บรรดาคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ระดับสูง ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม อันเป็นการพบปะในเดือนรอมฎอนอันทรงเกียรติ ซึ่งท่านผู้นำสูงสุด นอกเหนือจากได้อธิบาย “ ผลกระทบในเชิงบวก ความท้าทาย และกลยุทธ์ในการบรรลุเศรษฐกิจแบบยั่งยืนหรือเศรษฐกิจแบบต้านทาน” แล้ว ยังได้ชี้ถึงประเด็นข้อกำหนดในด้านความคืบหน้าของการเจรจานิวเคลียร์ และประกาศย้ำ “เส้นแดง” ในการทำข้อตกลงระยะเวลาควบคุมนิวเคลียร์กับมหาอำนาจตะวันตก ว่า อเมริกามีความพยายามที่จะทำลายอุตสาหกรรมนิวเคลียร์อิหร่าน ในการเผชิญหน้าต่อกรกับเจ้าหน้าที่ของอิหร่าน และย้ำถึง เส้นแดง ในการบรรลุเจรจาที่ดี อันหมายความว่า การเจรจาที่มีความยุติธรรมและเป็นธรรม มีเกียรติและสอดคล้องกับผลประโยชน์ของอิหร่าน
เบื้องต้นท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงเดือนรอมฎอนอันทรงเกียตริ ซึ่งเป็นเดือนแห่งความยำเกรง พร้อมกับอธิบายถึงความหมายของความยำเกรงด้านปัจเจกบุคคลและปัจเจกสังคม ว่า ความยำเกรงแห่งปัจเจกบุคคล คือ สภาวะแห่งการระมัดระวังตนเองอยู่ตลอดเวลา รักษาและคุ้มครองตนเองให้รอดพ้นจากสิ่งทำลายจิตวิญญาณ ซึ่งในเรื่องถือว่าเป็นความสำคัญอย่างมากในเรื่องกิจการทางโลก
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงความยำเกรงด้านปัจเจกสังคม ซึ่งรวมทั้งประเด็นสังคมและเศรษฐกิจ โดยกล่าวย้ำว่า ตักวาด้านปัจเจกสังคม ในประเด็นเศรษฐกิจ คือ เศรษฐกิจแบบยั่งยืนและเศรษฐกิจแบบต้านทานนั้นเอง ซึ่งสามารถปกป้องรักษาประเทศชาติจากแรงกระตุ้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก หรือในการเผชิญหน้ากับลูกศรอาบยาพิษของนโยบายที่ขัดแย้งในระดับนานาชาติ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ทบทวนของคำพูดของท่านที่กล่าวซ้ำๆในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะความจำเป็นของการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเศรษฐกิจของประเทศในการเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจของมหาอำนาจที่เพิ่มขึ้น โดยกล่าวเสริมว่า ในปีที่ผ่านมา บรรดาเจ้าหน้าที่ได้เพียรพยายามอย่างดีที่สุดแล้วเท่าที่ตนมีความสามารถ แต่ทว่าในประเด็นเศรษฐกิจแบบยั่งยืน หรือเศรษฐกิจแบบต้านทานนั้น ควรนำเอาศักยภาพ ความสามารถที่มีอยู่ในประเทศมาใช้ให้มากกว่านี้เพื่อติดตามและก้าวบรรลุผลสำเร็จดังเป้าหมายที่วางไว้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามอิหร่าน ย้ำถึง แบบอย่างของเศรษฐกิจแบบยั่งยืนในบางประเทศที่ได้ดำเนินการมาแล้ว และได้เห็นผลกระทบในเชิงบวกมาแล้วด้วย และถือว่าจุดโฟกัสของเศรษฐกิจแบบยั่งยืนนั้นคือการเสริมสร้างกิจการภายในและภายนอก และกล่าวเสริมว่า การมองดูจากภายนอกนั้น ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังตกต่ำ ทว่า เป็นการพึ่งพาศักยภาพและความสามารถภายใน ด้วยการมีโลกทัศน์มองจากมุมมองภายนอกมาเสริมสร้างอีกแรง
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การร่างนโยบายเศรษฐกิจแบบยั่งยืนและต้านทาน เป็นผลิตภัณฑ์ของภูมิปัญญาและต้องการใช้การปรึกษาหารือระยะยาว และกล่าวเสริมว่า หลังจากประกาศนโยบายเหล่านี้แล้ว และผ่านการยืนยันเห็นชอบจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจในประเทศ แล้ว ก็มาถึงช่วงเวลาแห่งการนำเอาเศรษฐกิจแบบยั่งยืนและต้านทานเข้าสู่วรรณคดีและวัฒนธรรมทางเศรษฐกิจในประเทศอย่างแพร่หลาย
