เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา 24 พ.ย. ประธานาธิบดี เอโบ โมราเลส แห่งโบลิเวีย พร้อมคณะ เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งท่านผู้นำสูงสุด ได้ชื่นชมต่อการยืนหยัดต่อสู้จากวีรบุรุษแห่งโบลิเวีย และบางประเทศในลาตินอเมริกา ซึ่งได้เผชิญหน้าจากการรุกรานของมหาอำนาจผู้อหังการ นโยบายที่เป็นอันตรายของอเมริกาในโลก และภูมิภาคของทวีปอเมริกานั้น จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาว โดยกล่าวย้ำว่า “ควรเสริมสร้างอัตลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจ ความสัมพันธ์และความร่วมมือให้มากขึ้นต่อการยืนหยัดต่อสู้กับนโยบายล่าอาณานิคม”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การยืนหยัดต่อสู้กับความบ้าอำนาจของอเมริกาผู้อหังการนั้น เป็นจุดเด่นที่สำคัญ และมีความสำคัญมากกว่าอุตสาหกรรมน้ำมันแห่งชาติของโบลิเวีย พร้อมกล่าวเสริมว่า “อิหร่านคือชาติแรกในโลก ที่ได้มีการเคลื่อนไหวของประชาชนบนอิสรภาพภายใต้การนำของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ที่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของอเมริกาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และได้ยืนหยัดต่อสู้กับสองจักรวรรดิ ทั้งตะวันออกและตะวันตก ที่มีทั้งการกดดันต่างๆ อาทิ ทางการทหาร ความมั่นคง และเศรษฐกิจ”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ย้ำว่า “บนพื้นฐานเช่นนี้ สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน จะให้การสนับสนุนทุกประชาชาติในโลก ที่ได้ทำการลุกขึ้นต่อสู้ และยืนหยัดต่อมหาอำนาจผู้อหังการ และบรรดานักล่าอาณานิคมทั้งหลาย”
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง สิ่งอำนวยความสะดวก และศักยภาพอันมากมายของโบลิเวียว่า “ บนศักยภาพแห่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเช่นนี้ และปัจจัยพื้นฐานแห่งความร่วมมือในด้านต่างๆ จะสามารถนำมาปรับใช้ เพื่อการพัฒนาผลประโยชน์ของชาติ และการยืนหยัดต่อบรรดามหาอำนาจผู้อหังการ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของโบลิเวีย ถือเป็นสิ่งจำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเพื่ออิสระทางการเมือง และความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ และกล่าวเสริมว่า “นอกเหนือจากความก้าวหน้าในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ก็ควรที่จะให้ความสำคัญในการพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์ด้วย”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า นโยบายของอเมริกาที่มีต่อโลกและในภูมิภาคละตินอเมริกา ก็เพื่อที่จะให้เยาวชนเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของชนพื้นเมือง โดยใช้วิธีการใหม่ของการสื่อสาร ว่า “หากอเมริกาสามารถประสบความสำเร็จในนโยบายนี้ และสามารถเปลี่ยนความคิดของเยาวชนคนหนุ่มสาวให้กลายเป็น ความคิดแบบเปิดอเมริกัน” แล้ว ก็จะสามารถครอบงำประเทศได้อย่างง่ายดาย โดยปราศจากการทำรัฐประหารและการก่อเหตุรุนแรงใดๆ”
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การเสริมสร้างอัตลักษณ์ของชนพื้นเมือง และปลูกฝังให้เยาชนรับรู้ และตระหนักถึงค่านิยมต่างๆ ถือเป็นแนวทางหลักในการเผชิญหน้าต่อนโยบายสหรัฐ และกล่าวเสริมว่า “ด้วยการมอบหมายตนยังพระผู้อภิบาล และเสริมสร้างแรงบันดาลใจ จะสามารถมีชัยในการเผชิญหน้านี้ อย่างแน่นอน”
ในการพบปะครั้งนี้ ประธานาธิบดีโบลิเวีย แสดงความปิติยินดี ต่อการได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามพร้อมกับกล่าวว่า “พวกเราถือว่า ฯพณฯ คือบิดา และเป็นผู้คอยชี้นำ ในการปฏิวัติที่เป็นอิสระทั้งมวล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิวัติต่างๆ ในลาตินอเมริกา และเราได้เรียนรู้บทเรียนอย่างมากมาย จากคำพูดต่างๆ ที่ทรงคุณค่า ถือเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นความหวังที่ท่านมอบให้”
โมราเลส ถือว่า การแทรกแซงของอเมริกา คือปัญหาหลักในวันนี้ และกล่าวว่า “ช่วงแรกที่ผมขึ้นเป็นผู้นำของโบลิเวียใหม่ๆ ผมได้โต้ตอบคำขู่จากสหรัฐ ในเรื่องความสัมพันธ์กับอิหร่านแล้ว โดยตอกย้ำว่า เราเป็นประเทศที่มีเอกราช และเราจะสร้างความสัมพันธ์กับใครก็ได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้ใดทั้งสิ้น”
ประธานาธิบดีโบลิเวีย เน้นย้ำว่า “เราไม่มีวันที่จะยอมก้มหัวให้กับอเมริกาเป็นอันขาด และการจัดตั้งอุตสาหกรรมน้ำมันในโบลิเวีย ก็ได้สร้างความเป็นอิสระ บนอำนาจอธิปไตยที่มั่นคงของตนมากยิ่งขึ้น และสามารถปิดฉากการครอบงำหลายปีจากชาติตะวันตกได้สำเร็จ”
โมราเลส ถือว่า ความเจริญก้าวหน้า และการให้บริการต่างๆ ในช่วงเวลาที่โบลิเวียได้รับเอกราชนั้น มีมากหลายเท่าตัวจากยุคสมัยที่เป็นเมืองขึ้นตะวันตก และกล่าวย้ำถึงความจำเป็น เพื่อให้บรรลุความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ ภายใต้ความเป็นอิสระทางการเมือง ว่า “ในวันนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของชาติ คือ 3.6 หมื่นล้านดอลล่าสหรัฐ มีอัตราการขยายตัวที่สูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาที่อยู่ใต้การการผูกขาดกับชาติมหาอำนาจถึง 4 เท่าตัว”
ประธานาธิบดีโบลิเวีย ได้ชี้ถึงประสบการณ์ ศักยภาพ และความสามารถในด้านต่างๆของอิหร่าน ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่า “อิหร่านและโบลิเวีย คือพันธมิตรที่ยาวนานทั้งด้าน ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและประชาชน หวังความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีในด้านต่างๆจะขยายตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น”
โมราเลส ประธานาธิบดีแห่งโบลิเวีย กล่าวว่า “เราชื่นชมในจุดยืนของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน อยู่เสมอและมีความมั่นใจว่า อิหร่านจะเดินบนแนวทางของตนอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งสืบไป”
ประธานาธิบดีโบลิเวียกล่าวว่า “โบลิเวียจะอยู่ในร่มธงแห่งความร่วมมือ และความสัมพันธ์กับประเทศปฏิวัติและประเทศที่ยืนหยัดต่อสู้เฉกเช่นอิหร่าน ที่มีความแข็งแรงและความมั่นคง”