สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติในการพบปะกับผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) โลกและสมาพันธ์สื่อสารอิสลามวิทยุและโทรทัศน์

เราขอประณามการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องซุนนะฮ์

ในการพบปะของท่านอยาตุลลอฮ์คาเมเนอี ท่านผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลามกับบรรดาผู้รู้ นักวิชาการและคณะแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมในการประชุมสมัชชาอะฮ์ลุลบัยต์โลกและสมาพันธ์สื่อสารอิสลาม วิทยุและโทรทัศน์เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยท่านผู้นำได้เรียกการต่อสู้กับแผนการต่างๆ ของจักรวรรดินิยมในภูมิภาคว่าเป็นภาพลักษณ์ที่ชัดแจ้งของการญิฮาดในหนทางของพระเจ้า ท่านได้ชี้ถึงการจัดการอย่างเด็ดขาดกับความพยายามของสหรัฐอเมริกาที่จะใช้ประโยชน์จากผลการเจรจานิวเคลียร์ในทางที่ผิด และเข้าแทรกแซงด้านเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรมในอิหร่าน โดยเผยว่า แผนการของหน่วยงานที่ควบคุมอยู่เหนือภูมิภาคนั้นวางอยู่บนสองรากฐาน อันได้แก่ การสร้างความขัดแย้งและการเข้าแทรกแซง ที่จำต้องใช้แผนการที่ถูกต้องในการจู่โจม และการป้องกัน เผชิญหน้ากับมันด้วยการต่อสู้ที่ชาญฉลาดและไม่หยุดนิ่ง



ท่านผู้นำการปฏิวัติได้ชี้ถึงการจัดประชุมสมัชชาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) โลกครั้งที่ 6 พร้อมนับว่าการส่งเสริมวิชาการอิสลาม การดำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติของพระเจ้า การต่อสู้ในหนทางของพระองค์ด้วยกับทั้งหมดที่มี และการต่อกรกับความอธรรมและผู้ที่อธรรม เป็นความสอดคล้องกับการปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านศาสดา ( ศ็อลฯ ) ท่านได้ย้ำเตือนว่า : การต่อสู้ในหนทางของพระเจ้ามิได้จำกัดอยู่เพียงสงครามทางทหารเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการต่อสู้ด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการเมืองด้วยเช่นเดียวกัน



ท่านผู้นำการปฏิวัติได้ตั้งข้อสังเกตการณ์ว่า : วันนี้ภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของการต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าคือการรู้จักแผนการของพวกล่าอณานิคมในภูมิภาคอิสลามโดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์และอ่อนไหวของเอเชียตะวันตก และโปรแกรมสำหรับการต่อสู้กับพวกเขาทั้งรับและรุก


ท่านผู้นำการปฏิวัติได้ชี้ถึงแผนการของนักล่าอณานิคมในภูมิภาคเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมาว่า : แม้ว่าแผนการของนักล่าอณานิคมในพื้นที่อิสลามจะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แต่ความกดดันและแผนการต่างๆ ได้เข้มข้นและรุนแรงขึ้นหลังจากชัยชนะแห่งการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เพื่อไม่ให้ประสบการณ์นี้ซ้ำรอยในประเทศอื่น


ท่านเผยว่า : เป็นระยะเวลา 35 ปีแล้วที่ระบบการปกครองของสาธารณรัฐอิสลามต้องเผชิญกับการคุกคามข่มขู่ การคว่ำบาตร การกดดันด้านความมั่นคงและแผนการทางการเมืองต่างๆ และประชาชาติของอิหร่านต่างเคยชินกับความกดดันเหล่านี้


ท่านผู้นำกล่าวเพิ่มเติมว่า : หลังการตื่นตัวของโลกอิสลาม ศัตรูต่างคิดว่าพวกเขาสามารถปราบปรามการตื่นตัวนี้ได้ ในขณะที่ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่สามารถทำลายลงได้ และยังคงดำรงอยู่และในไม่ช้าหรือเร็วก็จะแสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของตนออกมา


ท่านอยาตุลลอฮ์คาเมเนอีได้เรียกระบบการควบคุมที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นหัวโจกว่า เป็นรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์ของความหมายของศัตรู และตอกย้ำว่า  : สหรัฐฯ ไม่มีจริยธรรมใดๆ ของความเป็นมนุษย์  และก่ออาชญากรรมโดยปราศจากความละอายภายใต้หน้ากากแห่งถ้อยคำที่สวยหรูและรอยยิ้ม


ท่านผู้นำได้อรรถาธิบายถึงแผนการของศัตรูในปัจจุบันเกี่ยวกับประเด็นการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชาติ โดยเฉพาะระหว่างชีอะฮ์และซุนนี โดยท่านเผยว่า : การสร้างกลุ่มด่าทอและตักฟีรขึ้นมา โดยชาวอเมริกันเองออกมายอมรับในเรื่องนี้ เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชาติที่ภายนอกคือนิกายหรือมัซฮับ ซึ่งน่าเสียดายที่มุสลิมบางส่วนต้องตกหลุมพรางของศัตรูเนื่องจากไม่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล


ท่านได้เรียกอังกฤษว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างความแตกแยกและสหรัฐฯ เป็นศิษย์เอกของพวกเขา


