สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ผู้บัญชาการกองทัพอากาศและเจ้าหน้าที่เข้าพบท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม

การปรากฏตัวของประชาชนในการเดินขบวนประท้วง 22 บะห์มัน

   เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 8  กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา  ผู้บัญชาการกองทัพอากาศและเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยทางอากาศแห่งกองทัพสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม  ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดถือว่า  22  บะห์มันและการเลือกตั้งเป็นวันอีด(วันแห่งความสิริมงคล)ที่มีความหมายสำหรับประชาชาติอิหร่าน  และย้ำให้ประชาชนออกมาปรากฏตัวอย่างคึกคักและทำลายแผนร้ายของศัตรูในการเดินขบวนประท้วงวันที่ 22  บะห์มันของปีนี้  ว่า  การปรากฏตัวอย่างคึกคักและพร้อมเพรียงกันของประชาชนในการเลือกตั้งวันที่ 26   กุมภาพันธ์นี้นั้น ถือเป็นโลหิตใหม่ที่ไหลหมุนเวียน  เป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีและสร้างเกราะคุ้มกันให้กับอำนาจอันแข็งแกร่งและระบอบการปกครอง และทำลายล้างเป้าหมายอันชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์ของศัตรูให้หมดสิ้นลง

 

ท่านผู้นำสูงสุดได้ชื่นชมประชาชนที่ได้เข้าร่วมในการเดินขบวนประท้วงวันที่ 22  บะห์มันในทุกปี ว่า  การเข้าร่วมเดินขบวนประท้วงวันที่ 22  บะห์มันตลอดระยะเวลา 37  ปีที่ผ่านมานั้น เป็นการปรากฏตัวทางกายภาพที่พร้อมกับความมุ่งมั่น ความปรารถนา ความรักและการสนับสนุนการปฏิวัติ  และในปีนี้ก็เช่นกันด้วยความโปรดปรานของพระผู้อภิบาล  ประชาชนจะปรากฏตัวเดินขบวนประท้วงบนท้องถนนอย่างยิ่งใหญ่และคึกคักกว่าเดิม  และสามารถทำลายแผนร้ายของศัตรูและสร้างความสิ้นหวังให้กับบรรดาผู้ประสงค์ร้าย

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การจัดงานเดินขบวนประท้วงวันที่ 22  บะห์มัน เป็นการรำลึกความสุขีแห่งความสิริมงคลของการปฏิวัติอิสลาม  และกล่าวย้ำในการเข้าร่วมของประชาชนอย่างต่อเนื่องในงานดังกล่าวเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่หาเปรียบได้ในโลกนี้  ว่า นับจากวันแรกที่การปฏิวัติอิสลามประสบชัยชนะจนถึงวันนี้   ในทุกเงื่อนไขไม่ว่าสภาพอากาศที่ยากลำบากและอุปสรรค์ปัญหาภายใน ประชาชนต่างก็ออกมาร่วมในการเดินขบวนวันอีดแห่งการปฏิวัติ (วันเฉลิมฉลองการปฏิวัติ)กันอย่างคึกคักและเนืองแน่นเสมอมา 

 

ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า  บุคคลจำนวนไม่น้อยที่เข้าร่วมในการเดินขบวนประท้วงในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น  ตามอายุขัยของบุคคลเหล่านี้แล้วพวกเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์การปฏิวัติในวันที่ 22  บะห์มัน ปี 57   แต่อย่างใดและสายโซ่อันไม่มันสิ้นสุดนี้มันบ่งชี้ถึงอิทธิพลและอำนาจของการปฏิวัติ   

