เมื่อช่วงเช้าวันพุธ ที่ 16 กันยายน บรรดาเจ้าหน้าที่และผู้บัญชาการซิพอฮ์ (กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม) นับพันคน ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติ เป็นหนึ่งในความโปรดปราน(นิอ์มัต)อันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นกองกำลังพิทักษ์ที่มีความรอบรู้ และมีโลกทัศน์ของการปฏิวัติอิสลามอย่างแท้จริงทั้งในประเด็นภายในและต่างประเทศ พร้อมกับอธิบายข้อบังคับและมิติต่างๆของการปกป้องพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ว่า ศัตรูมีความหวังอันเลื่อนลอยต่อการสิ้นสุดและล่มสลายของการปฏิวัติอิสลาม และมีความคิดที่จะเข้าไปแทรกซึม โดยเฉพาะการแทรกซึมด้านการเมือง –วัฒนธรรม ซึ่งการรู้จักแผนการร้ายของบรรดาศัตรู ย่อมเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ความมั่นคงแห่งจิตวิญญาณการปฏิวัติ และการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวบรรลุสู่เป้าหมายและอุดมการณ์อย่างแท้จริง และด้วยสิ่งเหล่านี้จะทำให้เป้าหมายของศัตรูนั้นล้มเหลว
ในการพบปะครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายสถานะภาพของซิพอฮ์ (กองกำลังปกป้องพิทักษ์การปฏิวัติ) และพันธะกิจที่หนักอึ้งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน และอนาคตของประเทศ โดยอธิบาย คำศัพท์สี่คำที่สำคัญประกอบด้วย “ ซิพอฮ์” “ การป้องกันและการพิทักษ์” การปฏิวัติ” และ “อิสลาม” พร้อมกับอธิบายในมิติ คุณลักษณะและข้อบังคับต่างๆของซิพอฮ์
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า “ซิพอฮ์” หมายถึง องค์การ การจัดตั้ง การมีกฎระเบียบ วินัย พร้อมกับกล่าวว่า ไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานใด เหมือนเช่นกองกำลังพิทักษ์ ที่มีพันธะกิจที่เป็นระบบในการปกป้องการปฏิวัติอิสลาม ที่ได้รับการยกย่องในฐานะหน่วยงานหรือองค์กรที่มีเกียรติ เป็นที่รักตลอดทั้งเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์และสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า “การไม่แก่ชรา และการฟื้นฟูที่มีชีวิตชีวา” ที่ผ่านการพัฒนาและความลึกซึ้ง และการฝึกอบรมสอนสั่งองค์ประกอบใหม่ที่มีประสิทธิภาพและชาญฉลาด” นั้น เป็นหนึ่งในข้อบังคับของการจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติ และกล่าวว่า กองกำลังพิทักษ์ นอกเหนือจากการฝึกอบรมสอนสั่งองค์ประกอบใหม่ภายในแล้ว ยังต้องมีความสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อองค์ประกอบที่กำลังรับใช้หน่วยงานต่างๆด้วย พร้อมกับขยายการพัฒนาความเจริญเติบโตให้กับมนุษย์ที่มีอิทธิพลอีกด้วย
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ย้ำถึงอีกหนึ่งคุณลักษณะของการจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์ คือ การสร้างให้เกิดอำนาจ “ ทางภาคสนาม การเมือง อัตลักษณ์และเกียรติยศ” พร้อมกับกล่าวว่า อีกคุณลักษณะหนึ่งของ
“ การบริหารจัดการของซิพอฮ์” คือ ความหนุ่ม ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของกองกำลังรุ่นเก่า และระดับมืออาชีพ ซึ่งจำต้องรักษาความต่อเนื่องอันนี้และอย่าให้เกิดช่องว่างระหว่างผู้สืบทอดในกองกำลังพิทักษ์