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า โมเดลเศรษฐกิจแบบต้านทานอยู่ตรงกันข้ามกับโมเดลเก่าที่ล้าหลังไปแล้ว ที่ประเทศมหาอำนาจโลกได้นำเสนอให้กับประเทศโลกที่สาม และกล่าวเสริมว่า โมเดลรุ่นเก่านั้น วางอยู่บนพื้นฐานแห่งโลกทัศน์จากภายนอก แต่ทว่าเศรษฐกิจแบบยั่งยืนนั้นเป็นแบบอย่างแห่งความก้าวหน้าที่พึ่งพายังศักยภาพและความสามารถภายในเป็นที่ตั้ง
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า บางคนอาจจะคิดว่า โมเดลเศรษฐกิจแบบยั่งยืนหรือแบบต้านทานนั้น เป็นรูปแบบที่เหมาะสม แต่มันไม่อาจบรรลุผลสัมฤทธิ์ได้ แต่ข้าพเจ้าขอยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า การดำเนินการตามแบบอย่างของเศรษฐกิจแบบยั่งยืนในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น และหากพิจารณาจากศักยภาพและความสามารถที่มีอยู่นั้น มันมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน
หลังจากที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี นำเสนอปฐมบทดังกล่าว ท่านได้ชี้ถึงความสามารถอันมากมายภายในประเทศบางอย่าง อันสามารถกำหนดเป็นพื้นฐานในการดำเนินการนโยบายเศรษฐกิจแบบยั่งยืน และ “กองกำลังของเยาวชนหนุ่มสาวที่มีการศึกษา มีความเชี่ยวชาญและมีความเชื่อมั่นในตนเอง” คือความสามารถและศักยภาพประการแรกที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง และกล่าวเสริมว่า การมีอยู่ของเยาวชนหนุ่มสาวผู้มีการศึกษาในประเทศจำนวนมากนั้น คือหนึ่งในความบารอกัตของการปฏิวัติ โดยมีเงื่อนไขว่า นโยบายที่ไม่ถูกต้อง จะไม่เป็นเหตุให้อัตราประชากรในสังคมแก่ลงและประชากรเยาวชนหนุ่มสาวต้องลดน้อยลง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง จำนวนของผู้สำเร็จการศึกษาจากรั้วมหาลัยจำนวน 10 ล้านกว่าคน และอีก 4 ล้านกว่าคน ที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศ นั้น มีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 25 นับจากเริ่มแรกของการปฏิวัติ และกล่าวเสริมว่า กองกำลังของเยาวชนผู้สำเร็จการศึกษาและมีความเชี่ยวชาญเหล่านี้ ล้วนเป็นความภาคภูมิใจของระบอบอิสลามและถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สถานะทางเศรษฐกิจในประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งในศักยภาพและความสามารถ ที่ท่านผู้นำสูงสุด หมายถึง และกล่าวเสริมว่า ตามสถิติระดับโลก สาธารณรัฐอิสลามอยู่ในอันดับที่ยี่สิบของโลกในด้านเศรษฐกิจโลก หากมีการใช้ประโยชน์จากศักยภาพและความสามารถที่มีอยู่นี้อย่างแท้จริง ก็จะสามารถก้าวไปสู่อันดับสิบสองของโลกทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ฐานะภาพอันดับแรกของอิหร่านในด้านการสำรองน้ำมันและก๊าซ นั้น เป็นหนึ่งในศักยภาพที่มีอยู่ อีกทั้งยังได้ชี้ถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของอิหร่านในฐานะเป็นจุดเชื่อมต่อจากทิศเหนือจรดทิศใต้และทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก ว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้าน กับ 15 ประเทศ กับประชากร 370 ล้านคน ซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศที่มีความใกล้ชิด อีกทั้งการมีประชากร 70 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ภายในประเทศนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งศักยภาพที่มีอยู่ และหากให้ความสำคัญกับตลาดภายในประเทศเพียงอย่างเดียว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสถานะของการผลิต