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ย้ำว่าอย่าปล่อยให้เรื่องราวอันยิ่งใหญ่เหล่านี้หลงลืมจากความทรงจำ และกล่าวเสริมว่า  ข้อเท็จจริงของการปฏิวัติอิสลามจำต้องคงความชีวิตชีวาอยู่ในจิตใจของประชาชนตลอดไป เนื่องจากการปฏิวัติอิสลามได้ก้าวพ้นครึ่งทางมาแล้วและเพื่อเสริมสร้างรากฐานและก้าวบรรลุเป้าหมายอันสูงส่งของตนนั้นจำต้องรักษาและปกป้องเป้าหมายและวัตถุประสงค์หลัก

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การจัดตั้งสังคมอิสลามที่เปี่ยมด้วยความรู้ วิทยาศาสตร์ ความยุติธรรม จริยธรรม ศักดิ์ศรีและความคืบหน้าคือเป้าหมายหลักของระบบอิสลาม  และย้ำกล่าวว่า จุดมุ่งหมายหลักของแนวรบศัตรูเพื่อจะให้ลืมอุดมคติและเป้าหมายอันสูงเหล่านี้และเป้าหมายในท้ายที่สุดคือ การเปลี่ยนพฤติกรรมและ "เปลี่ยนแปลงระบอบภายในสาธารณรัฐอิสลาม"

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามย้ำว่าเป้าหมายหลักของศัตรู  คือ "การเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของระบอบสาธารณรัฐอิสลาม"  และกล่าวเสริมว่า ทุกความพยายามของแนวรบที่มีเครือข่ายกว้างขวางที่มุ่งร้ายต่อระบบอิสลามนั้น เพื่อสกัดกั้นการพัฒนาและการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายแห่งการสร้างเกียรติยศและศักดิ์ศรีและพลังอำนาจอันแข่งแกร่งของสาธารณรัฐอิสลามและคืนอำนาจให้กับต่างชาติเข้าครอบครอบและครอบงำประเทศชาติ  

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ชี้ว่าโอกาสของการทำสงครามหนักกับอิหร่านในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และกล่าวย้ำว่า วันนี้โปรแกรมหลักในการจัดการและเผชิญหน้ากับระบอบอิสลามคือการทำสงครามเย็น เพื่อให้ระบอบและชาวอิหร่านไร้อำนาจและว่างเปล่าในการต่อกรและเผชิญหน้ากับพวกเขา

 

ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า การทำให้ว่างเปล่าและไร้อำนาจแก่ประชาชาติหนึ่งที่มีต่อมหาอำนาจนั้นหมายถึงการยอมสยบต่อพวกเขา และกล่าวเสริมว่า ถ้าหากประเทชาติอ่อนแอลง ก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้และสร้างสงครามหนักกับพวกเขาอีกต่อไป 

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวเสริมว่า วิธีเดียวที่จะป้องกันไม่ให้เกิดสภาพที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้คือการเก็บรักษาและปกป้องความคิดแห่งการปฏิวัติ ใน "การกระทำ พฤติกรรม การกำหนดทิศทาง กฎระเบียบและข้อบังคับ"

ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การเลือกตั้ง คือการสูบฉีดจิตวิญญาณ โลหิตใหม่และชีวิตใหม่ให้กับประชาชาติและประเทศชาติ  และกล่าวเสริมว่า  ประชาชนใช้ประโยชน์ในสิทธิอันพึงมีของพวกเขาในการปรากฏตัวสู่สนามตามวันเวลาที่กำหนดเพื่อทำการตัดสินใจว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เคยเลือกไปแล้วนั้นจะอยู่หรือไป 

 

ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า การเลือกตั้งคือ “การให้การสัตยาบันของประชาชนและแสดงความจงรักภักดีอีกครั้งกับเป้าหมายของการปฏิวัติ" และเสริมกล่าวว่า  การที่ข้าพเจ้าเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนออกมาปรากฏตัวในวันเลือกตั้งเนื่องจากว่า ครั้นที่ประชาชนทุกคนออกมามีส่วนร่วมกันจะส่งผลให้ประเทศและระบอบมีศักดิ์ศรีและเกียรติยศมากขึ้นอีกทั้งจะสามารถคุ้มครองและเป็นหลักประกันให้กับระบอบ  ด้วยเหตุนี้การเข้าร่วมในเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ เป็นข้อบังคับสำหรับประชาชนทุกคน 