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า คำว่า "การพิทักษ์" และ "การปกป้องการปฏิวัติ" เป็นสัญลักษณ์ของความประสงค์และตัวตนแห่งอัตลักษณ์ของการปฏิวัติ และกล่าวย้ำว่า เมื่อเรากล่าวว่า การปกป้องการปฏิวัติ นั้นหมายความว่า ความปรารถนาและความประสงค์อันแรงกล้าแห่งการปฏิวัติยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งการปฏิวัติก็ยังคงความแข็งแกร่ง มีชีวิตชีวา และปรากฏตัวอย่างชัดเจน เพราะถ้าหากการปฏิวัตินี้ไม่มีชีวิตชีวา การป้องกันและการพิทักษ์ก็จะไร้ความหมาย
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า อีกมิติหนึ่งของความหมาย "การป้องกันการปฏิวัติ" นั้นคือ การคุกคามการปฏิวัติ และกล่าวเสริมว่า ถ้าหากไม่มีภัยคุกคาม ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องป้องกันการปฏิวัติ ดังนั้นเมื่อมีภัยคุกคามเราก็จะต้องรู้จักพวกเขา
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในภารกิจหลักของซีพอฮ์ คือ การเฝ้าระวังและติดตามปัญหาภายใน ปัญหาภูมิภาคและระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อรู้จักภัยคุกคาม และกล่าวย้ำว่า กองกำลังซีพอฮ์ ไม่ได้เป็นแค่องค์กร หรือหน่วยงานที่มีความบันเทิงรื่นเริงในการปฏิบัติงาน แต่ยังเป็นผู้สังเกตการณ์ที่มีความรอบรู้ รู้แจ้ง และตระหนักถึงปัญหาภายในและภายนอกอีกด้วย
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ทบทวนถึงความสำคัญของคอลเล็กชั่นข่าวกรองของซีพอฮ์ ว่า คอลเล็กชั่นข่าวกรองของซีพอฮ์ จะต้องมีการเฝ้าระวังและตรวจสอบปัญหาและภัยคุกคามอยู่เสมอ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อีกมิติหนึ่งของคำว่า "ปกป้องการปฏิวัติ" คือ การ "มีสติ มีความเฉลียวฉลาดและตื่นตัวแบบถาวร” และกล่าวย้ำว่า เราไม่เคยเริ่มต้นสงครามและจะไม่มีวันเริ่มสงครามก่อนเป็นอันขาด แต่ทว่า เนื่องจากการปฏิวัติอิสลามตกอยู่ภายใต้การคุกคามของฝ่ายตรงข้าม และผู้ก่อกวนอยู่เสมอ ดังนั้นการมีสติ ชาญฉลาด และการตื่นตัวอย่างต่อเนื่องของซีพอฮ์ และการเตรียมการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม กับภัยคุกคามนั้นจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงอีกมิติหนึ่งของคำว่า “การป้องกันการปฏิวัติ” คือ การรักษาและรำลึกถึงการปฏิวัติ และกล่าวเสริมว่า สิ่งที่จำเป็นในการให้เกียรติและรู้ถึงคุณค่าของการปฏิวัติอิสลาม คือ การมีความรอบรู้อย่างแท้จริง ชัดเจนและครอบคลุมทุกด้านของการปฏิวัติ ซึ่งการมีมะอ์รีฟัตดังกล่าวควรมีอยู่ในทุกภาคส่วนและลำดับชั้นของกองกำลังซีพอฮ์
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อีกวิธีหนึ่งที่ศัตรูจะเข้ามาแทรกซึม คือ การสร้างความครางแคลนสงสัยในความเชื่อ โดยกล่าวเสริมว่า วิธีการจัดการและเผชิญหน้ากับรูปแบบการแทรกซึมนี้ คือ การสร้างความพร้อมให้กับกองกำลังซีพอฮ์ ด้วยตรรกะที่มั่นคง โดยอาศัยรูปแบบของการเพิ่มพลังอำนาจแห่งการโน้มน้าวใจ ตรรกะและการอธิบายในประเด็นของการปฏิวัติอิสลาม