ท่านผู้นำได้หยิบยกประเด็นซีเรียมาเป็นตัวอย่างในหัวข้อนี้ ท่านกล่าวว่า :    ในขณะที่ระบบการปกครองของฏอฮูตที่ใช้สโลแกนของอิสลามต้องล่มสลายลงในตูนิเซียและอียิปต์ สหรัฐฯ และไซออนิสต์จึงตัดสินใจที่จะใช้สูตรสำเร็จนี้เพื่อทำลายประเทศที่ยืนหยัดต้านทานทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงเข้าหาซีเรีย ซึ่งหลังจากที่เหตุการณ์ได้เริ่มขึ้น กลุ่มหนึ่งจากมุสลิมที่ไร้บะศีรัตได้ตกอยู่ในแผนการที่วางไว้ และทำให้ประเทศซีเรียตกอยู่ในสภาพปัจจุบันด้วยกับการเติมเต็มตารางของศัตรู


ท่านยืนยันว่า : วันนี้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอิรัก ซีเรีย เยเมนและพื้นที่อื่นๆ ที่ถูกเรียกในนามของสงครามมัซฮับนั้น จริงๆ แล้วคือสงครามทางการเมือง


ท่านได้ย้ำว่าความพยายามสำหรับการทำลายความขัดแย้งเหล่านี้ถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน


ท่านกล่าวว่า : สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ยื่นมือแห่งมิตรภาพไปสู่รัฐบาลอิสลามในภูมิภาคทั้งหมด และไม่เคยมีปัญหาใดๆ กับรัฐบาลมุสลิม สาธารณรัฐอิสลามมีความสัมพันธ์ฉันฑ์มิตรกับเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ของตน แต่ก็มีบางประเทศที่มีความขัดแย้งกับเราและได้กระทำสิ่งที่ชั่วร้าย


ท่านย้ำว่า : เราได้ใช้บทเรียนของอิมาม (ร.ฮ) เป็นบรรทัดฐานในการเป็นศัตรูกับนักล่าอณานิคมและเป็นมิตรกับพี่น้องมุสลิม เราสนับสนุนและปกป้องผู้ถูกกดขี่โดยไม่คำนึงถึงมัซฮับ และการสนับสนุนที่เรามีให้พี่น้องชีอะฮ์เราในเลบานอน เราก็มีสิ่งนี้ให้กับพี่น้องซุนนะฮ์ของเราในกาซ่าเช่นเดียวกัน และประเด็นปาเลสไตน์ถือเป็นปัญหาแรกของโลกอิสลาม


ท่านได้ตอกย้ำว่า : การเพิ่มพูนความขัดแย้งในโลกอิสลามถือเป็นสิ่งต้องห้าม และเราขอคัดค้านกับทุกพฤติกรรมและการเคลื่อนไหวที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แม้จะมาจากบางกลุ่มของชีอะฮ์ก็ตาม และเราขอประณามการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องซุนนะฮ์ เช่นเดียวกันนั้นชีอะฮ์ที่มีเครือข่ายเเละศูนย์การเผยแพร่อยู่ในลอนดอน และเดินตามบทบาทที่ศัตรูได้วางไว้นั้นไม่ใช่ชีอะฮ์


ท่านได้เรียกนโยบายของสาธารณรัฐอิสลามในภูมิภาคว่าเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับนโยบายของวอชิงตันในภูมิภาคอย่างสิ้นเชิง ท่านเผยว่า : พวกเขาแสวงหาการแบ่งส่วนประเทศต่างๆ ในภูมิภาค และก่อสร้างประเทศเล็กๆ และเมืองขึ้นต่างๆ  แต่ด้วยกับอำนาจของพระองค์สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น การแบ่งส่วนอิรัก และซีเรียถือเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนของสหรัฐฯ แต่ทว่าพื้นดินทั้งหมดของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค อิรักและซีเรียนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับเรา


ท่านกล่าวเพิ่มเติมว่า : อิหร่านสนับสนนกับทุกคนที่ต่อสู้และต้องการกวาดล้างอิสราเอล  เราสนับสนุนผู้ถูกกดขี่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นประชาชนเยเมน หรือบาห์เรน แต่เราจะไม่ก้าวก่ายหรือแทรกแซงในประเทศเหล่านี้ตามคำกล่าวอ้างที่ไม่มีน้ำหนักและที่มาที่ไป


อีกส่วนหนึ่งจากคำบรรยายของท่านผู้นำท่านได้ชี้ถึงความสำคัญของสมาพันธ์สื่ออิสลาม วิทยุและโทรทัศน์ที่ถือเป็นศูนย์กลางสำหรับการต่อกรกับพวกจักรวรรดินิยมที่อันตราย สื่อต่างๆ ของสหรัฐฯ และไซออนิสต์พร้อมย้ำว่า : การเคลื่อนไหวนี้จำต้องได้รับการส่งเสริมและแพร่ขยายขึ้นต่อไป


ท่านได้กล่าวในตอนท้ายว่า :ด้วยกับการปรากฏตัวของปัญญาชนแห่งนักสู้ทั้งบุรุษและสตรีในภายถาคหน้า ภูมิภาค เกียรติยศและอำนาจของอิสลามจะตกอยู่ในมือของมุสลิมอย่างแน่นอน


700 /