ผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี เมื่อช่วงเช้าวันพุธ 9 กันยายน ในการพบปะของประชาชนหลายพันคนจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวเตือนถึงความเพียรพยายามหลอกลวงของอเมริกาในการแทรกแซงบางส่วนของประเทศ
และท่านผู้นำ ยังได้เน้นถึง "เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยืนหยัด", "การพัฒนาก้าวหน้าทางวิชาการและวิทยาศาสตร์ "และ" การรักษาและเสริมสร้างจิตวิญญาณของการปฏิวัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เยาวชน” ทั้งสามคือองค์ประกอบที่สำคัญในการต่อกรอย่างมีประสิทธิภาพกับความเป็นศัตรูที่ไม่มีวันสิ้นสุดของซาตานตัวใหญ่ และท่านได้อธิบายถึงบางประเด็นที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นปลายปีนี้ (อิสพันด์ 94) โดยกล่าวว่า ผลที่มาจากการเลือกตั้ง เช่น ทุกคะแนนเสียงของประชาชน คือสิทธิมนุษยชนที่แท้จริง และจะต้องปกป้องสิทธิอันนี้อย่างชอบธรรมด้วย
อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี ได้ชี้ถึง สัปดาห์แห่งความเป็นศิริมงคลของเดือนซุลเกาะอ์ดะฮ์ และความสำคัญในการฉกฉวยประโยชน์จากโอกาสอันทรงคุณค่าของเดือนนี้ และยังเน้นว่า เดือนนี้เป็นเดือนที่มีความทรงจำที่ดีที่เต็มไปด้วยกับความหมายและกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเดือนนี้ รวมถึง การสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยทรราช กษัตริย์ชาฮ์ ปาห์เลวี เมื่อวันที่ 17 ปีที่1357, วันชะฮาดัตของท่านประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของประเทศ เมื่อวันที่ 8 ปีที่ 60,
การลอบสังหารชะฮีด อยาตุลลอฮ์กุดดูซีย์และชะฮีด อยาตุลลอฮ์มะดะนี ก็เกิดขึ้นในเดือนนี้, การบุกโจมตีอิหร่านโดยซัดดัมฮุสเซน ในวันที่ 30 ปีที่ 1359 ซึ่งจะเห็นถึงการปรากฏร่องรอยการแทรกแซงของอเมริกาไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้แสดงความกังวลใจต่อการลืมเลือนทีเล็กทีละน้อยของความทรงจำอันพิเศษเหล่านี้ จากหัวใจของบรรดาคนหนุ่มสาวของประเทศ และท่านยังได้วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ว่าอยู่ในระดับขั้นที่ต่ำในด้านการบริหารจัดการ และท่านยังกล่าวเสริมว่า เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่เป็นอุทาหรณ์ ฉะนั้น จะต้องไม่ลบออกจากความทรงจำทางประวัติศาสตร์ของประเทศ เพราะถ้าหากเยาวชนคนรุ่นใหม่ ไม่มีความเข้าใจต่อรากฐานของความทรงจำเหล่านี้ จะไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาของชาติในปัจจุบันและอนาคตได้
อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี ได้ย้ำถึงการทบทวนบางสัญลักษณ์ในการมีอำนาจของอเมริกันในช่วงระบอบการปกครองของทรราช ปาห์เลวี โดยท่านกล่าวว่า ทุกระดับของรัฐบาลทรราช รวมทั้งรัฐบาลและตัวตนของชาฮ์ เป็นผู้ที่ปฏิบัติตามอเมริกา และสหรัฐอเมริกาอาศัยมือของพวกนี้ ในการแทรกแซง เหมือนดั่งเป็นฟาโรห์ที่ปกครองประชาชนชาวอิหร่านอย่างไร้ซึ่งความยุติธรรม แต่ท่านอิมามโคมัยนี ผู้ทรงเกียรติ เปรียบเสมือนศาสดามูซา (โมเสส) แห่งสมัย ที่ยืนหยัดต่อสู้ จนสามารถปูพื้นของแผ่นดินเก่านี้ได้อย่างกว้างขวาง