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า โครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศด้านพลัง การขนส่ง การสื่อสาร โรงไฟฟ้าและเขื่อน เช่นเดียวกันนั้น การสร้างสมประสบการณ์ที่ในด้านการบริหารจัดการประเทศ ก็เป็นหนึ่งในศักยภาพที่อยู่ในประเทศ โดยกล่าวย้ำว่า เราควรที่จะใช้ศักยภาพและความสามารถเหล่านี้ให้ถูกต้องและเหมาะสม เนื่องจากปัญหาของประเทศ ไม่ใช่ปัญหาของการขาดแผนงาน ไม่ใช่ปัญหาที่ไม่มีคำพูดที่ถูกต้องและไม่ใช่ปัญหาของการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำๆในแวดล้อมของปัญญาชน คือการไม่ใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องจากแผนงานและคำพูดที่ถูกต้อง
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า อุปสรรค์ปัญหาบางอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างความท้าทายภายในประเทศ และได้อธิบายบางส่วนของความท้าทายนี้ ว่า ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ คือ ความประมาทของเราในการดำเนินการ ความเรียบง่ายและการมองปัญหาอย่างผิวเผิน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ประเด็นถกเถียงทางวาจาและปัญญานั้น ไม่อาจที่จะทำให้การงานรุดหน้าไปได้ ทว่าการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จำต้องอาศัย การขับเคลื่อน การเคลื่อนไหว การดำเนินการและความมุ่งมั่นและเฝ้าติดตามงานในระยะยาว
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า การบรรลุซึ่งเป้าหมายในงานที่ยิ่งใหญ่นั้น บางครั้งต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนานเกือบเท่ากับหนึ่งรุ่น และการเสริมว่า ในสมัยที่มีการพูดถึงในประเด็นขบวนการวิทยาศาสตร์ของประเทศ ในมหาลัยนั้น สำหรับบางคนอาจจะไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้ ว่า หลังจาก การขับเคลื่อนขบวนการทางวิทยาศาสตร์ในประเทศ ได้เพียง 10-15 ปีผ่านไป มีเพียงอาจารย์และเยาวชนที่มีความสามารถจำนวนหนึ่งเท่านั้น
แต่ในวันนี้หากเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา เราสามารถประจักษ์เห็นการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในบางเรื่องนั้นสามารถเห็นการพัฒนาที่น่าทึ่งอย่างมาก แนวทางแบบขนานและง่ายดาย แต่ขณะเดียวกันเป็นแนวทางแห่งความหายนะ คือหนึ่งในความท้าทายภายใน ที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ให้เห็น และได้อธิบายในประเด็นนี้ว่า ในบางครั้งการจัดสรรและเตรียมสินค้าบางอย่างและความต้องการนั้น มีสองเส้นทางด้วยกัน เส้นทางแรกจากยุโรป และเป็นเรื่องที่ง่าย และอีกเส้นทางหนึ่ง นั้นคือได้มานอกเหนือจากเส้นทางของยุโรป ซึ่งมันยาก และเส้นทางแรกจะทำให้มนุษย์ตกอยู่ในสภาพที่กดดัน มิตรสหายจะกลายเป็นผู้อ่อนแอถูกกดขี่แต่ศัตรูกลับมีอำนาจเพิ่มขึ้น
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า อีกหนึ่งความท้าทายภายในซึ่งเป็นข้อผิดพลาดหลักและครั้งร้ายแรง คือการคาดเดาว่า เมื่อเราออกห่างจากพื้นฐานหลักศรัทธาและรากฐานของระบอบอิสลามแล้ว แนวทางทั้งหมดจะถูกเปิดออก และกล่าวเสริมว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเป็นเสมือนคนรับใช้ประชาชน ล้วนแล้วคือบุคคลที่เชื่อมั่นและศรัทธาในรากฐานและพื้นฐานหลักของการปฏิวัติ ซึ่งกลุ่มบุคคลเหล่านี้ข้าพเจ้าไม่ค่อยเป็นห่วงสักเท่าไหร่ แต่สำหรับพนักงานและเจ้าหน้าที่โดยรวมนั้น