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การรู้จักศัตรู เป็นอีกมิติหนึ่งของคำว่า การ "ปกป้องการปฏิวัติ” ซึ่งศัตรูที่หมายถึงในที่นี้ คือ บรรดามหาอำนาจผู้อหังการโลก และสัญลักษณ์ที่แท้จริงของสิ่งนี้ คือ อเมริกา และมีรัฐบาลอนุรักษ์นิยมและมนุษย์ผู้อ่อนแอทางทางจิตวิญญาณที่เป็น ข้าสมุนของพวกเขา
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า สิ่งจำเป็นในการปกป้องการปฏิวัติ คือ การรู้จักจุดอ่อนในด้านมะอ์รีฟัต(ทฤษฎี) และการปฏิบัติของศัตรู และชี้แจงให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รู้จักและเข้าใจศัตรูที่ถูกต้องให้ได้รับรู้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงจุดอ่อนและข้อขัดแย้งของพื้นฐานของศัตรู ว่า ศัตรูของการปฏิวัติอิสลาม เป็นบุคคลที่ได้เข้ามาในภูมิภาคนี้ นานนับปีแล้วที่ โดยใช้สโลแกน สร้าง "ความปลอดภัยและสงบสุข " "ต่อต้านการก่อการร้าย" " สร้างประชาธิปไตย" และ " สร้างสันติภาพ" แต่ในวันนี้ผลลัพธ์ในการเข้ามาของพวกเขาในภูมิภาคนี้ คือ เหตุการณ์ความไม่สงบ การปรากฏตัวเพิ่มขึ้นของกลุ่มก่อการร้ายที่รุนแรง ป่าเถื่อน โหดร้าย และจุดฉนวนไฟสงครามในภูมิภาค
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สโลแกน "การสร้างประชาธิปไตย" ในภูมิภาค ที่กล่าวโดยอเมริกานั้น ในวันนี้กลายเป็นหนึ่งในอุปสรรค์ปัญหาหลัก เนื่องจากในวันนี้กลุ่มผู้ปกครองแบบเผด็จการในภูมิภาค ด้วยการสนับสนุนของอเมริกากำลังดำเนินการก่ออาชญากรรมของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ท่านผู้นำสูงสุด ได้มุ่งเน้น การอธิบายศัพท์ 4 คำ ของการก่อรูปขึ้นมาของซีพอฮ์ “กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม" แล้ว ก็ได้อธิบายความหมายที่แท้จริงของคำว่า การปฏิวัติ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปฏิวัติ คือ การปฏิวัติที่แท้จริง ยั่งยืน และ "กลายเป็นวิวัฒนาการที่ลึกซึ้งและไม่มีวันสิ้นสุด” พร้อมกับกล่าวเสริม ว่า สิ่งนี้มันขัดแย้งกับความคิดและการชักนำของกลุ่มมันสองชาวต่างชาติซึ่งภายในประเทศก็ยังมีกลุ่มบุคคลที่นำเสนอความคิดของพวกเขาซ้ำๆ ซึ่งในความจริงแล้วการปฏิวัตินี้จะไม่มันสิ้นสุดลง และการเปลี่ยนให้ "สาธารณรัฐอิสลาม" กลายเป็นความหมายที่พวกเขาคิดนั้น มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างอุดมคติและอุดมการณ์ขั้นพื้นฐาน เป็นก้าวแรกของการปฏิวัติ และกล่าวเสริมว่า พื้นฐานหลักและอุดมคติเหล่านี้ มันแตกต่างกับเครื่องมือและวิธีการอื่นๆ ซึ่งมันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าว ตามการอธิบายของอัลกุรอาน ว่า ในอัลกุรอาน อุดมคติ คือ ชีวิตที่บริสุทธิ์ และกล่าวเสริมว่า ชีวิตที่บริสุทธิ์มันจะครอบคลุมถึงทุกอย่างสำหรับประเทศหนึ่ง ที่มีความต้องการบรรลุความผาสุกและความรุ่งโรจน์
