สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐและคณะทูตานุทูตประเทศอิสลามเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม

กลุ่มก่อการร้ายตัวจริงคืออเมริกา

เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 18    (กรกฎาคม)   บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ  คณะทูตานุทูตประเทศอิสลามและประชาชนทุกภาคส่วน เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม    ซึ่งท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ความเป็นเอกภาพ ความสามัคคี และความเป็นหนึ่งเดียว  คือใบสั่งแห่งการเยียวยาที่ดีที่สุดของโลกอิสลาม    และได้เน้นย้ำ ว่า สงครามทางนิกายและเผ่าพันธุ์ที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคนั้น เป็นแผนที่ถูกกำหนดมาแล้ว โดยมีเป้าหมายให้ประชาชาติอิสลามหันหลังให้กับอิสราเอล 


และกล่าวเสริมว่า นโยบายของสาธารณรัฐอิสลามในภูมิภาค วางอยู่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับนโยบายของมหาอำนาจผู้อหังการโดยเฉพาะอเมริกา  และอิหร่านจะไม่มีวันไว้วางใจอเมริกาแม้แต่น้อย เนื่องจากบรรดานักการเมืองทั้งหลายของอเมริกา เป็นผู้ที่ไม่มีความซื่อสัตย์และไม่มีความยุติธรรมใดๆอยู่เลย  



ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวโรกาสวัน อีดิลฟิฏร์   พร้อมกับแสดงความเสียใจที่เกิดภาวะเหตุการณ์ที่น่าสลดใจในโลกอิสลาม  การไร้ความเป็นเอกภาพและความไร้สามัคคี   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ความขัดแย้งต่างๆในภูมิภาคที่เกิดในปัจจุบัน  ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เป็นการยัดเหยียดและสร้างให้เกิดขึ้นมา    ซึ่งบรรดาผู้รู้  ผู้มีวิสัยทัศน์  เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล  นักการเมืองต่างๆของโลกอิสลาม  ล้วนแล้วจำต้องทำความเข้าใจต่อมือของผู้ที่ทรยศต่อประชาชาติอิสลาม ในการก่อเหตุความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านี้


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงเหตุผลต่างๆที่ผิดปกติเกี่ยวกับสาเหตุแห่งความแตกแยกเหล่านี้   พร้อมกับชี้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธี ระหว่างชีอะและซุนนีในประเทศต่างๆในภูมิภาคว่า    หากประชาชาติอิสลามมีความเป็นเอกภาพ และตระหนักในจุดร่วมของตนเองแล้ว ก็จะกลายเป็นมหาอำนาจในวงการเมืองระดับโลกอย่างหาที่เทียบไม่ได้      แต่ทว่า เพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและการปกป้องยิวไซออนิสต์  มหาอำนาจโลกจึงได้สร้างความขัดแย้งต่างๆเหล่านี้ให้กับประชาชาติอิสลาม


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง ความเกลียดชังของมวลมุสลิมที่มีต่อยิวไซออนิสต์ และ แม้นว่าบางคนในรัฐบาลอิสลามได้ญาติดีกับอิสราเอลก็ตาม   ซึ่งท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวย้ำว่า  มหาอำนาจโลก ร่วมมือกับบางคนที่มีจิตใจสกปรกในรัฐบาลอิสลาม สร้างสงครามนิกายและองค์กรอาชญากรรมขึ้นมา เช่น อัลกออิดะห์ ไอซิส  เพื่อให้ประชาชาติอิสลามหันหลัง และลืมอิสราเอลผู้เป็นศัตรูตัวจริง


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ทบทวน การออกมายอมรับของเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนหนึ่งของอเมริกา กรณีบทบาทของอเมริกา ในการสร้างกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและการสนับสนุนแพร่ขยายกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว  และการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไอซิสนั้น เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ    พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  นโยบายของมหาอำนาจผู้อหังการในระดับภูมิภาคนั้น เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นนโยบายแห่งความหายนะ  ซึ่งทุกคนจำต้องตระหนักและเข้าใจในประเด็นนี้ให้ดี


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงนโยบายของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านที่อยู่ตรงกันข้ามกับนโยบายของมหาอำนาจผู้อหังการ  โดยชี้ในประเด็นอิรัก ว่า นโยบายของมหาอำนาจผู้อหังการในอิรัก คือ การล้มล้างรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นด้วยคะแนนเสียของประชาชน   นโยบายการสร้างความขัดแย้งระหว่างชีอะห์กับซุนนี และท้ายสุดเพื่อย่อยสลายอิรัก   ทว่า นโยบายของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านที่มีต่ออิรักนั้น  คือ การสนับสนุนและส่งเสริมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ยืนหยัดต่อสู้กับปัจจัย ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดสงครามภายในและความขัดแย้ง   และปกป้องดินแดนและมาตุภูมิของประเทศอิรักทั้งหมด


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงประเด็นซีเรีย ว่า  นโยบายการเมืองของมหาอำนาจผู้อหังการนั้น เป็นการยัดเหยียดความต้องการที่นอกเหนือจากความปรารถนาของประชาชน พื่อล้มล้างรัฐบาล  ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ยืนหยัดต่อสู้อย่างแข็งแกร่งกับยิวไซออนิสต์   แต่สำหรับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านแล้ว  ถือว่า รัฐบาลใดที่มีคำขวัญสโลแกน  และมีเป้าหมายวัตถุประสงค์ในการยืนหยัดต่อสู้กับยิวไซออนิสต์ นั้น ถือว่าเป็นรัฐบาลที่มีค่ายิ่งสำหรับโลกอิสลาม


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า สำหรับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านแล้ว ประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้นในภูมิภาค อาทิ อิรัก ซีเรีย เยเมน  เลบานอนและบาห์เรนนั้น   ไม่ได้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวหรืออื่นๆ  แต่ขณะเดียวกันเชื่อว่า  สิทธิในการตัดสินใจหลักในประเทศ คือสิทธิของประชาชน  ซึ่งต่างชาติไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปแทรกแซงและตัดสินใจแทน


ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้ชี้ถึงความขัดแย้งด้านนโยบายของมหาอำนาจผู้อหังการกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ในประเด็นเลบานอน ว่า  ระบอบของมหาอำนาจโดยมีอเมริกาเป็นหัวหอก  ได้นิ่งเงียบ นิ่งเฉย และเห็นชอบต่อยิวไซออนิสต์ให้บุกยึดดินแดนบางส่วนจากแผ่นดินเลบานอน  แต่ขณะเดียวกัน กลุ่มมุกอวิมัต (กลุ่มต้านทาน) ผู้ศรัทธา และเสียสละ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีเกียรติที่สุดระดับโลกในบรรดากลุ่มปกป้องแห่งชาติทั้งหลาย  ได้ยืนหยัดต่อสู้กับยิวไซออนิสต์ และขับไล่พวกเขาออกจากแผ่นดินได้สำเร็จ  กลับถูกกล่าวหาว่า เป็นกลุ่มก่อการร้ายและยังพยายามที่จะทำลายพวกเขาอีกด้วย


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ย้ำว่า สาเหตุหลักที่สาธารณรัฐอิสลามต้องปกป้องสนับสนุนกลุ่มมุกอวิมัตเลบานอน  ก็เนื่องจากพวกเขามีความกล้าหาญ  เสียสละและยืนหยัดอย่างแท้จริงในการต่อสู้และเผชิญหน้ากับบรรดาผู้รุกราน  และกล่าวย้ำว่า อเมริกา กล่าวหาว่ากลุ่มมุกอวิมัตแห่งเลบานอนเป็นผู้ก่อการร้าย  และเนื่องจากอิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มฮิซบุลลอฮ์เลบานอน จึงถูกกล่าวหา ว่า เป็นผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายด้วย   ในขณะที่กลุ่มก่อการร้ายตัวจริงคืออเมริกา  ที่ได้สร้างกลุ่มก่อการร้ายไอซิสขึ้นมา และให้การสนับสนุนยิวไซออนิสต์ผู้สกปรก  ซึ่งอเมริกาจะต้องถูกพิพากษาในข้อหาสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง ความขัดแย้งด้านนโยบายของมหาอำนาจผู้อหังการกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านในประเด็นเยเมน ว่า  ในเยเมน  อเมริกาให้การสนับสนุนประธานาธิบดีที่ต้องการสร้างสูญญากาศ ทางการเมือง  และได้ลาออกในช่วงที่เกิดวิกฤติ  ได้หนีออกจากประเทศ  เรียกร้องให้อีกประเทศหนึ่งบุกโจมตีเยเมน เข่นฆ่าพี่น้องผู้บริสุทธิ์ และเด็กๆชาวเยเมน  และยื่นมือเป็นมิตรกับระบอบเผด็จการมากที่สุดที่ไม่อนุญาตให้ประชาชาติของตนได้ยินแม้แต่คำว่าการเลือกตั้ง  ขณะที่สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ตั้งแต่เริ่มต้นของการปฏิวัติจนถึงปัจจุบัน ได้หล่อหลอมเสรีภาพของตนด้วยกับการเลือกตั้ง   แต่ก็ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นระบอบเผด็จการ


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า  บรรดานักการเมืองอเมริกา  ได้พูดในสิ่งที่ไร้ความยุติธรรม และน่าเกลียดที่สุดต่อการปฏิเสธข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า การที่ได้กล่าวว่า  ไม่สามารถที่จะไว้วางใจและเชื่อใจอเมริกาได้นั้น  ก็เนื่องจาก พวกเขาไม่มีความซื่อสัตย์ และสัตย์จริงใดๆ


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า  ในการทดสอบที่ยากลำบากแห่งการเจรจานิวเคลียร์ ที่ประธานาธิบดีและทีมเจรจาของเรามีความพยายามอย่างเต็มที่ ก็ได้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์ของอเมริกาครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่ทีมเจรจาของเราได้ยืนหยัดเผชิญหน้าในบางกรณีที่พวกเขาได้เผชิญหน้ากับการปฏิวัติ  ซึ่งในประเด็นนี้ต้องติดตามดูว่ามันจะจบลงอย่างไร


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ย้ำว่า ใบสั่งแห่งการเยียวยาที่ดีที่สุดของโลกอิสลามและเช่นเดียวกัน จุดยืนของแต่ละประเทศอิสลามนั้น คือ  ความเป็นเอกภาพ การรักษาความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน  และกล่าวเสริมว่า ประชาชาติอิหร่านจำต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน  อย่าทำให้ประเด็นนิวเคลียร์ เป็นต้นเหตุของการแยกประชาชนให้เป็นสองฝ่าย  เนื่องจากประเด็นนิวเคลียร์นั้น  บรรดาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังติดตามและดำเนินการอยู่  และบรรดาเจ้าหน้าที่ก็มุ่งติดตามเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง สื่อต่างชาติที่ได้กระพือข่าวเพื่อสร้างความแตกแยกและแบ่งแยกให้ประชาชนอิหร่านแบ่งออกเป็นสองฝ่าย  ว่า  วิธีเดียวที่จะจัดการกับความพยายามเหล่านี้ คือ การสร้างความศรัทธาสาธารณะและความศรัทธาแห่งชาติ  การสร้างภูมิคุ้มกันภายในด้วยการส่งเสริมเพิ่มอำนาจในประเทศผ่านการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านความศรัทธา  เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม


700 /