อาจจะคิดว่า หากเราอ่อนข้อบาง ในเรื่องหลักพื้นฐานเหล่านี้ เส้นทางและประตูต่างๆนั้นจะถูกเปิดให้กับเราอย่างแน่นอน ขณะที่ผลลัพธ์แห่งความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่นี้ เราได้ประจักษ์เห็นมาแล้วในบางประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวย้ำว่า แนวทางเดียวแห่งความก้าวหน้า คือการยืนหยัดและยึดมั่นในพื้นฐานและรากฐานหลักของระบอบอย่างมั่นคง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า อีกหนึ่งความท้ายทายภายในประเด็นนี้ คือ การที่บางคนคิดว่า ประชาชนไม่อาจที่จะทนรับปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวว่า หากข้อเท็จจริงเหลานี้ถูกนำเสนอและอธิบายอย่างซื่อสัตย์และถูกต้องตามความเป็นจริงให้กับประชาชนแล้ว ประชาชนก็จะยืนหยัดอดทนและยืนหยัดต้านทานอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การสงสัยในความสามารถภายใน คือหนึ่งความท้าทาย และกล่าวเสริมว่า จำต้องเชื่อมั่นและไว้วางใจบรรดานักวิทยาศาสตร์หนุ่มสาวของเราและใช้ประโยชน์จากความสามารถของพวกเขาในเรื่องเศรษฐกิจภาคประชาชน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า เงื่อนไขหลักของการบรรลุซึ่งเศรษฐกิจแบบต้านทานและแบบยั่งยืนคือ ความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง หลีกเลี่ยงการประมาทเลินเล่อ ความเกียจคร้าน และหันพึ่งพาอาศัยการบริหารจัดการแบบญิฮาดีย์ และกล่าวย้ำว่า การบริหารจัดการแบบญิฮาดี คือ การมอบหมายตนยังพระองค์(ตะวักกัล) ใช้ประโยชน์จากไหวพริบ ภูมิปัญญา ขณะเดียวกันต้องรุดหน้าการงานด้วยความมุ่งมันอย่างแท้จริงโดยปราศจากความหวาดกลัวภัยรอบข้าง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การส่งเสริมวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจแบบต้านทานและยั่งยืน ควบคู่กับการใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านการบริหารจัดการนั้น เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น และกล่าวเสริมว่า องค์การการสื่อสารมวลชน สื่อทุกแขนง บรรดาเจ้าหน้าที่ อิมามนำนมาซวันศุกร์และทุกคนที่สามารถมีบทบาทและอิทธิผลต่อประชาชนในคำพูดนั้น จำต้องเป็นหนึ่งในผู้ส่งเสริมวัฒนธรรมเศรษฐกิจแบบยั่งยืนและต้านทาน
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การมีมัธยัสถ์ การบริโภคสินค้าที่ผลิตภายในประเทศโดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ การเผชิญหน้าอย่างจริงจังกับการนำเข้าสินค้าต่างประเทศที่ปราศจากเหตุผล การเผชิญหน้าอย่างจริงจังกับการลักลอบสินค้าหนีภาษี การให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับโรงงานผลิตขนาดเล็กและขนาดกลาง การทบทวนโยบายทางการเงิน การบริหารระบบการธนาคาร ล้วนแล้วเป็นสิ่งจำเป็นของการดำเนินการนโยบายเศรษฐกิจแบบยั่งยืน และกล่าวย้ำว่า เงื่อนไขหลักในการบรรลุสิ่งต่างๆเหล่านี้ คือ การเป็นหนึ่งเดียวทั้งวาจาใจ และความมุ่งมั่นภายในอย่างแท้จริง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ทุกคนล้วนจำต้องให้การช่วยเหลือรัฐบาลและบรรดาเจ้าหน้าที่ โดยกล่าวเสริมว่า การสร้างเรื่องชายขอบจากทุกฝ่ายถือเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้ ซึ่งจำต้องหลีกเลี่ยงและห่างไกลให้ได้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในประเด็นเศรษฐกิจแบบต้านทานและยั่งยืน ว่า เราสามารถที่จะปฏิบัติและสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ในด้านเศรษฐกิจได้ และก้าวพ้นอุปสรรค์ปัญหาต่างๆและวิกฤติเหล่านี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงประเด็นสำคัญของการเจรจานิวเคลียร์ และก่อนที่จะอธิบายในรายละเอียดของการเจรจา และความต้องการอย่างชัดเจนและเส้นแดงของการเจรจานั้น ท่านได้ย้ำถึงสามประเด็นหลักที่สำคัญดังนี้
