเสี่ยงทางวัฒนธรรม" ว่า สำหรับการปกป้องวัฒนธรรมนั้นก่อนอื่นต้องเชื่อในเป้าหมายจากนั้นก็วางแผนสำหรับการปฏิบัติและการดำเนินการอย่างจริงจัง
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ถ้าหากสามลำดับความสำคัญดังกล่าวถูกจัดอยู่ในนโยบายของเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างแท้จริงแล้ว ผลลัพธ์ที่จะตามมาคือ ความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศอย่างแท้จริง
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่าความก้าวหน้าแบบผิวเผินผ่านการกระแสตอบรับในเชิงภายนอก การนำเข้าสินค้าและความพึงพอใจของสังคมในห้วงเวลาหนึ่งนั้นสร้างความเสียหายต่อประชาชน และกล่าวย้ำว่า ความก้าวหน้าควรจะหยั่งลึก มั่นคง แข็งแกร่งและวางอยู่บนพื้นฐานหลักภายในประเทศ
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การรักษาคุณลักษณะของการปฏิวัติ การขับเคลื่อนแบบญิฮาดี การรักษาศักดิ์ศรีและเอกลักษณ์แห่งชาติและอิสลาม การไม่ถูกย่อยในการย่อยสลายที่อันตรายด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการเมืองโลก เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญของการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรือง และได้ชี้ถึงแผนการของศัตรูในการแทรกซึม ว่า ตามข้อมูลที่แม่นยำที่ได้รับมานั้น อเมริกาได้มีการวางแผนอย่างจริงจังในการแทรกซึมภายในประเทศ ทั้งนี้การแทรกซึมไม่ใช่มาในรูปแบบของการทำรัฐประหาร เพราะพวกเขารู้ในพื้นฐานของโครงสร้างของสาธารณรัฐอิสลามว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ดังนั้นจึงหาสองแนวทางอื่นในการเข้าไปแทรกซึมภายในประเทศ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า การกำหนดเป้าหมายต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนคือสองเป้าหมายหลักของการแทรกซึมของศัตรู และกล่าวเสริมว่า เป้าหมายของศัตรูในการวางแผนการแทรกซึมในหมู่เจ้าหน้าที่ก็เพื่อเปลี่ยนการคำนวณคิดของเจ้าหน้าที่ภายในประเทศ ซึ่งผลลัพธ์ของมันเพื่อกำหนดและครอบงำความคิดและความปรารถนาให้เป็นไปตามวิถีและความต้องการของศัตรู และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วศัตรูก็ไม่จำเป็นที่จะเข้าไปแทรกซึมโดยตรง และบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมายก็อาจไม่รู้ตัวเอง และได้ตัดสินใจตามที่ศัตรูต้องการ
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การแทรกซึมอีกระดับหนึ่งคือการรุกคืบและกำหนดเป้าหมายในการทำลายความเชื่อของประชาชนที่มีต่ออิสลาม การปฏิวัติ อิสลามการเมือง ศาสนาอิสลามและพันธะกิจโดยรวมของประชาชน นั้นหมายถึงการสร้างชุมชนและสร้างอารยะธรรม โดยกล่าวเสริมว่า การปฏิเสธความเป็นอิสระของประเทศ เป็นหนึ่งในการแทรกซึมและการโจมตีของศัตรู ซึ่งบางคนที่อยู่ภายในประเทศได้มีการนำเสนอประเด็นดังกล่าวด้วยความพลุ่มพล่าม และกล่าวว่าประเด็นความเป็นอิสระเป็นสิ่งที่ล้าสมัยซึ่งในวันนี้มันไม่มีความหมายใดๆอีกแล้ว
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเปลี่ยนความเชื่อของประชาชนเพื่อให้ลืมการก่ออาชญากรรมของตะวันตกนั้นก็เป็นอีกแผนการหนึ่งของศัตรู และกล่าวเสริมว่า ในการโฆษณาระดับนานาชาติจะนำเสนอว่าเหตุใดสาธารณรัฐอิสลามและเจ้าหน้าที่ของตนแสดงปฏิกิริยาต่อต้านและเป็นปฏิปักษ์กับตะวันตกและอเมริกามากถึงขนาดนี้ ?
ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า เราประสบความเดือดร้อนเสียหายอันเกิดจากตะวันตก และเราไม่ควรลืมในสิ่งที่ตะวันตกทำกับเรา และข้าพเจ้าไม่ได้โปรดปรานการตัดความสัมพันธ์กับตะวันตก แต่เราต้องรู้ว่าใครกันที่เรากำลังทำความตกลงและมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ?