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมนอี ถือว่า การสร้างร้อยราว ความร้าวฉาน  การสร้างสองขั้วอำนาจเท็จและอันตรายต่อประชาชาติและระบอบนั้นเป็นหมายตลอดกาลของแนวรบฝ่ายศัตรู โดยมีอเมริกาเป็นหัวหอกสำคัญ  และกล่าวย้ำว่า การปรากฏตัวของประชาชนในการเลือกตั้ง การแสดงภาพลักษณ์แห่งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและมั่นคงของประชาชนกับระบอบ  คือการช่วยเหลือสาธารณรัฐอิสลามและทำให้เป้าหมายของศัตรูนั้นล้มเหลว  และการปรากฏตัวบนพื้นฐานแห่งพันธะสัญญาอันสัจจริงของพระผู้อภิบาลนั้นจะนำมาซึ่งการช่วยเหลือจากพระองค์อย่างแน่นอน

 

   ท่านผู้นำสูงสุดได้รำลึกถึงขั้นตอนต่างๆของการเคลื่อนไหวและใส่ร้ายป้ายสีต่างๆของศัตรูนับจากวันแรกของการปฏิวัติอิสลามประสบชัยชนะ อาทิเช่น ย่อยสลายอิหร่าน   ก่อรัฐประหาร  สร้างสงครามพิทักษ์ปกป้องอันศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลา 8   ปี และการคว่ำบาตรทุกด้าน ว่า  ในการเผชิญหน้ากับการใส่ร้ายป้ายสีต่างๆเหล่านี้ประชาชนต่างออกมาช่วยระบอบอิสลามและพระผู้อภิบาลก็ได้สำทับในการช่วยเหลืออีกด้วย ทำให้สาธารณรัฐอิสลามและประชาชาติอิหร่านกลายเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคและในบางประเด็นนั้นกลายเป็นประเทศที่ทรงอำนาจและทรงอิทธิพลหนึ่งเดียวของโลกในการแก้ไขปัญหา 

 

ท่านผู้นำสูงสุดได้สรุปเนื้อหาในภาคส่วนนี้ด้วยการกล่าวย้ำถึงประชาชาติอิหร่าน ว่า   ศักดิ์ศรี เกียรติยศ ความภาคภูมิใจ และพลังอำนาจอันแข็งแกร่งของมาตุภูมิและประชาชาตินั้นขึ้นอยู่กับปฏิบัติและตอบสนองพันธะกิจของการปฏิวัติ  ซึ่งหนึ่งในพันธะหลักที่สำคัญในการนี้คือการเข้ามีส่วนร่วมและการปรากฏตัวในวันเลือกตั้ง

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวในประเด็นการเลือกและชี้ถึงบางคนที่ได้เปล่งวาจาคำพูดที่ผิดๆและไม่เหมาะสม ซึ่งในห้วงเวลานี้สร้างความวิตกกังวลและสงสัยแก่ประชาชน  และกล่าวเสริมว่า คำพูดต่างๆเหล่านี้ได้นำเสนอและอธิบายในเชิงการเมืองและห่างไกลจากแรงจูงใจแห่งพระผู้เป็นใจ ทว่าในวันนี้ข้าพเจ้าไม่ต้องการที่จะลงลึกในรายละเอียดของเรื่องนี้ 

 

ในประเด็นการเลือกตั้ง ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ พร้อมกับอธิบายบางประเด็นที่สำคัญ ซึ่งประเด็นหลักที่สำคัญที่สุดคือการไม่สาละวนแต่ประเด็นการโฆษณาหาเสียงและสื่อหนังสือพิมพ์

ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า ด้วยความช่วยเหลือของพระผู้อภิบาลบรรดาเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าด้วยมุ่งมั่นและตั้งใจ แต่ต้องระวังว่าอย่าได้สาละวนอยู่กับการทะเลาะวิวาทในแต่ละวันของการเลือกตั้ง และอย่างได้เพิกเฉยต่อการให้ความสำคัญต่อประเด็นหลักโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ 

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  การเลือกตั้งถือเป็นประเด็นที่มีความสำคัญสูงสุด  และกล่าวเสริมว่า   แม้นว่าสิ่งนี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดแต่ก็เป็นแค่เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นและสิ่งที่จะยังคงอยู่หลังจากไม่กี่สัปดาห์ถัดจากนั้น คือประเด็นสำคัญหลักของประเทศ รวมทั้งการยืนหยัดในการสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืน

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามยังได้ชี้ซ้ำอีกครั้งในประเด็นขีดความสามารถและศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของทรัพยากรมนุษย์ที่มีการศึกษาและเปี่ยมล้นด้วยแรงจูงใจ   คุณลักษณะภูมิอากาศและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศอิหร่าน พร้อมกับกล่าวย้ำถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศ ว่า  ด้วยการพึ่งพาทรัพยากรอันมหาศาลเหล่านี้ จงทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความยั่งยืนและมั่งคั่งเพื่อให้ศัตรูร่นถอยในความคิดที่จะกดดันเศรษฐกิจเพื่อปฏิบัติตามความต้องการของพวกเขา 

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมนอี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องกำกับเงินทุนเหล่านี้สู่ทิศทางแห่งการผลิตภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม และเร่งมาตรการเพิ่มการผลิตและการแก้ปัญหาความซบเซาเพื่อความก้าวหน้าของประเทศอันเป็นการบังคับให้ศัตรูเข้าใจการคว่ำบาตรนั้นไร้ประโยชน์และไร้ผลใดๆ 

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ทบทวนคำพูดของท่าน ในช่วงระยะเวลา 10 -12  ปีที่ผ่านมา ที่ได้กล่าวถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ในประเด็นการสร้างคามั่นคั่งในเศรษฐกิจภายในของประเทศ ว่า ถ้าเป้าหมายนี้บรรลุผลตามเป้า  ปัญหาการจ่างงานเยาวชนคนหนุ่มสาว ปัญหาการว่างงาน และปัญหาเศรษฐกิจต่างๆก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม 

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงอีกประเด็นหนึ่งที่มีความสำคัญ และถือว่า การให้ความสำคัญต่อแผนการและเป้าหมายต่างๆของแนวรบของศตรูที่แพร่ขยายในวงกว้างอย่างจริงจัง สมบูรณ์แบบและอยู่เสมอนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง   และกล่าวเสริมว่า บรรดาผู้ที่ไม่รู้จักและเพิกเฉยต่อศัตรูของพวกเขาและมีใจให้กับพวกเขา  ซึ่งพวกเขาจะไม่มีวันได้รับการยกย่องจากประชาชนอย่างแน่นอน

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวเสริมว่า ศัตรูจะเผยรอยยิ้มออกมา และพวกท่านก็จะยิ้มตอบ  แต่พึงระวังว่าเบื้องหลังรอยยิ้มของศัตรูนั้นมีความเจ้าเล่ห์และความชั่วร้ายซ่อนเร้นอยู่

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า  จำต้องเข้าใจในแผนการของศัตรูทั้งในประเด็นความมั่นคง การดำรงชีวิต วัฒนธรรม เยาวชน สังคมและปัญหาอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบทางสังคม และวางเป้าหมายในการเผชิญหน้ากับมัน  กำหนดนโยบายและกฎระเบียบข้อบังคับ และนำเสนอและพูดถึงในเรื่องนี้

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ยกบทกวีอันไพเราะของนักกวีชื่อดัง ซะอดี ชีรอซีย์ ว่า  ครั้นที่ศัตรูมาผูกไมตรีจิตและมิตรภาพและจะปฏิบัติภารกิจใต้อาภรณ์แห่งมิตรภาพซึ่งไม่อาจเห็นถึงตัวตนของศัตรู