ประเด็นแรก สิ่งที่ผู้นำกล่าวและนำเสนอในที่สาธารณะ คือสิ่งเดียวกันกับที่ท่านผู้นำได้กล่าวกับการประชุมส่วนตัวกับประธานาธิบดีและบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นสายแห่งการโฆษณาชวนเชื่อเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ที่ว่ากำหนดเส้นแดงเหล่านี้เพียงแค่ในที่ประชุมส่วนตัวเท่านั้น แหละนี้คือสิ่งที่ค้านกับข้อเท็จจริงและเป็นการกล่าวหาที่โกหกอย่างชัดเจน
ประเด็นที่สองที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงปฐมบทของการเจรจานิวเคลียร์ ว่า ความซื่อสัตย์ เกียรติ ความกล้าหาญ และการเคร่งครัดศาสนาของเหล่าทีมงานเจรจา
ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า ทีมคณะเจรจา ล้วนเป็นบุคคลผู้มีเกียรติแห่งชาติ มีความระมัดระวังอย่างรอบคอบ กำลังเพียรพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ และมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการคลี่คลายปมปัญหาต่างๆของประเทศ กำลังเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงกันข้ามที่มีเสียงสนับสนุนที่มากกว่า ซึ่งต้องขอยกย่องบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ได้แสดงถึงความกล้าหาญ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ผู้ใดที่รับรู้รายละเอียดความคืบหน้าของการเจรจา พวกเขาจำต้องยอมรับในเนื้อหาที่ทีมงานเจรจาได้มีการนำเสนอและอธิบายไป แม้นว่าบางครั้งพวกเขาอาจจะผิดพลาดในการตัดสินใจและการเลือกปฏิบัติไปบ้าง แต่ก็ยังเคร่งครัดในศาสนาและมีเกียตริศักดิ์ศรี
ประเด็นที่สามที่ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึง คือ การวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นนิวเคลียร์
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า ข้าพเจ้าไม่คัดค้านการวิพากษ์วิจารณ์ ขณะเดียวกันถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นตัวช่วยที่ดี และเป็นข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ว่า การวิพากษ์วิจารณ์มันง่ายกว่าการปฏิบัติหรือการกระทำ เนื่องจากการมองเห็นข้อบกพร่องของฝ่ายตรงกันข้ามมันง่ายดาย ทว่าการเข้าใจในสิ่งที่ยากลำบากและความกังวลของเขานั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวเสริมว่า คำพูดของข้าพเจ้าในครั้งนี้ อย่าได้เป็นตัวสกัดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอันขาด แต่พึ่งรู้ว่า ทีมคณะเจรจานั้นก็รู้ในปัญหาที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ แต่เนื่องจากความจำเป็นบางประการทำให้พวกเขาต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวต่อไป
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงประวัติความเป็นมาโดยสังเขปของขบวนการเจรจากับอเมริกา ซึ่งการทำความเข้าใจต่อประเด็นนี้สามารถมีส่วนสำคัญในการทำความเข้าใจของกระบวนการเจรจาต่อรอง