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ทำการนับเหตุการณ์และประเด็นที่ชัดเจนของตะวันตกที่เป็นศัตรูกับอิหร่านนับจากยุคกลางในสมัยการปกครองของคอญัร (Ghajar) จนถึงปัจจุบัน ว่า ความอ่อนแอของกษัตริย์ Qajar เป็นเหตุทำให้ตะวันตกสร้างแรงกดดันและถือไผ่ที่เหนือกว่า และสามารถหยุดความเจริญก้าวหน้าของประเทศเรา จากนั้นริซ่าข่านและลูกชายของเขาขึ้นมาปกครอง หลังจากนั้นกลุ่มขบวนการปฏิวัติแห่งชาติ ได้ทำการโค่นล้มเขา เมื่อวันที่ 28 โมรดอด์ ปี 32 จากนั้นก็ได้แต่งตั้งกลุ่มซาวัคนรกขึ้นมาแทน
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า การทำลายพืชผลทางการเกษตร การหยุดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ การลักพาตัวมันสมองของชาติกำลังรับใช้ประเทศ การชักใยคนหนุ่มสาวสู่อบายมุขและติดยาเสพติด เหล่านี้ล้วนเป็นแผนการและการดำเนินการของตะวันตกทั้งสิ้นในยุคปาห์ลาวี
และกล่าวเสริมว่า หลังจากการปฏิวัติอิสลามประสบความสำเร็จตะวันตกเริ่มทำการโจมตี และทำการต่อต้านการปฏิวัติอิสลาม มีการช่วยเหลือด้านการเงิน อาวุธและการสนับสนุนทางการเมืองในพื้นที่ชายแดน ทำการโจมตี ใส่ร้ายป้ายสีและเป็นศัตรูกับท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) การปฏิวัติและบรรดาเจ้าหน้าที่นักปฏิวัติ และในสงครามอิรักอิหร่านเท่าที่มีความสามารถก็จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุนทางทหาร ยุทธ์การและการเมืองให้กับซัดดัม
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การคว่ำบาตรต่ออิหร่านก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความเป็นศัตรู และกล่าวเสริมว่า สาธารณรัฐอิสลามไม่ได้มีเจตนารมณ์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อตะวันตก ทว่าเมื่อโครงสร้างแห่งเอกราชได้ถูกสร้างขึ้นในประเทศนี้ และมันก็เป็นตะวันตกที่เริ่มต้นแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อเรา
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงบรรดาชาติยุโรปที่ได้ปฏิบัตินโยบายของอเมริกาในหลายเหตุการณ์เช่นการคว่ำบาตรและการโฆษณาชวนเชื่อที่รุนแรง ว่า เราเป็นผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในประเทศและมีความรับผิดชอบในประวัติศาสตร์ และถ้าเราไม่ยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูด้วยความกล้าหาญและมั่นคงเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็จะเขมือบและครอบงำประเทศอย่างแน่นอน ซึ่งเราจะไม่มีวันยอมและไม่มีวันอนุญาตให้พวกเขาทำเช่นนี้เป็นอันขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่ว่าเราจะต้องมีความสัมพันธ์กับทั่วทั้งโลก ว่า เราจะต้องมีความสัมพันธ์กับทั่วทั้งโลก ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกาและระบอบไซออนิสต์ เราต้องรู้ว่าโลกไม่ใช่เพียงตะวันตกและยุโรปเท่านั้น
ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึง การปรากฏตัวของ 130 ประเทศในการประชุมสุดยอดสมาชิกชาติที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในกรุงเตหะราน ว่า วันนี้อำนาจกระจายทั่วโลก ทั้งโลกตะวันออกและเอเชียซึ่งเป็นภูมิภาคกว้างไพศาล
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ในเบื้องต้นตะวันตกได้ก่อต่อขึ้นด้วยการเป็นปฏิปักษ์กับอิหร่านและตอนนี้กำลังมองหาช่องทางในการแทรกซึม และกล่าวเสริมว่า บรรดาศัตรูได้วางแผนในการแทรกซึมถึง10 วิธีการด้วยกัน ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม เศรษฐกิจรวมทั้ง "การเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยและนักวิทยาศาสตร์" "การมีส่วนร่วมในการประชุมทางวิทยาศาสตร์ในภาพภายนอกแต่มีจุดมุ่งหมายในการแทรกซึม" และ "การส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายใต้การอำพรางตนในรูปแบบของกิจกรรมทางวัฒนธรรม"
