เช้าวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้เข้าพบอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้สนับสนุนการขยายตัวในความร่วมมือ "ระดับทวิภาคี และระหว่างประเทศ" พร้อมกับชื่นชมอิทธิพลของกรุงมอสโกในประเด็นระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นซีเรีย และกล่าวเสริมถึง "แผนในระยะยาว" ของสหรัฐอเมริกา ที่จะทำให้ทุกประเทศเสียประโยชน์ โดยเฉพาะอิหร่านกับรัสเซีย ซึ่งจะต้องกำจัดภัยคุกคามนี้ด้วยความฉลาด และการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด
การพบปะครั้งนี้ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง โดยท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลและโดดเด่นที่สุดในโลกวันนี้ พร้อมกับขอบคุณรัสเซีย ที่มีความพยายามช่วยเหลืออิหร่านในประเด็นนิวเคลียร์ว่า ปัญหานี้ ได้มาถึงจุดสิ้นสุด แต่เราก็ยังไม่ได้มีความเชื่อมั่นใด ๆต่อสหรัฐอเมริกา เรายังคงจ้องมอง และเฝ้าระวังพฤติกรรม การดำเนินการของสหรัฐอเมริกาในประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง ความมุ่งมั่นของปูติน และเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านในการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ว่า การยกระดับการพัฒนาและความร่วมมือรวม ในประเด็นทางเศรษฐกิจ สามารถที่พัฒนาให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง ความร่วมมือที่เหมาะสมกรุงเตหะรานและมอสโก ในด้านการเมืองและการรักษาความมั่นคง อีกทั้งจุดยืนของประธานาธิบดีรัสเซียในประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา มีผลงานดีอย่างยิ่ง และเป็นนวัตกรรมใหม่ พร้อมกล่าวเสริมว่า สหรัฐอเมริกามีความพยายามที่จะทำลายคู่แข่งที่ยืนตรงกันข้ามกับเขาเสมอมา แต่ท่านสามารถทำลายและกำจัดแผนนโยบายของอเมริกาได้สำเร็จ
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การตัดสินใจ และการดำเนินการของมอสโกในประเด็นซีเรียนั้น สามารถเพิ่มบารมีให้ท่านและรัสเซีย ในฐานะผู้นำประจำภูมิภาคและนานาชาติอีกด้วย และกล่าวเสริมว่า สหรัฐมีแผนในระยะยาว ที่พยายามจะยึดครองซีเรีย แล้วขยายการควบคุมในภูมิภาค เพื่อชดเชยสูญญากาศทางประวัติศาสตร์ในการปกครองเอเชียตะวันตก ซึ่งภัยคุกคามนี้ จะเกิดขึ้นสำหรับทุกประเทศ โดยเฉพาะอิหร่านและรัสเซีย
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า ในประเด็นซีเรีย สหรัฐอเมริกาและบริวารของตน มีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายของตนที่ไม่สำเร็จด้วยการทหาร จึงหันมาใช้เวทีการเมืองและโต๊ะเจรจา ซึ่งจำต้องมีการระมัดระวังและชาญฉลาดในการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความพยายามและการกดดันให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรียที่มาด้วยความชอบธรรมตามกฎหมาย และได้รับเลือกจากประชาชน พ้นจากอำนาจ และไม่มีบทบาทใดๆ ในดินแดนซีเรียนั้น ถือเป็นจุดอ่อนในการประกาศนโยบายของวอชิงตัน และกล่าวย้ำว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปประธานาธิบดีซีเรีย ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากประชาชน ซึ่งเป็นการเลือกตั้ง ที่วางอยู่บนพื้นฐานและมุมมอง "ทางการเมือง ศาสนาและเชื้อชาติ" และอเมริกาไม่มีสิทธิที่จะไม่สนใจจากคะแนนเสียง และการตัดสินใจของชาวซีเรียต่อการเลือกตั้ง
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า วิธีการแก้ปัญหาในซีเรียนั้น ควรดำเนินการอย่างชัดเจนและต้องได้รับความเห็นชอบของชาวซีเรียและเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้น