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ประเด็นการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่านนั้น มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่ผ่านมา โดยส่งตัวแทนมายังกรุงเตหะรานเพื่อทำการเจรจาในประเด็นนี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้อธิบายเสริมว่า ในครั้งนั้น มีบุคคลหนึ่งที่มีเกียรติในภูมิภาค อาสาเป็นตัวกลางในการเข้ามาพบปะกับเรา และพูดอย่างชัดเจนว่า ประธานาธิบดีอเมริกาได้ร้องขอเราให้มาเยือนกรุงเตหะราน และนำเสนอคำร้องขอของอเมริกาในการเจรจานิวเคลียร์ และอเมริกาได้บอกกับตัวกลางคนดังกล่าวว่า เราต้องการให้อิหร่านมีอำนาจครอบครองนิวเคลียร์และอาสาแก้ไขปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน และเราจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรภายในหกเดือน ซึ่งเราก็ได้กล่าวกับตัวกลางดังกล่าวว่า เราไม่มีความเชื่อมั่นและไม่ไว้วางใจอเมริกาและคำพูดของพวกเขาเป็นอันขาด และเราก็ยอมรับข้อเสนอดังกล่าวตามคำร้องขอ เพื่อจะทำการทดสอบพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง และแล้วกระบวนการเจรจาก็เริ่มขึ้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงสองประเด็นสำคัญในเรื่องการเผชิญหน้าทางการทูต ว่า ในทุกการเผชิญหน้าทางการทูต ย่อมมีสองสนามด้วยกัน ซึ่งจำต้องให้ความสำคัญ สนามหลักคือสนามแห่งความเป็นจริง คือการกระทำ การปฏิบัติและการแปรทรัพย์สิน หัวหน้าฝ่ายการทูตและฝ่ายนโยบายการเมืองต้องแปรสภาพทรัพย์สินเหล่านี้ให้มีค่าและเอื้อผลประโยชน์แห่งชาติให้มากที่สุด
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า การไม่ได้รับสิ่งใดเลยในสนามแรกนั้น ทำให้ต้อนหันหน้าพึ่งยังสนามที่สอง และหากคำนึงถึงตรรกะอันนี้ ทำให้อิหร่านเข้าสู่สนามแห่งการเจรจาที่มีความสำเร็จและอำนาจที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยสามารถผลิตพลังงานเชื้อเพลิงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมร้อยละ 20 ซึ่งเป็นผลสำเร็จหนึ่งแห่งตรรกะของอิหร่าน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ทบทวน กรณีที่ชาติมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ ปฏิเสธที่จะขายเชื้อเพลิงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมร้อยละ 20 เพื่อผลิตเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในกรุงเตหะราน อีกทั้งได้ยับยั้งประเทศเราไม่ให้ซื้อเชื้อเพลิงเหล่านี้จากชาติอื่นๆ แต่ทว่าบรรดาเยาวชนที่มีเกียรติและน่าภาคภูมิใจของอิหร่านสามารถผลิตเชื้อเพลิงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมนี้ได้สำเร็จ ทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามต้องทึ่งกับความสำเร็จครั้งนี้
ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจาก เชื้อเพลิงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมร้อยละ 20 แล้ว เราสามารถประสบคามสำเร็จที่แท้จริงและภาคสนามอื่นอีกด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคือกลยุทธ์แห่งการยืนหยัดของอิหร่านในการเผชิญหน้าในการตอบโต้ต่อการถูกกดดัน และอเมริกาเองก็ได้ข้อสรุปแล้ว ว่าการคว่ำบาตรนั้นไม่ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งจำต้องหาวิธีการอื่นอีกในการนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้กรณีมุมมองของอิหร่านอย่างเคลือบแคลงสงสัยที่มีต่ออเมริกา ว่า ด้วยการมีของสิ่งเหล่านี้ เราก็พร้อม และหากอเมริกายึดมั่นในคำพูดของข้อสัญญาที่ตัวกลางในภูมิภาคเป็นสื่อกลางพูดมาแล้วนั้น เราก็พร้อมที่จะเจรจา เนื่องจากในการเจรจาก็สามารถมีการร่นถอยตามพื้นฐานของหลักสติปัญญาและการคิดคำนวณ แต่ทว่าพวกเขาเริ่มเผยตนในความมักมายและเริ่มบิดพลิ้วสัญญาตั้งแต่เริ่มต้นการเจรจา
