สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

เจ้าหน้าที่ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ และ กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามอิหร่าน ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม

ห้ามการเจรจาใดๆก็ตามกับสหรัฐ

        เมื่อเช้าวันพุธที่ 7   ตุลาคม  บรรดาเจ้าหน้าที่ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามอิหร่าน และครอบครัว  พร้อมด้วยครอบครัวบรรดาชะฮีดของกองกำลังดังกล่าว ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม    ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงบทบาทของบรรดาเยาวชนนักปฏิวัติผู้เป็นนาวิกโยธินของกองกำลังซีพอฮ์  และบรรดาเยาวชนผู้กล้าหาญในภาคใต้ของประเทศ  ในการรักษาความปลอดภัยทางทะเลและการสร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรู   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  “ ศัตรูมีความพยายามที่จะเปลี่ยนการคำนวณคิด  และการเปลี่ยนความคิดเห็นของประชาชนโดยเฉพาะในหมู่เยาวชนคนหนุ่มสาว  ซึ่งทุกคนจะต้องมีความเฉลียวฉลาดและตื่นตัว”


ในการพบปะครั้งนี้ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง ความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยทางทะแล ว่า  การเตรียมพร้อมจะต้องเป็นไปในลักษณะที่ว่า อยู่บนพื้นฐานแห่งหลักคำสอนของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน  เพื่อสามารถข่มขู่และสร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรู  อีกทั้งทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้ามารุกรานเรา และหากแผ่นดินเรามีช่องโหว่ที่สามารถเข้ามาแทรกแซงแล้ว แน่นอนศัตรูก็จะเข้ามาปรากฏทันที


ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวย้ำว่า “ในวันนี้ ด้วยบารอกัตของการจัดตั้งแนวรบของการปฏิวัติ  ทั้งในทางภาคใต้ได้มีการจัดตั้งหน่วยนาวิกโยธินของกองกำลังซีพอฮ์  และบรรดาเยาวชนผู้มีความกล้าหาญที่อยู่ในภาคใต้นั้น  สามารถข่มขู่ ข่มขวัญและสร้างความหวาดกลับให้กับศัตรูได้สำเร็จตามคำสั่งของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน”


ผู้บัญชาการสูงสุดของสามเหล่าทัพ ได้ชี้ว่า “เราไม่มีวันเริ่มทำสงครามก่อนอย่างแน่นอน  พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  ธรรมชาติของศัตรูนั้น มักจะรุกรานและแทรกแซงอยู่ตลอด  ดังนั้นจำต้องมีการพัฒนาความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และอาวุธยุทโธปกรณ์ในรูปแบบของนวัตกรรมที่ใหม่ ให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม”

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามอิสลาม ถือว่า “การเสริมเคี้ยวเล็บในหน่วยนาวิกโยธินของซีพอฮ์ และกองทัพเรือนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก  และได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการคงไว้ซึ่งการรำลึกที่มีชีวิตชีวา ในเรื่องราวของเยาวชนที่มีความศรัทธาและเยาวชที่เป็นนักปฏิวัติ  เช่น ชะฮีด นาเดร มะฮ์ดาวีย์ และสหายร่วมอุดมการณ์ที่ได้ยืนหยัดต่อสู้กับเรือรบของอเมริกาอย่างห้าวหาญ  และได้สอนบทเรียนอันล้ำค่าที่ไม่มีวันลืมให้กับพวกเขา      ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า  ด้วยความกล้าหาญและการยืนหยัดต่อต่อสู้เหล่านี้  ทำให้ศัตรูอิสลามได้เข้าใจและตระหนักแล้วว่า  สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านไม่ใช่ระบอบที่พวกเขาสามารถกระทำและแสดงออกตามความอำเภอใจได้”


ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้ยกย่องการเข้าร่วมของบรรดาครอบครัว โดยเฉพาะบรรดาภรรยาของผู้บัญชาการและเจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือในเขตพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ


ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงโปรแกรมที่อันตรายของชาติมหาอำนาจสำหรับภูมิภาค และได้ตอกย้ำ ว่า “มหาอำนาจเหล่านี้ ไม่รู้สึกอะไรเลยในการใช้อาวุธที่เป็นอันตรายและร้ายแรง และวิธีการที่ไร้มนุษยธรรมในการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์    พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ข้อแอบอ้างของพวกเขาในการปกป้องสิทธิมนุษย์ชนและสิทธิพลเมืองนั้น  มันคัดแย้งกับความเป็นจริง  เป็นสิ่งที่ไร้สาระและไร้ประโยชน์สิ้นดี” 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า การโจมตีโรงพยาบาลในอัฟกานิสถาน  การเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ในซีเรีย อิรัก  เยเมน  ปาเลสไตน์และบาห์เรน  คือตัวอย่างของความหายนะ และภัยพิบัติที่เกิดขึ้น จากน้ำมือของมหาอำนาจผู้อหังการ  มหาอำนาจที่มีความโหดเหี้ยมและหัวใจที่แข็งกระด้าง  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ในวันนี้ภัยอันตรายที่ร้ายแรงที่สุดในโลก  คือความกลับกลอก การเสแสร้ง และการโกหกแอบอ้างเพื่อเรียกร้องและปกป้องสิทธิมนุษยชน


ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึง บทบาทของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านในเหตุการณ์ปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาค   ว่า ใน “สถานการณ์เช่นนี้  สาธารณรัฐอิสลาม ด้วยกับความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า นอกเหนือจากสามารถป้องกันการแทรกแซงของศัตรูภายในประเทศแล้ว  ในหลายๆกรณีก็ยังสามารถสกัดกั้นและหยุดการดำเนินการแผนการร้ายต่างๆของศัตรูในภูมิภาคอีกด้วย”


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง  ความล้มเหลวของศัตรูในภูมิภาคและภายในประเทศ  เนื่องจากบารอกัตของการเฝ้าระวัง ตื่นตัว เตรียมความพร้อมและความมุ่งมั่นของเยาวชนนักปฏิวัติและอำนาจของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในภูมิภาค   และกล่าวย้ำว่า  “บนพื้นฐานอันนี้ ความพยายามและการวางแผนของมหาอำนาจผู้อหังการนั้น ส่วนมากแล้วเพื่อเป็นศัตรูกับระบอบอิสลามแห่งอิหร่าน  และคำกล่าวอ้างของอเมริกาในการเจรจากับอิหร่านนั้นก็อยู่ในบริบทเหล่านั้น นั้นคือ เพื่อการแทรกแซง”


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ตำหนิบุคคลที่หละหลวม และมักง่ายในความคิดที่ไม่ได้ตระหนักและไม่ทำความเข้าใจในมิติและความลึกซึ้งของประเด็นนี้   “นอกเหนือจากบุคคลที่มักง่ายในความคิดแล้ว  ยังมีกลุ่มบุคคลที่ไม่สนใจและไม่ให้ความสำคัญต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ” 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง แผนงานในบางประเด็นจากบุคคลที่หละหลวม มักง่ายและขาดประสบการณ์ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองกับอเมริกา ว่า  “บุคคลเหล่านี้จะอ้างและพูดว่า  ท่านอิมามอาลี(อ)และท่านอิมามฮุเซน(อ) ก็ยังได้ทำการเจรจากับศัตรูของตัวเอง แล้วเหตุใด ในวันนี้จึงมีการต่อต้านในการเจรจากับอเมริกาด้วย ??”  

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ตอบข้อสงสัยดังกล่าว ว่า  “การวิเคราะห์เช่นนี้โดยเฉพาะในประเด็นประวัติศาสตร์อิสลาม และประเด็นในประเทศนั้น มาจากผลของความมักง่ายในความคิด ขาดประสบการณ์  และการที่อิมามอาลี(อ)ได้ทำการเจรจากับซูเบร์  และอิมามฮุเซน(อ)ทำการเจรจากับอุมัร บิน สะอด์  นั้น หาใช่เป็นการเจรจาที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่มีความหมายในการแลกเปลี่ยนต่อรอง  เนื่องจากทั้งสองท่าน ได้หันหน้าเข้าหาฝ่ายตรงกันข้าม เพื่อทำการตักเตือนและให้พวกเขามีความยำเกรงต่อพระองค์” 


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า  “เป็นที่น่าเสียดายที่บางคน ออกมากล่าวอ้างในการเจรจาของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านกับซาตานตัวใหญ่  ด้วยโลกทัศน์แบบอาวาม (ประชาชนทั่วไป)  ได้มีการนำเสนอประเด็นเหล่านี้ทางหนังสือพิมพ์  การบรรยายและสื่อโลกออนไลน์ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง”


