ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ส่งสาส์นฮัจญ์ ยังบรรดาผู้แสวงบุญ ณ มหานครมักกะฮ์ โดยท่านถือว่า นโยบายอันชั่วร้ายและสกปรกของมหาอำนาจในการก่อให้เกิดปัญหาใหญ่สำหรับประชาชาติอิสลามในภูมิภาค และการก่ออาชญากรรมของระบอบการปกครองเถื่อนไซออนิสต์ และการดูหมิ่นอย่างไม่หยุดหย่อนต่อความศักดิ์สิทธิของมัสยิด อัลอักซอ นั้นเป็นประเด็นแรก ที่สำคัญของประชาชาติอิสลามในวันนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาอุลามาอ์ ปัญญาชนของโลกอิสลามทำหน้าที่ในภารกิจนี้ของตน ในการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ และได้ตอกย้ำว่า การชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่ในพิธีฮัจญ์ คือสถานะภาพแห่งการปรากฏตัว และการแลกเปลี่ยนภารกิจที่สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ที่โดดเด่น และยอดเยี่ยมที่สุด และ “โอกาสแห่งการประกาศบารออัต”นั้น จำต้องรู้ถึงคุณค่าแห่งการเข้าร่วมของบรรดาผู้แสวงบุญจากทั่วทุกสารทิศ เนื่องจากสิ่งนี้คือสัญลักษณ์ที่เด่นชัดที่สุดของพิธีกรรมทางการเมืองในบทบัญญัติทางศาสนาที่ครอบคลุมทุกด้าน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง อุบัติเหตุอันข่มขืน ที่ทำให้กับบรรดาผู้แสวงบุญในมัสยิด อัลฮะรอม เสียชีวิต และภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ในการรักษาความปลอดภัยให้กับแขกของพระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับเน้นย้ำว่า การปฏิบัติตามพันธะสัญญาอันนี้และการตอบสนองต่อความรับผิดชอบดังกล่าวคือความปรารถนาสูงสุดของเรา
เนื้อความของสาส์นฉบับนี้ ถูกอัญเชิญอ่านโดย ฮุจญะตุลอิสลาม วัลมุสลีมีน กอฎี อัสฆ็อร ตัวแทนของท่านวะลียุลฟะกีฮ์และอะมีรุลฮัจญ์ของผู้แสวงบุญชาวอิหร่าน ในเช้าวันพุธที่ 23 กันยายน 2015 ในพิธีประกาศความเป็นปฏิปักษ์ต่อบรรดาผู้ตั้งภาคี (อัลบะรออะฮ์ มินัลมุชริกีน) ณ. ท้องทุ่งอารอฟะฮ์ ซึ่งมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
بسماللهالرّحمنالرّحیم
و الحمد لله ربّ العالمین، و الصّلاة و السّلام علی سیّد الخلق اجمعین محمّد و آله الطّاهرین و صحبه المنتجبین وعلی التّابعین لهم باحسان الی یوم الدّین
สลามยังวิหาร์แห่งกะอ์บะฮ์อันสิริมงคล ฐานมั่นแห่งเตาฮีด(หลักความเป็นเอกกะของพระองค์) สลามยังศูนย์กลางของมวลผู้ศรัทธา สถานที่ลงมาของเทวทูต(มวลมะลาอิกะฮ์) สลามยังมัสยิด อัลฮะรอม ทุ่งอารอฟะฮ์ มัชอารและทุ่งมินา สลามยังหัวใจที่นอบน้อม ริมฝีปากที่เปล่งวาจาคำพูดแห่งการรำลึก(ซิกร์) ดวงตาที่เปิดรับแห่งการรู้แจ้ง (บาศีรัต) และโลกทัศน์อันนำมาซึ่งอุทาหรณ์ สลามแด่พวกท่านเหล่าผู้แสวงบุญทั้งหลายที่มีความรุ่งโรจน์และผาสุก ที่ได้รับความโปรดปราน(เตาฟีก)ในการตอบรับและขานรับการเรียกร้องของพระผู้เป็นเจ้า และร่วมในสำรับอาหารที่เปี่ยมล้มด้วยเนี้ยะมัต และความโปรดปราน
พันธะกิจแรก คือ การคิดไตร่ตรอง และพินิจพิเคราะห์ในการตอบรับการเรียกร้องในระดับสากล ประวัติศาสตร์และอมตะ