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การบรรลุข้อตกลงที่ดีในทัศนะของอิหร่านนั้น คือ การบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมและยุติธรรม และกล่าวเสริมว่า ในกระบวนการเจรจา อเมริกาให้คำมั่นสัญญาที่จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรภายในเวลาหกเดือน ซึ่งนับจากวันนั้นผ่านมาแล้วหนึ่งปี แต่ก็ยังโอหังที่จะทำการลากการเจรจาครั้งนี้ให้ยืดยากออกไป และยังได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แล้วจากนั้นยังพูดจาในลักษณะข่มขู่ทางการทหารบนโต๊ะเจรจาและนอกเหนือจากโต๊ะเจรจาอีกด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้สรุปกระบวนการความคืบหน้าของการเจรจา ว่า หากเราพิจารณาและศึกษาให้ดีในกระบวนการข้อเรียกร้องของการเจรจาของอเมริกา สามารถชี้ชัดว่า เป้าหมายหลักของอเมริกาคือการทำลายอุตสาหกรรมโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน การกำจัดสถานะนิวเคลียร์ของประเทศ และเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ให้เป็นเพียงภาพการ์ตูนและแผ่นป้ายสิ่งที่ไร้เนื้อหาสาระ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความต้องการและความจำเป็นที่แท้จริงของประเทศต่อ 20,000 เมกะวัตต์ของพลังงานนิวเคลียร์ ว่า ขณะที่พวกเขาพยายามที่จะทำลายอุตสาหกรรมนิวเคลียร์และกีดกันชาวอิหร่านในหลายผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมนั้น พวกเขายังตั้งใจที่จะกดดัน และจะยังคงรักษาและดำเนินการมาตรการคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่อง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงความเป็นจริงของการเจรจาต่อรองที่สลับซับซ้อนกับอเมริกา แล้ว ยังชี้ถึงประเด็นหนึ่งที่สำคัญ ในการพิจารณาความต้องการของอเมริกาในการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า หากพวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายของพวกเขาในการเจรจาแล้ว ถือว่าพวกเขาได้บรรลุชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากประชาชาติผู้เรียกร้องอิสรภาพอิหร่านได้ยอมจำนนและยอมสิโรราบแล้ว และสามารถสร้างความล้มเหลวและพ่ายแพ้ให้กับประเทศที่สามารถเป็นแบบอย่างให้กับประเทศอื่นๆ และการบิดพลิ้วสัญญาและการโกหกปลิ้นปล่อนของพวกเขาก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงความต้องการตามหลักตรรกะของอิหร่านนับตั้งแต่เริ่มการเจรจาจนถึงวันนี้ ว่า เราได้กล่าวมาแล้วนับตั้งแต่เริ่มแรก เราต้องการให้พวกเขายกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่กดขี่เช่นนี้เสีย เพื่อให้ได้มาในสิ่งนี้เราพร้อมที่จะแลก แต่มีเงื่อนไขว่า จะต้องไม่ส่งผลกระทบและหยุดอุตสาหกรรมนิวเคลียร์อิหร่านเป็นอันขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงเส้นแดงแห่งการเจรจานิวเคลียร์ โดยเส้นแดงประการแรกในที่นี้ คือ เรามีความเห็นต่างและไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของอเมริกา ที่จะควบคุมกิจกรรมนิวเคลียร์ในกรอบระยะเวลายาว 10-12 ปี โดยเราได้นำเสนอการควบคุมระยะเวลาอันเป็นที่ยอมรับให้กับพวกเขาไปแล้ว