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า เกียรติแห่งชาติ อิสรภาพ ซึ่งหมายถึงเสรีภาพแห่งชาติ ที่หลุดพ้นจากการการกดขี่ ความโหดร้าย การถูกครอบงำจากมหาอำนาจผู้อหังการโลก และขับเคลื่อนไปพร้อมกับจิตวิญญาณในด้านวิทยาศาสตร์และอารยะธรรม ความยุติธรรม สวัสดิการ นวัตกรรมอิสลาม และวิถีชีวิตอิสลาม ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นคุณลักษณะหนึ่งของชีวิตที่บริสุทธิ์ พร้อมกับกล่าวเสริมว่า การขับเคลื่อนสู่สังคมแห่งอุดมคติ และการขับเคลื่อนที่ต่อเนื่อง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คือ วิวัฒนาการอย่างถาวรสู่ความใกล้ชิดยังพระองค์
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การศรัทธามั่นในพระเจ้าและปฏิเสธฏอฆูต คือคุณลักษณะหนึ่งของชีวิตที่บริสุทธิ์ และกล่าวเสริมว่า ในการโฆษณาของตะวันตก ซึ่งภายในประเทศก็มีการกล่าวซ้ำ เพื่อบั่นทอนและลดหลั่งความเกลียดชังที่มีต่อมหาอำนาจผู้อหังการ ว่า มันไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบุคคลที่เชื่อและศรัทธาในพระเจ้า ที่ต้องปฏิเสธฏอฆูตเสมอไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความเชื่อในพระเจ้าและการปฏิเสธฏอฆูต คือคุณลักษณะหนึ่งของชีวิตที่บริสุทธิ์ที่เชื่อมสัมพันธ์อย่างเหนียวแน่นไม่อาจแยกออกจากกัน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า เครื่องมืออุดมการณ์ทางการทูตและการเมืองในประเทศ เป็นอีกหัวข้อหนึ่งในการโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตก และกล่าวเสริมว่า พวกเขาต้องการไม่ให้เรานำเอาพื้นฐานหลักของเราเข้าไปก้าวกายและแทรกแซงนโยบายต่างประเทศ แต่ทว่า ความคิด ความเชื่อ และอุดมการณ์ในทุกด้านนั้น “เป็นคำชี้นำที่เด็ดขาดและสามารถกำหนดชะตากรรมได้"
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายความขัดแย้งโดยธรรมชาติระหว่างสองถ้อยแถลง และคำชี้แจง ซึ่งในวันนี้มีตะวันตกเท่านั้นที่มีการกล่าวซ้ำในการโฆษณาชวนเชื่อ
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ในด้านหนึ่งศัตรูพูดว่า สาธารณรัฐอิสลามมีอำนาจและอิทธิพลในภูมิภาคนี้ และอีกด้านหนึ่งบอกว่า จงละทิ้งจิตวิญญาณและอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติ เพื่อสามารถดึงดูดความสนใจของประชาคมระหว่างประเทศ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ชี้ว่า ถ้อยแถลงทั้งสองนั้นมันตรงกันข้ามและขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง เพราะอำนาจและอิทธิพลของเรานั้น เกิดจากจิตวิญญาณและประสิทธิภาพของการปฏิวัติ ซึ่งถ้าเราละทิ้งสิ่งเหล่านี้ ย่อมเกิดความอ่อนแออย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า วัตถุประสงค์หลักของศัตรู คือ ให้ประชาชาติอิหร่านละทิ้งความคิดและอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติ เพื่อที่จะให้เราสูญเสียอำนาจ และในแผนที่ของหลายๆประเทศที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ที่ถือตนเองว่าเป็นประชาคมระหว่างประเทศ ถูกย่อยสลายและถูกกำจัด
หลังจากท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายมิติต่างๆของความหมายของการปฏิวัติ ก็ได้อธิบายคุณลักษณะที่สี่ ของคำ ที่ก่อให้เกิด “ ซีพอฮ์ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม” นั้นคือ อิสลาม