اِنَّ الحَمدَ وَ النِّعمَةَ لَکَ وَ المُلکَ لا شَریکَ لَکَ لَبَّیک แท้จริงทุกการสรรเสริญและการขอบคุณเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ทุกเนี้ยะมัตและความโปรดปรานล้วนมาจากพระองค์ และพลังอำนาจทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เพียงองค์เดียว แหละนี่คือโลกทัศน์ ของการประกอบพิธีฮัจญ์ในการก้าวสู่จุดแรกแห่งบทบัญญัติข้อบังคับทางศาสนาที่เปี่ยมไปด้วยสารัตถะ ฮิกมัต และวิทยปัญญา และสานต่อพิธีกรรมนี้ด้วยการรังสรรค์ความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับรูปแบบของพิธีกรรมดังกล่าว จากนั้นกำหนดและเรียกร้องบรรดาผู้แสวงบุญ อาทิเช่น หลักคำสอนที่เป็นอมตะและบทเรียนที่ไม่มีวันลืมเลือน และวางระเบียบแบบแผนแห่งวิถีชีวิตที่วางอยู่บนพื้นฐานของสิ่งดังกล่าว เพื่อเรียนรู้บทเรียนอันยิ่งใหญ่และการปฏิบัติตามสิ่งเหล่านี้ที่เป็นตาน้ำแห่งความจำเริญ ที่จะทำให้วิถีชีวิตของมวลมุสลิม มีแต่ความสดใสชีวิตชีวาและการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากพันธนาการ (ทั้งในยุคสมัยปัจจุบันและอนาคต) แห่งเจว็ดแห่งอัตตา ความหยิ่งยโสโอหัง และอารมณ์ตัณหา เจว็ดแห่งนักล่าอานานิคมและครอบงำ เจว็ดแห่งมหาอำนาจผู้อหังการ เจว็ดแห่งความเกียจคร้านและไร้ความรับผิดชอบ และบรรดาเจว็ดที่มีความอัปยศอดสูทุกตัวที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ของมวลมุสลิมที่กำลังเผชิญอยู่ และด้วยเสียงคำรามแห่งอิบรอฮีม (ที่เกิดจากเบื้องลึกของหัวใจและตามแบบแผนแห่งการดำเนินชีวิต) จะสามารถโค่นและทำลายล้างเจว็ดต่างๆเหล่านี้ อิสรภาพ เสรีภาพ เกียรติยศ ศักดิ์ศรี และความสงบสุขร่มเย็น ก็จะมาแทนที่การพึ่งพา ความยากลำบากและความทุกข์ทรมาน
โอ้บรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีผู้แสวงบุญทั้งหลาย ที่หลั่งไหลมาจากทุกชนชาติและทุกประเทศ จงไตร่ตรองและพินิจพิเคราะห์ถึงถ้อยคำแห่งวิทยปัญญาของพระผู้เป็นเจ้า และมีโลกทัศน์ที่ลุ่มลึกต่อเหตุการณ์ที่โลกอิสลามกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันตก และแอฟริกาเหนือ ด้วยการพิจารณาถึงศักยภาพและความสามารถ สวัสดิการแห่งปัจเจกบุคคล สภาพแวดล้อม และนำเสนอพันธะกิจ ภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบ และความเพียรพยามในสิ่งนี้
ในวันนี้นโยบายแห่งความชั่วร้ายของอเมริกาในภูมิภาคนี้ ในด้านหนึ่ง ( ก่อให้เกิดสงคราม เหตุการณ์นองเลือด การทำลายล้าง และอพยพลี้ภัย ความยากจน ล้าหลัง ความขัดแย้งทางเชื้อชาติและนิกาย) และอีกด้านหนึ่ง การก่ออาชญากรรมของระบอบการปกครองของยิวไซออนิสต์ (ที่แสดงพฤติกรรมป่าเถื่อน ต่อประเทศปาเลสไตน์ อันนำมาซึ่งจุดสูงสุดแห่งความโหดร้ายป่าเถื่อนและอาฆาตพยาบาท ) การดูหมิ่นดูแคลนความศักดิ์สิทธิ์และเกียรติของมัสยิดอัลอักซอ และการเหยียบย่ำชีวิตและทรัพย์สินของชาวปาเลสไตน์ผู้ถูกกดขี่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือประเด็นปัญหาแรกของมวลมุสลิมทั้งหลาย ที่จะต้องมีการขบคิดพิจารณา และรู้จักในการกำหนดภาระหน้าที่แห่งอิสลามของตนในการเผชิญหน้าและต่อกรกับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งผู้รู้ทางศาสนา บรรดามันสองทางการเมืองและวัฒนธรรม ย่อมมีภารกิจที่หนักอึ้งกว่าคนทั่วไป แต่เป็นที่น่าเสียดายที่บุคคลเหล่านี้กลับเพิกเฉยและละเลยต่อหน้าที่ของตน