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ทบทวนถึงคามร้ายกาจและความชั่วร้ายของศัตรู จึงเรียกร้องเจ้าหน้าที่ให้มีความระมัดระวังเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ   และกล่าวเสริมว่า สหรัฐอเมริกาจะไม่ตอบคำถามที่ง่ายที่สุดจากประชาชนทั่วโลกที่เกี่ยวกับสาเหตุในการสนับสนุนกลุ่มที่ก่ออาชญากรรมอันโหดร้ายและป่าเถื่อนในเยเมน และยังคงให้การสนับสนุนกลุ่มบุคคลอยู่ในภาพลักษณ์ของกรัฐบาลก่อการร้ายที่โหดร้ายและป่าเถื่อนที่สุดในการสังหารและฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ในเยเมนอย่างโจ่งแจ้ง

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การแอบอ้างของสหรัฐอเมริกาในการปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นและถ้อยคำเท่านั้น  และกล่าวเสริมว่า พวกเขายังคงให้การสนับสนุนรัฐเถื่อนระบอบไซออนิสต์ที่เข่นฆ่าเด็กๆผู้บริสุทธิ์ไปวันๆ  และสนับสนุนพันธมิตรของตนในภูมิภาคที่ไม่เคยคุ้นเลยต่อการเลือกแม้แต่การเลือกตั้งเล็กๆอีกทั้งยังไม่เคยเข้าใจคำว่าการเลือกตั้งด้วยซ้ำไป 

 

ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า คณะผู้ปกครองชั้นสูของอเมริกากระทำความโหดร้ายและป่าเถื่อนอย่างโจ่งแจ้งจากนั้นก็ได้ส่งรอยยิ้มให้กับพวกท่าน  แล้วพวกท่านจะไม่ใส่ใจในการเผชิญหน้ากับศัตรูที่โหดร้ายเช่นนี้ด้วยความระมัดระวังและความรอบคอบกระนั้นหรือ ?

  

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในภาคส่วนนี้ ว่า  ประชาชนรู้หน้าที่ในการเผชิญหน้ากับศัตรูด้วยการช่วยเหลือของพระผู้อภิบาล และยังคงตระหนักในหน้าที่จนถึงวันนี้  และการขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่านสามารถทำลายล้างแผนการร้ายและเล่ห์เหลี่ยมของศัตรูได้อย่างราบคาบ และจากนี้ไปก็จะสร้างความอัปยศให้กับพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

 

ในช่วงแรกของการกล่าปราศรัยของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม  โดยชี้ถึงการให้สัตยาบันของกองทัพอากาศที่มีต่อท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ในวันที่ 19  บะห์มัน ปี 1357  นั้นถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่สำคัญ มีอิทธิพล และเป็นดวงดาวอันในการนำทางบนหน้าประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติ และกล่าวเสริมว่า การผนึกกำลังเข้าร่วมของกองทัพอากาศกับประชาชนในวันที่สิบเก้าเดือนบะห์มันนั้นเปลี่ยนสมการในประเทศ และการเคลื่อนไหวนี้ได้รับการตอบรับในทันทีโดยประชาชน และสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า  "การอยู่ร่วมกับประชาชน" ก็จะได้รับความนิยมและแรงสนับสนุนจากประชาชน

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า ผลงานและปฏิกิริยาของกองทัพอากาศแห่งสาธารณรัฐอิสลามช่วง 37 ปีที่ผ่านมานั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีมาก และกล่าวเสริมว่า ในวันนี้กองทัพอากาศเป็นหน่วยงานที่แข็งแกร่ง องอาจ มีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ที่ควบคู่กับประชาชน และควรเพิ่มความแข็งแรง ขีดความสามารถและการปฏิสัมพันธ์ประชาชนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น  

  

 

700 /