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ศาสนาอิสลามคือรากฐานและแหล่งที่มาของการปฏิวัติ แต่ทว่าบางคนมีความกลัวต่อชื่อของศาสนาอิสลาม และใช้ "การปฏิวัติ 57" แทนคำว่า การปฏิวัติอิสลาม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า ศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ คือ "เนื้อหาทั้งหมดของการปฏิวัติ พร้อมกันนั้น ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ต่อความคิดแบบอาวาม(ทั่วไป) บิดเบือน และโง่เขลาของกลุ่มตักฟีรี ว่า ศาสนาอิสลามวางอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล สติปัญญา หลักฐานที่มั่นคงทางศาสนา กุรอานและฮะดิษจากท่านศาสดา และบรรดาอะห์ลุลบัยต(อ) บนพื้นฐานของการปฏิวัติของเรา ที่ทำให้เราสามารถปรากฏตัวในเวทีโลกได้อย่างสง่า ด้วยตรรกะที่แข็งแกร่งและสามารถนำเสนอชี้แจง และป้องกันประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงอิทธิพลและการแทรกซึมของการปฏิวัติอิสลามเข้าสู่จิตใจและหัวใจของประเทศมุสลิมทั้งหลายว่า อิสลามไม่ได้เจาะจงเฉพาะแค่ในรูปแบบ “อิสลามที่ปฏิบัติเฉพาะเรื่องปัจเจกบุคคล " " อิสลามแบบฆราวาส " " อิสลามที่ปราศจากการญิฮาดและการเป็นชะฮีด " และปราศจากการห้ามปรามความชั่วร้าย ซึ่งอิสลามเช่นนี้ไม่เป็นที่ยอมรับของอิหร่าน และ "อิสลามแห่งการปฏิวัติ" สามารถค้นหาได้ในคัมภีร์อัลกุรอาน ในพินัยกรรมของท่านอิมามโคมัยนี สุนทรพจน์ละงานประพันธ์ของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้สรุป คำพูดของท่าน โดยกล่าวถึงบรรดาผู้บัญชาการซีพอฮ์ ว่า พวกท่านทั้งหลายคือ ซีพอฮ์ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ซึ่งมีความหมายที่ลึกซึ้ง และกว้าง ดังนั้นจะต้องมีความชาญฉลาดอย่างแท้จริง และอาศัยพละกำลังแห่งตนที่มีทั้งหมด ใช้เพื่อการป้องกันและพิทักษ์การปฏิวัติ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ตำหนิคำพูดและงานเขียนทั้งที่เจตนาหรือไม่ก็ตามแต่ เพื่อสร้างความอ่อนแอให้กับซีพอฮ์ ว่า ซีพอฮ์ คือนิอ์มัต (พร)อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และทุกคนต้องขอบคุณและรู้ถึงคุณค่าของนิอ์มัตอันนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การขอบคุณและแสดงความกตัญญูต่อซีพอฮ์นั้น ต้องขอบคุณองค์กรและหน่วยงานนี้ และกล่าเสริมว่า ด้วยความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นของบริบททางจิตวิญญาณและทางปัญญาและการปฏิบัติที่เข้มงวดของตน จงห่างไกลและหลีกเลี่ยงจากข้ออ้างในการยื่นมือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น จงห่างไกลและออกห่างอย่างแท้จริง ต่อประเด็นที่นำมาซึ่ง ความเสื่อมเสียและเสียหายต่อซีพอฮ์ จงขับเคลื่อนในแนวทางอันเที่ยงตรงของการปฏิวัติในด้านเศรษฐกิจ การเงินและการเมือง จงรักษา และรู้ถึงคุณค่าแห่งบุคลิกภาพและฐานภาพของซีพอฮ์ให้ดี
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นของซีพอฮ์ที่จะต้องให้ความสนใจอย่างเต็มรูปแบบต่อภัยคุกคามต่างๆ ว่า ความพยายามของศัตรูที่จะเข้าไปแทรกซึมนั้น คือภัยคุกคามที่ร้ายแรง