บรรดาผู้รู้ศาสนาทั้งหลาย กลายเป็นผู้จุดเพลิงไฟแห่งความแตกแยกทางนิกาย บรรดานักการเมืองกลับนิ่งเฉยและเฉยเมยต่อบรรดาศัตรู และบรรดาปัญญาชนด้านวัฒนธรรมกลับสาละวนอยู่กับเรื่องชายขอบ แทนที่จะมาทำความรับรู้และทำความเข้าใจถึงความเจ็บปวดของโลกอิสลาม และภารกิจของตน ณ เบื้องหน้าแห่งความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า และรับผิดชอบในการขานรับภาระหน้าที่ดังกล่าว พร้อมกับปฏิบัติตามพันธะสัญญา เหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความทุกข์โศกที่เกิดขึ้นในภูมิภาค – ในอิรัก ชาม (ซีเรีย) เยเมนและบาห์เรน- เขตเวสต์แบงก์ตะวันตก กาซ่า และในบางประเทศในเอเชีย และแอฟริกา ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประชาชาอิสลามนั้น จำต้องเห็นถึงเงื้อมือของแผนร้ายของมหาอำนาจผู้อหังการโลก และครุ่นคิดแนวทางในการเยียวยา ประชาชนจำต้องเรียกร้องสิ่งนี้จากรัฐบาลของตน และรัฐบาลทั้งหลายจำต้องมีความซื่อสัตย์ในภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งของตนด้วย
พิธีกรรมและการชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่นั้น คือสถานะภาพแห่งการปรากฏตัว และการแลกเปลี่ยนภารกิจที่สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุด “โอกาสแห่งการประกาศบารออัต” จำต้องรู้ถึงคุณค่าแห่งการเข้าร่วมของบรรดาผู้แสวงบุญจากทั่วสารทิศ เนื่องจากสิ่งนี้คือสัญลักษณ์ที่เด่นชัดที่สุดของพิธีกรรมทางการเมืองในบทบัญญัติข้อบังคับทางศาสนาที่ครอบคลุมทุกด้าน
ปีนี้เกิดอุบัติภัยอันข่มขืน และสร้างความสูญเสียในมัสยิด อัลฮะรอม ซึ่งได้สร้างบาดแผลอันเจ็บปวดให้กับบรรดาผู้แสวงบุญ และประชาชาติทั้งหลาย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นบรรดาผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้นั้นกำลังอยู่ในสภาพของการนมาซ การฏอวาฟเวียนรอบกะอ์บะฮ์ และประกอบอิบาดะห์ ได้กลับคืนสู่พระเมตตาของพระองค์ในสภาพที่ได้รับความผาสุกและความรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่ ในเขตต้องห้ามอันทรงเกียรติ์ และความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า อินชาอัลลอฮ์ – แหละนี้คือการปลอบโยนและปลอบขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับบรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต- แต่สิ่งนี้มิได้หมายความว่า ภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งของบรรดาผู้รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยให้กับแขกของพระองค์ผู้ทรงเมตตานั้นลดน้อยลง การปฏิบัติตามพันธะสัญญาอันนี้และการตอบสนองต่อความรับผิดชอบดังกล่าวคือความปรารถนาสูงสุดของเรา
والسّلام علی عبادالله الصّالحین
ซัยยิด อาลี คาเมเนอี
9 ซุลฮิจญะฮ์
23 กันยายน 2558