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ย้ำว่า “อิหร่านไม่มีการคัดค้านในหลักการของการเจรจาต่อรองกับประเทศต่างๆทั้งชาติยุโรปและที่ไม่ใช่ชาติยุโรป  พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  ประเด็นอเมริกานั้นมันมีความแตกต่างกัน  เนื่องจากพวกเขาให้คำจำกัดความที่พวกเขาให้มาในการเจรจากับสาธารณรัฐอิสลาม  นั้นคือ การแทรกแซงและการเปิดช่องทางให้พวกเขาเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลในประเทศ” 


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า อเมริกาเป็นเพื่อนร่วมทางและให้ความร่วมมือกับขบวนการยิวไซออนิสต์ที่เป็นปฏิปักษ์กับมนุษยชาติ   และกล่าวย้ำว่า “ การเจรจาต่อรองกับอเมริกานั้นเป็นการเปิดทางเพื่อเข้ามาแทรกแซง มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมืองและความมั่นคงในประเทศ”


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงการเจรจานิวเคลียร์ล่าสุด   และกล่าวเสริมว่า “การเจรจาครั้งนี้ ฝ่ายตรงกันข้าม มีความพยายามอย่างมากที่จะใช้ทุกโอกาสในการเข้ามาแทรกแซง  และขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของประเทศ  แต่ทว่า คณะเจรจาอิหร่าน ยังตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี และแล้วอเมริกาก็ได้หยิบโอกาสนี้ใช้ประโยชน์ในเวทีต่างๆ”


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า “ห้ามการเจรจาใดๆก็ตามกับสหรัฐ เนื่องจากจะทำให้เสียผลประโยชน์ไม่รู้จบ และจะเป็นอันตราย”

ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า  “สถานการณ์ปัจจุบันในแง่ของกิจกรรมความเคลื่อนไหวและความพยายามของศัตรูของสาธารณรัฐอิสลามนั้น ซึ่งตามที่เรามีข้อมูลของพวกเขาครอบคลุมทุกด้านนั้น ถือเป็นจุดที่สำคัญเพราะพวกเขาพยายามที่จะเปลี่ยนแนวคิด การคำนวน และเปลี่ยนจิตใจของประชาชนที่มีต่อการปฏิวัติ  ศาสนาและผลประโยชน์ของประเทศชาติ” 


ท่านผู้นำได้ย้ำถึง การเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของประชาชนนั้น  โดยมีเป้าหมายหลักคือบรรดาเยาวชน พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาเยาวชนมีความเฉลียวฉลาด  และได้ตอกย้ำว่า  “ด้วยความโปรดปรานของพระองค์ บรรดาเยาวชนของเราในมหาลัยต่างๆ และกองกำลังติดอาวุธล้วนมีการตื่นตัวและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ  และในส่วนนี้ข้าพเจ้าก็ไม่มีอะไรที่ต้องวิตกกังวลนัก” 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงเนื่องในวาระครบรอบคล้ายวันอีดมุบาฮะละฮ์ และการยืนหยัดของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) และบรรดาวงศ์วานผู้บริสุทธิ์ของท่าน  ในการเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ปฏิเสธ  ให้กับบรรดาเยาวชนนักปฏิวัติในประเทศ   ว่า  “เหมือนดั่งที่เหตุการณ์มุบาฮะละฮ์เกิดขึ้นในยุคสมัยของอิสลาม ที่มีการเผชิญหน้ากันระหว่างความศรัทธากับกุฟร์ (การปฏิเสธศรัทธา)   ในวันนี้ก็เช่นกัน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านในฐานะที่เป็นประชาชาติผู้ศรัทธาก็ได้เผชิญหน้ากับผู้ปฏิเสธ   และในสมัยนั้น ด้วยความบริสุทธิ์ของท่านศาสดาและวงศ์วานผู้บริสุทธิ์ของท่านสามารถขับไล่ศัตรูให้ออกไปจากสนามได้สำเร็จ   ในวันนี้ก็เช่นกันประชาชาติอิหร่านด้วยความมั่นคงและแข็งแกร่งในด้านจิตวิญญาณก็จะสามารถขับไล่ศัตรูออกไปจากสนามได้อย่างแน่นอน”


ในช่วงท้ายท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวว่า  หากเรามีการเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือศาสนาของพระองค์    พันธะสัญญาแห่งการช่วยเหลือของพระองค์ก็จะบังเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ช่วยเหลือศาสนาของพระองค์ และบรรดาผู้ประสงค์ร้ายต่อระบอบอิสลามที่ได้มีการวางแผนต่างๆในด้านการรักษาความมั่นคง การทหาร เศรษฐกิจวัฒนธรรมก็ต้องพบกับความล้มเหลวและแพ้พ่ายอย่างแน่นอน


700 /