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า แม้นว่าการแทรกซึมทางเศรษฐกิจและความมั่นคงจะมีผลกระทบที่เป็นอันตรายและรุนแรง แต่การแทรกซึมทางการเมืองและวัฒนธรรมของศัตรูนั้น มันอันตรายเสียยิ่งกว่า ซึ่งทุกคนควรระมัดระวัง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ทบทวนและย้ำเตือน ถึงการลงทุนอย่างหนักของศัตรู เพื่อเข้าไปแทรกซึมและมีอิทธิพลทางวัฒนธรรมและการเปลี่ยนแปลงความเชื่อของประชาชนว่า ในด้านการเมือง ต่างชาติก็กำลังหาช่องทางเพื่อเข้าไปแทรกซึมและมีอิทธิพลในศูนย์กลางแห่งการตัดสินใจ และหากไม่สามารถเข้าไปมีอิทธิพลต่อศูนย์การตัดสินใจแล้ว ก็จะมุ่งเน้นยังศูนย์กลางแห่งการรับการตัดสินใจ และหากแผนการร้ายอันนี้บรรลุผล แล้ว การกำหนดทิศทาง การตัดสินใจ การขับเคลื่อนโดยรวมของประชาชนในประเทศ ก็จะตกอยู่ภายใต้การวางแผน และดำเนินการตามความต้องการและความประสงค์ของต่างชาติอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ย้ำถึงความจำเป็น ในการเฝ้าระวังของประชาชนต่อเทคนิคศัตรู ว่า พวกเขากำลังให้ประชาชาติและประเทศชาติอิหร่านหลับใหล เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายของพวกเขา แต่ประชาชาติและเจ้าหน้าที่ จะไม่มีวันปล่อยให้ความหวังของชัยฏอนต่างชาติ ที่รอให้ประชาชาติอิหร่านหลับใหลนั้น เป็นจริงขึ้นมา เกิดขึ้นในหัวใจของศัตรูเป็นอันขาด
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า จะต้องมีการวางรากฐานแห่งความคิด และจิตวิญญาณการปฏิวัติในประเทศให้แข็งแกร่ง เพื่อที่จะ ไม่มีสิ่งใดมาก่อกวนและขัดขวางการเดินอันเจิดจรัสนี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นภารกิจหลักที่สำคัญของปัญญาชนและบรรดาผู้เป็นมันสมองระดับประเทศทุกคน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึงความสำคัญของเดือนซุลฮิจญะฮ์ โดยกำชับให้ทุกคนใช้ประโยชน์ทางจิตวิญญาณจากห้วงเวลาต่างๆที่สำคัญของเดือนอันทรงเกียรตินี้ โดยเฉพาะในวันที่ยิ่งใหญ่ของวันอารอฟะฮ์ ว่า ต้องรู้ถึงคุณค่าของวันอารอฟะฮ์ และจงอ่านดุอาอ์วันอารอฟะห์ ด้วยการพินิจพิเคราะห์ และไตร่ตรองในความหมาย เพื่อจักได้เป็นเสบียงในการก้าวเดินบนระยะทางอันยากลำบากและยาวไกลแห่งชีวิต พร้อมกับเป็นพลังและความเบิกบานในการก้าวเดินบนหนทางนี้ต่อไป
ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลีมีน สะอีดี ตัวแทนวะลียุลฟะกีห์ ประจำซีพอฮ์ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม กล่าวรายงานในการดำเนินการด้านวัฒนธรรมในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม
นายพล ญะอ์ฟัรี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (ซีพอฮ์) ได้ชี้ถึงการบรรลุซึ่งความช่วยเหลือจากพระองค์ในสนามรบแห่งการมุกอวิมัต ในทุกภูมิภาค ว่า ด้วยความสามารถที่มีอยู่ เราจะปกป้องและพิทักษ์ รากฐาน ค่านิยมและความสำเร็จของการปฏิวัติอิสลามอย่างสุดความสามารถ และเราจะไม่มีวันยอมและเปิดโอกาสให้บรรดาผู้ต่อต้านแนวทางของพระองค์และศัตรูเข้ามาแทรกซึมเป็นอันขาด