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงการสิ้นสุดของผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้องของอเมริกาในอิหร่าน เป็นสาเหตุหลักของความเกลียดชังและความเป็นปฏิปักษ์กับสาธารณรัฐอิสลามและประชาชนชาวอิหร่าน
ท่านอยาตุลลอฮ์คาเมเนอี ยังกล่าวเสริมว่า การปฏิบัติทางประวัติศาสตร์ของท่านอิมามโคมัยนี ในการเรียกชื่ออเมริกาว่า ซาตานตัวใหญ่ เป็นการเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยกับสติปัญญาอย่างแท้จริง และกล่าวอีกว่า หัวหน้าของซาตานทั้งหลาย คือ อิบลิส แต่ภารกิจของอิบลิสนั้น เฉพาะกับการหลอกลวง เท่านั้น ในขณะที่อเมริกา ทั้งหลอกลวงและการฆาตกรรมและการคว่ำบาตร อีกทั้งยังโอ้อวดถือว่าตนเองเป็นมหาอำนาจ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าววิจารณ์อย่างรุนแรงจากผู้ที่มีความพยายามที่จะเผชิญหน้ากับอเมริกาที่ใบหน้าของมันนั้น เลวร้ายยิ่งกว่าอิบลิสว่าเสมือนเป็นดั่งทูตสวรรค์ผู้ปลดปล่อย โดยท่านกล่าวว่า หากไม่มีศาสนาและการปฏิวัติแล้ว ความจงรักภักดีต่อผลประโยชน์ของประเทศและสติปัญญาจะมีประโยชน์อันใดเล่า? สติปัญญาและมโนธรรมอันไหนหรือที่ช่วยให้เราสามารถล้างบาปความผิดอาชญากรรมของอเมริกาและจะเป็นเพื่อนที่น่าเชื่อถือได้?
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติ ยังเเตือนเกี่ยวกับอิทธิพลของนโยบายของอเมริกาและวิธีการแทรกแซง โดยกล่าวเสริมว่า ซาตานตัวที่ประชาชาติได้ไล่ให้มันออกไปจากประตู ก็กำลังกลับเข้ามาอีกครั้งทางหน้าต่าง และเราจะไม่ปล่อยให้มันเข้ามาอีกอย่างเด็ดขาด
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำอีกถึงความเป็นศัตรูกับอเมริกาต่อประชาชาติอิหร่าน จะไม่มีวันสิ้นสุด โดยยกตัวอย่างจากหลายวันที่ผ่านมา หลังจากการบันทึกข้อตกลงกัน ซึ่งขณะนี้ ชะตากรรมของมันในอิหร่านและอเมริกานั้น ยังไม่แน่นอน ในขณะที่พวกอเมริกากำลังหาแผนหลอกล่อในรัฐสภาของสหรัฐและสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับอิหร่าน
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า วิธีการเดียวที่จะยุติเแผนการของอเมริกาได้ก็คือ ความแข็งแกร่งของประชาชาติอิหร่าน และยังกล่าวอีกว่า เราจะต้องแสดงความแข็งแกร่งที่จะทำให้ซาตานตัวใหญ่นั้น หมดหวังจากความเป็นศัตรู
ท่านผู้นำสูงสุด ได้เน้นย้ำถึงการอธิบายในวิธีการไปสู่ยังความแข็งแกร่งแห่งชาติ ซึ่งมีด้วยกัน สามประเด็นหลัก ก็คือ"เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยืนหยัด", "การพัฒนาก้าวหน้าทางวิชาการและวิทยาศาสตร์" และ "การรักษาและเสริมสร้างจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เยาวชนคนหนุ่มสาว"