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า การช่วยเหลือทางตรงและทางอ้อมให้กับกลุ่มก่อการร้าย อาทิ ไอซิส นั้น เผยให้เห็นจุดอ่อนที่ชัดเจนในนโยบายของอเมริกา และกล่าวเสริมว่า การให้ความร่วมมือกับเหล่าประเทศที่ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ที่ไร้ค่าทั้งในระดับประชาคมโลกและระดับนานาชาตินั้น แสดงให้เห็นว่า อเมริกาไม่มีความซื่อสัตย์ใดๆในการเจรจาทางการทูต
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ด้วยเหตุผลข้อนี้ นอกเหนือจากประเด็นนิวเคลียร์ (ซึ่งแน่นอนย่อมมีเหตุผลของมันอยู่) ไม่ว่าในประเด็นซีเรียและประเด็นอื่นๆ เราไม่มีวันเจรจาทวิภาคีกับอเมริกา และเราก็จะไม่มีวันเจรจาอย่างเด็ดขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า การแก้ปัญหาที่ถูกต้องในประเด็นซีเรีย เป็นสิ่งสำคัญมาก และมีอิทธิพลต่อภูมิภาคในอนาคต และกล่าวเสริมว่า หากผู้ก่อการร้ายที่ก่ออาชญากรรมในซีเรียเหล่านี้ไม่ถูกปราบปราม การเคลื่อนไหวเพื่อบ่อนทำลาย ย่อมจะขยายขอบเขต และแพร่กระจายไปยังเอเชียกลาง และภูมิภาคอื่นๆอย่างแน่นอน
ในการพบปะครั้งนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ชี้ถึงประสบการณ์อันทรงค่าของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม พร้อมกับแสดงความปลื้มปิติยินดี ในการพบปะครั้งนี้ ว่า ทั้งสองประเทศ มีการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งด้านเทคโนโลยีอวกาศ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในประเด็นความมั่นคง และการแก้ปัญหาวิกฤตในระดับภูมิภาคและระดับโลก อีกทั้งยังมีความร่วมมืออื่นๆอีกมากมาย
ปูติน ถือว่า สาธารณรัฐอิสลามเป็นประเทศที่มีเสรีภาพ มีความแข็งแกร่ง และมีวิสัยทัศน์ที่ดี และกล่าวย้ำว่า เราถือว่า ท่านเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ และสามารถพึ่งพาอาศัยในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้เป็นอย่างดี
ปูติน กล่าวว่า เราให้คำมั่นว่า เราไม่มีมีวันที่จะทิ่มแทงพันธมิตรของเราจากด้านหลัง ไม่เหมือนกับบางประเทศที่เป็นพันธมิตรของเรา และเราไม่มีวันจะดำเนินการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพันธมิตรของเราในลักษณะที่มีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังเป็นอันขาด และหากมีความขัดแย้งกัน เราก็จะมีการพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
ปูติน ถือว่า จุดยืนของทั้งสองประเทศที่มีต่อซีเรียนั้น มีความใกล้เคียงกันมาก และชี้ถึงความสำคัญในความร่วมมือในประเด็นนี้ ว่า เราได้ตอกย้ำในประเด็นนี้เช่นกันว่า แนวทางในการแก้วิกฤตซีเรีย สามารถเป็นไปได้ด้วยวิธีการเมือง และยอมรับคะแนนเสียงจากประชาชน ความต้องการของชนชาติ และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆในซีเรีย และไม่มีใครจะมีสิทธิกำหนดชะตากรรมของประชาชน โครงสร้างของรัฐบาล และการตัดสินชะตากรรมของประธานาธิบดีซีเรียได้
ประธานาธิบดีรัสเซียย้ำว่า เหมือนดังที่ท่านได้กล่าวว่า อเมริกามีความพยายามและมีความประสงค์ที่จะเข้าสู่การเจรจา หลังจากที่สนามแห่งการต่อสู้ในซีเรียไม่บรรลุตามเป้าหมายของตนที่วางไว้ ซึ่งเราเองก็มีการเฝ้าระวังเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ปูติน ได้ย้ำถึง การโจมตีกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรียอย่างต่อเนื่องนั้น ได้รับความร่วมมือและการปรึกษาระหว่างเตหะราน-มอสโก ต่อการแก้ปัญหาทางการเมืองในซีเรีย ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และกล่าวย้ำว่า บุคคลที่เรียกร้องประชาธิปไตยในโลก ไม่อาจที่จะปฏิเสธและต่อต้านการเลือกตั้งในซีเรีย
ในการพบปะครั้งนี้ ประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซีย ได้มอบ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับเก่าแก่เล่มหนึ่งเป็นของขวัญให้กับท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม และท่านผู้นำได้กล่าวขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนี้