สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะเจ้าหน้าที่กิจการฮัจญ์เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

โศกนาฏกรรมที่มินา

 คณะเจ้าหน้าที่กิจการฮัจญ์ เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งท่านผู้นำสูงสุด ถือว่าโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายขมขืนและสะเทือนขวัญที่มินานั้น  เป็นหนึ่งในบททดสอบของพระผู้อภิบาล  พร้อมกับตำหนิรัฐบาลต่างๆ โดยเฉพาะชาติตะวันตกและองค์กรสิทธิมนุษย์ชนที่ได้นิ่งเฉยต่อโศกนาฏกรรมที่มินา   และตอกย้ำว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้จะไม่มีวันลืมเลือนจากความทรงจำอย่างแน่นอน  ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการทูตและกรมกิจการฮัจญ์จำต้องติดตามและดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจังและเด็ดขาด


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงการรับผิดชอบในการบริหารจัดการของรัฐบาลที่เป็นเจ้าภาพต่อชีวิตของมุสลิมที่เสียชีวิต 7   พันกว่าคน   ว่า   หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ โลกอิสลามควรจะมีเสียงหนึ่งเดียวกันในการออกมาประท้วง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ว่า ไม่มีชาติใดออกมาประท้วงส่งเสียงเรียกร้องเว้นแต่สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเท่านั้น  แม้แต่รัฐบาลที่มีผู้แสวงบุญที่เป็นพลเมืองของตนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้นิ่งเฉย และไม่มีการประท้วงเรียกร้องแต่อย่างใด


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การติดตามในเรื่องนี้ และการเจรจากับรัฐบาลต่างๆ เพื่ออธิบายความสำคัญของเหตุการณ์และการพิจารณาแนวทางในการสกัดกั้นเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง เป็นหน้าที่ที่สำคัญของเจ้าหน้าที่ของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่การทูต   และกล่าวเสริมว่า ในเบื้องต้นภาพที่ออกมานั้น โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่มินาสะท้อนให้เห็นถึงความบกพร่องของรัฐบาลที่เป็นเจ้าภาพ ไม่ว่าจะกรณีใดๆ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นประเด็นการเมือง แต่เป็นประเด็นที่มีพี่น้องมุสลิมนับพันคนเสียชีวิตขณะที่กำลังประกอบอิบาดะฮ์  ขณะกำลังอยู่ในช่วงการประกอบพิธีกรรมฮัจญ์และกำลังอยู่ในชุดอิห์รอม และปัญหานี้ควรจะดำเนินการอย่างจริงจัง


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า  การนิ่งเงียบขององค์กรสิทธิมนุษย์ชนทั้งในยุโรปและอเมริกา เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่จะต้องมีการติดตามในเรื่องนี้   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  หน่วยงานที่โกหกปลิ้นปล่อน  และกลับกลอกอย่างองค์กรสิทธิมนุษย์ชน และรัฐบาลต่างๆของตะวันตกนั้น บางครั้ง หากมีคนหนึ่งถูกฆ่าตายเสียชีวิต ก็ได้กระพือข่าวและแพร่สะพัดไปยังทั่วทั้งโลก    แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อมิตรของตนเอง กลับนิ่งเงียบและนิ่งเฉย 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า หากองค์กรสิทธิมนุษย์ชนเหล่านี้ มีความซื่อสัตย์และสัจจริง พวกเขาจะต้องออกมาเรียกร้อง ให้ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้  ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ชดเชยค่าเสียหาย ให้หลักประกันคำมั่นว่าจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

 

ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การติดตามในการเรียกร้องและการคงประเด็นสำคัญนี้ให้ใหม่อยู่เสมอนั้นเป็นภาระหน้าที่ที่สำคัญของกรมกิจการฮัจญ์  และกล่าวย้ำว่า ในเรื่องนี้อย่าได้นิ่งเงียบหรือหลงลืมเป็นอันขาด และควรนำเสนอเรื่องนี้ให้ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีในเวทีระดับนานาชาติ และยอดสถิติในการเคลื่อนไหวในครั้งนี้  ควรให้รัฐบาลตะวันตกและองค์กรสิทธิมนุษย์ชนได้รับรู้ด้วย 


ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้กล่าวขอบคุณในความพยายามอย่างบริสุทธิ์ใจของเจ้าหน้าที่กรมกิจกรรมฮัจญ์ของประเทศ โดยเฉพาะ  ท่านฮุจญตุลอิสลาม กอฏี อัสกัร ที่ได้ดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่อง มีจิตวิญญาณและจุดยืนที่เด็ดเดี่ยว  รวมทั้ง นาย โอฮีดี  ประธานองค์กรกิจการฮัจญ์ที่มีการเคลื่อนไหวครอบคลุมทุกด้าน และแสดงความรับผิดชอบในหน้าที่ที่มีอย่างสุดความสามารถ  ว่า  ผลตอบแทนในความเหน็ดเหนื่อยและความเพียรพยายามของทุกคนจะถูกรักษาไว้บนตราชั่งของพระผู้อภิบาล  และความอดทนและความเพียรพยายามในหนทางของพระองค์นั้น จะยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามอยู่เสมอ เหมือนดั่งที่ท่านหญิงซัยหนับ ได้กล่าวว่า ฉันไม่เห็นสิ่งใดเลยเว้นแต่ความสวยงาม หลังจากที่ได้เห็นบททดสอบและโศกนาฏกรรมที่กัรบาลาอ์


ก่อนที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสาม จะกล่าวปราศรัย  ท่านฮุจญตุลอิสลาม กอฏี อัสกัร  ตัวแทนของวะลียุลฟะกีห์ และอะมีรุลฮัจญ์ของอิหร่าน  ได้กล่าวรายงานในการดำเนินการช่วงประกอบพิธีฮัจญ์  พร้อมกับได้อธิบายการดำเนินการช่วยเหลือในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในเหตุการณ์เครนถล่มในมัสยิด อัลฮะรอม  และโศกนาฏกรรมที่มินา ว่า โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการบริหารจัดการที่ไม่ดี และขาดความรอบคอบของเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบีย  และเราได้ขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจดบันทึกเหตุการณ์และโศกนาฏกรรมครั้งนี้ อีกทั้งได้ทำการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด 


700 /