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมถึงประเด็นแรกว่า : เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยืนหยัดต้องผ่านการดำเนินนโยบายเป็นที่เป็นกลางและจะต้องไม่ล่าช้าต่อการดำเนินตามนโยบายที่แถลงออกไป นั่นก็คือ เศรษฐกิจต้านทาน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็กำลังดำเนินการอยู่
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติ กล่าวย้ำถึงการพัฒนาทางวิชาการและวิทยาศาสตร์และรักษาความก้าวหน้าทางวิชาการและวิทยาศาสตร์ ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
และท่านยังกล่าวเสริมว่า : การเสริมสร้างจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติและความยืนหยัดของประชาชน คือวิธีการดีที่สุดในการมีความแข็งแกร่งภายในและเจ้าหน้าที่ควรให้เกียรติต่อเยาวชนแห่งการปฏิวัติด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์คาเมเนอี ได้ชี้ให้เห็นถึงการเพียรพยายามของศัตรูที่จะไม่ประมาทและไม่แยแสต่อเยาวชนคนหนุ่มสาว โดยกล่าวว่า พวกเขาเหล่านั้นต้องการที่จะลบจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และการปฏิวัติของเยาวชนให้ห่างออกไป ซึ่งในประเทศก็เช่นกันมีกล่าวหาว่าเยาวชนฮิสบุลลอฮ์ว่าเป็นพวกสุดโต่ง ดังนั้นการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด หลังจากที่อธิบายถึงวิธีการเข้าสู่ความแข็งแกร่งและการหมดความหวังของศัตรู ได้กล่าวเสริมว่า พวกอเมริกา ในปัจจุบันนี้ ได้ปฏิบัติกับอิหร่านด้วยกันสองมาตรฐาน บางครั้งยิ้มตอบรับ และในบางครั้งก็มีการตระเตรียมแผนการในการเป็นปฏิบักษ์กับอิหร่าน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้เน้นถึงความเพียรพยายามของพวกอเมริกาในการเจรจากับอิหร่านนั้น เป็นเพียงข้ออ้างสำหรับการแทรกแซงและปฏิบัติตามคำสั่งของทำเนียบขาว และกล่าวว่า เรานั้น ได้เจรจากับพวกเขาในเรื่องนิวเคลียร์เท่านั้น ด้วยกับเหตุผลที่เฉพาะและได้รับอนุญาตจากเรา ก็ขอขอบพระคุณต่ออัลลอฮ์ ที่บรรดาผู้เจรจาได้ปฏิบัติกันอย่างดี แต่เราไม่อนุญาตให้มีการเจรจากับอเมริกาในเรื่องอื่นๆนอกจากนี้
อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า แน่นอนว่า เราจะเป็นผู้เจรจากับทุกๆประเทศ ในทุกระดับขั้น "รัฐบาล,ชาติพันธุ์และศาสนา ยกเว้นซาตานตัวใหญ่ "
นอกจากนี้ ท่านผู้นำสูงสุด ยังชี้ให้เห็นถึงรัฐปลอมของไซออนิสต์ โดยเสริมว่า ไซออนิสต์บางคนกล่าวว่า จากผลของการเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่าน ทำให้เราโล่งใจจากความกังวลที่มีต่ออิหร่านไปได้อีก 25 ปี แต่เราจะบอกพวกเขาว่า พวกเจ้าจะไม่มีโอกาสได้เห็นอนาคตอีก 25 ปี และด้วยกับความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า จะไม่มีขบวนการที่ชื่อไซออนิสต์อีกในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้เน้นว่า ในขณะเดียวกันนี้ จิตวิญญาณของอิสลามที่เป็นนักปฏิวัติต่อสู้จะไม่มีวันที่จะทำให้ไซออนิสต์นั้นได้รับความสะดวกสบาย
อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี กล่าวช่วงท้ายในการปราศรัยของท่านถึง หลายประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนอิสพันด์ 94