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า แนวทางหลักในการเผชิญหน้ากับการแทรกซึมของศัตรูคือ การสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ และกล่าวเสริมว่า ถ้าสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านมีความมั่นคงและเศรษฐกิจภายในมั่งคั่ง บรรดาผู้ที่กำลังพยายามระรานอิหร่านและกำลังต่อต้านเราก็จะเรียงแถวเข้ามาเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับระบอบอิสลามแห่งนี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวย้ำว่า ในวันนี้การไปมาของตะวันตกมีอย่างต่อเนื่อง แต่การไปมาเหล่านี้ไม่เกิดผลในเชิงบวก และภาคปฏิบัติควรมีการระบุให้ชัดเจนว่าการไปมาเหล่านี้มีผลอะไรบ้าง เพียงแค่การบรรลุข้อตกลงบนแผ่นกระดาษนั้นมันจะเกิดผลอันใด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ขอบคุณในความเหน็ดเหนื่อยของบรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศ ว่า ประสบการณ์ 37 ปีที่ผ่านมาของสาธารณรัฐอิสลามได้แสดงให้เห็นว่า ต้องสร้างอำนาจและความเข็มแข็งทางปัญญา ทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ และเมื่อเราได้ก้าวสู่ขั้นตอนนี้แล้ว เมื่อนั้นเราก็จะพบกับเกียติยศและศักดิ์ศรีที่แท้จริง
ในช่วงแรกของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดได้รำลึกและเทิดเกียรติอดีตสมาชิกสภาผู้ชำนาญการสมัยที่สี่ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอยาตุลลอฮ์ วาอิซ ตาบาซีย์ และ อยาตุลลอฮ์ คัซอาลี และกล่าวว่าทั้งสองเสมือนเป็นมิตรสหายที่ดี ได้รักษาสถานะภาพของสภาผู้ชำนาญการได้อย่างดีเยี่ยม และสามารถผ่านบททดสอบได้เป็นอย่างดี
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงประวัติแห่งการต่อสู้ของท่านนอยาตุลลอฮ์ วาอิซ ตาบาซีย์ และการรับใช้การปฏิวัติและการทำหน้าที่เป็นผู้บริหาร Astan Quds Razavi (ฮะรัมท่านอิมามริฏอ(อ) ว่า ท่านเป็นบุคคลที่ชัดเจนตรงไปตรงมา มีความศรัทธามั่นและเด็ดเดี่ยวในกรณีเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อน ท่านได้แสดงให้เห็นจุดยืนของตนเองในด้านการปฏิวัติอย่างชัดเจนและเปิดเผย ในเหตุการณ์วิกฤติปี 88 ท่านได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนไม่เกรงใจในความเป็นมิตรและไม่อ้อมค้อมในการก้าวสู่สนาม
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า การปรากฏตัวของประชาชนอย่างเนืองแน่นในพิธีฝังศพของท่านเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูของชาวเมืองมัชฮัดที่มีต่อท่านและกล่าวเสริมว่า วิถีชีวิตของท่านในสมัยดำรงตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่นั้นยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง และท่านไม่ได้ยกตนเองขึ้นสูงเหมือนชนชั้นสูงแต่อย่างใด และท่านเสียชีวิตในบ้านหลังเดียวกันที่เคยอยู่อาศัยก่อนการปฏิวัติ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึง ท่านอยาตุลลอฮ์ คัซอาลี ว่า มัรฮูมท่านนี้ก็ได้ผ่านบททดสอบอันหนักอึ้งอย่างโชกโชน ท่านได้ยืนหยัดในแนวทางปฏิวัติด้วยความกล้าหาญอย่างแท้จริง การปฏิบัติลักษณะนี้เองก่อให้เกิดคุณค่าที่แท้จริงให้กับมนุษย์และจะให้ความหมายที่แท้จริงของการขับเคลื่อนแบบปฏิวัติ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวแสดงความเสียใจในช่วงอัยยามุล ฟาตีมียะห์ (ช่วงเวลาแห่งการรำลึกในการเป็นชะฮีดของท่านหญิงฟาตีมะห์) และกล่าวย้ำว่า ในการเอ่ยและรำลึกถึงความประเสริฐของท่านหญิงนั้นจำต้องระวังระวังเป็นพิเศษ และอย่าได้นำเสนอประเด็นที่มีความขัดแย้ง เนื่องจากว่าในวันนี้นโยบายที่อันตรายของแนวรบมหาอำนาจนั้น คือการหว่านความขัดแย้งระหว่างชีอะห์และซุนนี
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวเสริมว่า ทั้งนี้ การนำเสนอและอธิบายประวัติศาสตร์ ด้วยการคำนึงถึงหลักความถูกต้อง กาลเทศะ มารยาทและผลประโยชน์(มัศลาฮัต)นั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่มีปัญหาแต่ประการใด แต่ไม่ควรที่จะสร้างความขัดแย้งและความเกลียดชังให้เกิดขึ้น
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า สงครามในปัจจุบันที่เกิดขึ้นในภูมิภาคก็เกิดจากวิวัฒนาการของแรงจูงใจทางการเมืองอย่างแท้จริง และกล่าวเสริมว่า บรรดาศัตรูของอิสลามกำลังพยายามที่จะสร้างความขัดแย้งนี้ให้เป็นความขัดแย้งเชิงนิกาย เพื่อไม่ให้มันยุติลงอย่างง่ายดาย ซึ่งเราอย่าได้ช่วยพวกเขาในการบรรลุเป้าหมายที่อันตรายเช่นนี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงการปรากฏตัวและการเป็นชะฮีดของพี่น้องชาวอะห์ลิลซุนนะห์ในการปกป้องฮะรัมอันศักดิ์สิทธิของบรรดาอะห์ลุลบัยต์ และครอบครัวของพวกเขาก็ยังได้ภาคภูมิใจในเกียรติอันนี้ ว่าบรรดานักการศาสนาอย่าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องชาวอะห์ลิลซุนนะห์ เพราะมันจะเข้าทางนโยบายของอเมริกาและยิวไซออนิสต์ในการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องมุสลิม