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ประกาศว่า การดำเนินการในเรื่องวิจัย การพัฒนาและการก่อสร้างในช่วงระยะเวลาที่ถูกควบคุมนั้น เป็นเส้นแดงข้อที่สอง และกล่าวเสริมว่า พวกเขากล่าวว่าในช่วงระยะเวลา 12 ปีนั้น ห้ามมีการวิจัยศึกษาค้นคว้าใดๆทั้งสิ้น ทว่าสิ่งนี้เป็นคำพูดทีมีความยโสโอหังและคำพูดที่ผิดอย่างร้ายแรง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงเส้นแดงประการที่สาม คือ มาตรการคว่ำบาตรธนาคารและเศรษฐกิจที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และสภาคองเกรสสหรัฐฯ ใช้ลงโทษอิหร่าน จะต้องถูกยกเลิกทันทีที่ข้อตกลงนิวเคลียร์ได้รับการลงนาม และการคว่ำบาตรในภาคส่วนอื่นๆ สามารถทยอยเพิกถอนได้ตามกรอบเวลาที่เหมาะสม
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านนั้น มันเป็นสูตรที่สลับซับซ้อน มีการนำเสนอที่ซับซ้อนและซ่อนนัยยะแอบแฝงหลายชั้น และแปลกประหลาดอย่างมาก และไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสุดท้ายมันจะได้อะไรมา แต่ทว่าเราก็ยังคงนำเสนอและพูดข้อเรียกร้องของเราอย่างชัดแจ้ง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้อธิบายเส้นแดงของการเจรจานิวเคลียร์ ว่า การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจะต้องไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใดๆกับอิหร่าน อย่าได้กล่าวว่า พวกเจ้า(อิหร่าน)ปฏิบัติและให้สัญญามั่นในสิ่งนี้ จากนั้นทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ ก็ออกมาให้การรับรองว่ายกเลิกการคว่ำบาตร ซึ่งสิ่งนี้เราจะไม่มีวันยอมรับเป็นอันขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามย้ำว่า ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ ว่า “ไม่ใช่หน่วยงานที่เป็นอิสระและเป็นธรรม” และรัฐบาลอิหร่านจะไม่อนุญาตให้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ทหาร รวมถึง “การตรวจสอบที่ผิดปกติ” ในสถานที่อื่นๆ ซึ่งเขาก็ไม่ระบุชัดเจนว่าหมายถึงที่ใดบ้าง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว “กรณีการตรวจสอบที่เกินความจำเป็น การสอบถามข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์อิหร่าน และการเข้าไปตรวจสอบหน่วยงานทางทหาร” และประกาศชัดว่านี้ก็เป็นเส้นแดงหนึ่งของการเจรจานิวเคลียร์
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า ในอิหร่านทุกคน รวมทั้งตัวของข้าพเจ้าเอง รัฐบาลรัฐสภา ตุลาการ หน่วยงานการรักษาความปลอดภัย หน่วยงานของทหารและสถาบันนิวเคลียร์ ต่างก็ต้องการบรรลุข้อตกลงที่ดี อันเป็นการบรรลุการเจรจาที่สร้างเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ความเป็นธรรม และสอดคล้องความต้องการและผลประโยชน์ของอิหร่าน
ท่านผู้นำการเสริมว่า แม้นว่าเราพยายามหาแนวทางในการยกเลิกการถูกคว่ำบาตรก็ตาม แต่ทว่าพวกเขาอาจหาโอกาสอื่นในการนี้ เนื่องจากจะเป็นเหตุให้เราหันมาให้ความสำคัญในศักยภาพและความสามารถภายในที่มีอยู่มากยิ่งขึ้น
ในช่วงแรกของการปราศรัย ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงการใช้ประโยชน์จากความประเสริฐของเดือนรอมฎอนอันทรงเกียรติ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากบทดุอาอ์ต่างๆที่มีอยู่ในเดือนรอมฎอน และการทำความเข้าใจในความหมายที่ลึกซึ้ง และกล่าวเสริมว่า เดือนรอมฎอน เป็นเดือนแห่งการคุชุอ์(นอบน้อมถ่มตน) เป็นเดือนแห่งการขอภัยโทษ เป็นเดือนแห่งการคืนกลับสู่พระองค์และเป็นเดือนแห่งขัดเกลาตัวตนและเสริมสร้างอัคลาคที่ดีงาม