ท่านผู้นำสูงสุด ได้วิจารณ์ผู้ที่มีความพยายามจากหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ก่อนการเลือกตั้งของประเทศ โดยเขาบอกว่าการเลือกตั้งไม่ได้อยู่ในความสนใจของประเทศ เพราะเมื่อมีการแข่งขันการเลือกตั้งและความขัดแย้งกันจากการเลือกตั้ง ก็จะเป็นประเด็นหลัก และมิได้เพื่อประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชน และประเทศ แต่ในเวลานี้ เป็นโอกาสดีที่จะต้องมีการวางแผนระเบียบการเลือกตั้ง
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่สำคัญมากและแสดงให้เห็นถึงสถานะภาพและความเชื่อมั่นของประชาชน อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่แท้จริงของประชาธิปไตยทางศาสนาในอิหร่านด้วย
ท่านผู้นำสูงสุด ยังเสริมว่า เพราะเป็นความสำคัญที่ไม่อาจจะซ้ำกัน การจัดการการเลือกตั้งในอิหร่านตลอดระยะเวลา 37 ปี จะด้วยเหตุผลอันใดหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากก็ตาม และแม้ว่าความล่าช้าในวันเดียวก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งในทุกๆครั้งที่ผ่านมา
ท่านอยาตุลลอฮ์คาเมเนอี ได้ชี้ถึงการโฆษณาชวนเชื่อที่ต่อต้านการเลือกตั้งอิหร่านโดยกล่าวว่า พวกเขาทั้งหลาย จะเห็นได้ว่า ทั้งหมดของระบอบการปกครองของทรราชที่ชั่วร้ายนั้น แม้แต่เพียงครั้งเดียวที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งตามกติกาหรือไม่ตรงตามกติกา ไม่มีการประท้วงแต่อย่างใด และขณะนี้ ก็ไม่มีการประท้วงต่อบรรดาทรราช เผด็จทั้งหลาย แต่ในอิหร่าน ซึ่งมีการจัดการการเลือกตั้งมามากกว่า 10 ครั้ง และเป็นการเลือกตั้งตามหลักการของประชาธิปไตย แต่กลับมีการโฆษณาชวนเชื่อในแง่ลบเกี่ยวกับการเลือกตั้งในอิหร่าน
อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี กล่าวเน้นถึง ความปลอดภัยของการเลือกตั้งทุกครั้ง ในช่วงเวลา 37 ปีที่ผ่านมา โดยกล่าวเสริมว่า การเลือกตั้งในอิหร่านได้ปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐานของนานาชาติ ซึ่งบ่งบอกถึง ความปลอดภัยที่สุดและเป็นการเลือกตั้งที่ดีที่สุด แต่น่าเสียใจก็คือ บางคนในประเทศมีการดำเนินการในแง่ลบของการเลือกตั้ง แม้กระทั่ง ก่อนที่การเลือกตั้งมีการพูดถึงการทุจริตในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า การเข้าร่วมของประชาชนในทุกการเลือกตั้งใน 30 ปีที่ผ่านมา เป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงการเชื่อมั่นต่อระบอบการปกครองนี้ และกล่าวอีกว่า ทำไมบางคนสร้างเรื่องที่เป็นเท็จและไม่มีพื้นฐานมาทำลายความเชื่อมั่นอันนี้ด้วย
อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า เป็นกระจ่างชัดว่าในประเด็นความปลอดภัยของการเลือกตั้งจะต้องมีการระมัดระวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะไม่ยอมให้ใครก็ตามที่จะกระทำสิ่งต่างๆที่ขัดแย้งกับการเลือกตั้ง และการกล่าวซ้ำๆของคำเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรหรือ?
ท่านผู้นำสูงสุด ยังกล่าวถึงความปลอดภัยของการเลือกตั้งนั้น ขึ้นอยู่กับกฏหมายและสภาผู้พิทักษ์ โดยกล่าวเสริมว่า เป็นบะรอกัต (ศิริมงคล)อันยิ่งใหญ่คือ การมีอยู่ของสภาผู้พิทักษ์ที่ทำการตรวจสอบความทุจริตในการเลือกตั้ง และยังมีหน่วยงานอื่นอีกทีดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เช่นกัน
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำถึงการอธิบายในความปลอดภัยของการเลือกตั้ง หลังการปฏิวัติ โดยกล่าวว่า ในการเลือกตั้งบางครั้ง มีรายงานจากข้อผิดพลาดในการเลือกตั้งและสั่งให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด และไม่พบว่าเป็นเช่นนั้น ในขณะที่บางทีพบปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ปัญหานั้นไม่มีผลต่อการเลือกตั้งแต่อย่างใด
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นถึงคะแนนเสียงของประชาชนคือ ความหมายที่แท้จริงของคำว่า "สิทธิมนุษยชน" และกล่าวว่า : การรักษาคะแนนเสียงของประชาชนชาวอิหร่านทุกๆคนนั้น ถือว่าเป็น"หน้าที่ที่จำเป็นตามศาสนาบัญญัติของอิสลาม" และไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ทรยศต่อความไว้วางใจนี้ ในขณะที่ "ผลการนับคะแนนเสียงของประชาชน " คือ การแสดงออกของสิทธิมนุษย์อย่างสมบูรณ์และทุกคนจำต้องรักษาและปกป้องสิทธิอันนี้
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติ ยังกล่าวเสริมว่า การยืนหยัดต่อหน้าบางคนผู้ที่ต้องการให้ผลของการเลือกตั้งนั้นเป็นโมฆะ ตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งในปี 88 เป็นตัวอย่างของการปกป้องผลคะแนนเสียงของประชาชาติและสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง
ท่านผู้นำสูงสุด ยังกล่าวว่า : 40 ล้านคน ในการเลือกตั้งที่ได้มีส่วนร่วมเข้ามาสู่สนามของการเลือกตั้ง แม้ว่าผลคะแนนเสียงของการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรก็ตาม เราก็จะปกป้องสิทธิ์อันชอบธรรมอันนั้น และเช่นเดียวกัน เราจะยืนหยัดปกป้องทุกๆการเลือกตั้ง ไม่ว่าผลของคะแนนเสียงจะเป็นอย่างไร และจะไม่อนุญาตให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้งอีกอย่างแน่นอน
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึง การกล่าวหาที่ไร้ตรรกะเกี่ยวกับการเลือกตั้งในส่วนของกระทรวงมหาดไทยและสภาผู้พิทักษ์
โดยเน้นย้ำว่า สภาผู้พิทักษ์ คือ สายตาอันปราดเปรื่องของระบอบการปกครองในการเลือกตั้ง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทุกพื้นดินบนโลกนี้ ก็มีองค์กรแบบนี้อยู่ แต่มีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน
ท่านผู้นำสูงสุด ยังกล่าวว่า การตรวจสอบของสภาผู้พิทักษ์ในการเลือกตั้ง ถือว่า เป็นการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ และได้รับการอนุมัติ อีกทั้งยังมีความถูกต้อง และการตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิมนุษยชนด้วย ซึ่งจะต้องช่วยกันรักษาและปกป้องมัน
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการรับรองคุณสมบัติของการเลือกตั้ง โดยกล่าวเสริมว่า สภาผู้พิทักษ์จะมีความระมัดระวังเป็นอย่างดี ถ้าหากว่ามีข้อบกพร่องหรือบุคคลใดก็ตามที่ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้สมัครเข้ามาในการเลือกตั้ง จะต้องขัดขวางในทันที ซึ่งสิ่งนี้ คือสิทธิทางกฏหมายที่เป็นตรรกะและเหตุผลของสภานี้
ท่านอยาตุลลอฮ์คาเมเนอี กล่าวท้ายสุดถึง การเข้าร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง ถือว่า เป็นหลักประกันสำหรับการรักษาประเทศ และยังกล่าวอีกว่า สาธารณรัฐอิสลามตั้งอยู่บนเงื่อนไขของความเป็นเอกภาพ และสามัคคีของประเทศ โดยหลีกเลี่ยงจากทวิภาพ ซึ่งไม่เป็นที่คลางแคลงใดว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า และพิชิตเหนือศัตรูอย่างแน่นอน