เมื่อวันพฤหัสบดี 4 มิถุนายน ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัยในการชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่ที่หาเทียบได้ของประชาชนชาวอิหร่านผู้ซื่อสัตย์ ณ. ฮะรัมท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) โดยท่านได้ชี้ว่า สำนักคิดของอิมามโคมัยนี(รฎ) นั้นคือแผนที่แห่งการเดินทางที่เต็มไปด้วยความหวังของชนชาติอิหร่าน และชี้ถึงความจำเป็นในการเผชิญหน้ากับการบิดเบือนสำนักคิดและบุคลิกภาพของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ว่า การทบทวนพื้นฐานหลักแห่งสำนักคิดของท่านอิมาม เป็นแนวทางเดียวเท่านั้นในการเผชิญหน้ากับการบิดเบือนบุคลิกภาพของผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ ซึ่งพื้นฐานหลักดังกล่าว ได้แก่ อิสลามอันบริสุทธิ์แห่งมุฮัมมาดี การปฏิเสธอเมริกันอิสลาม เชื่อมั่นในพันธะสัญญาอันสัจจริงของพระผู้อภิบาล ไม่ไว้วางใจเหล่ามหาอำนาจผู้อหังการ เชื่อมั่นในความมุ่งมั่นและพลังความสามารถของประชาชน และต่อต้านการมุ่งเน้นเชิงรัฐ ให้การสนับสนุนอย่างจริงจังต่อคนยากไร้และคนขัดสน ต่อต้านการฟุ่มเฟือยและสุรี่สุร่าย สนับสนุนผู้ถูกกดขี่ทั่วโลก และคัดค้านต่อต้านผู้กดขี่อย่างชัดแจ้ง และการไม่ประนีประนอมกับบรรดาอันธพาลโลก ความเป็นอิสรภาพและปฏิเสธการตกอยู่ภายใต้มหาอำนาจครอบงำ และเน้นย้ำในประเด็นเอกภาพและความสามัคคีแห่งชาติ
ในช่วงแรกของการปราศรัยในงานครบรอบปีที่ ยี่สิบหกวันอสัญกรรมท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงความประเสริฐของวันนิสฟูชะอฺบาน ซึ่งคล้ายวันครบรอบวันประสูติของท่านอิมามมะฮ์ดี(อ) ในฐานะเป็นผู้ปลดปล่อยมนุษย์ชาตินั้น อันเป็นที่ยอมรับอย่างเอกฉันท์ในหมู่ศาสนาแห่งอิบรอฮีม
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า ทุกมัศฮับอิสลาม ล้วนแล้วเข้าใจและรับรู้ ว่า ผู้ปลดปล่อยท่านนี้ สืบเชื้อสายมาจากท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล)ผู้เป็นบรมศาสดา นามว่า มะฮ์ดี(อ) ซึ่งในหลักคำสอนของชีอะห์นั้น ได้พิสูจน์ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนและหลักฐานที่แข็งแรง ว่า ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ) มีคุณลักษณะที่ชัดเจน เป็นลูกหลานของอิมามท่านสิบเอ็ดในสายธารแห่งชีอะห์
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การรอคอยและการมีความหวัง ถือเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่ยิ่งใหญ่ในหลักความเชื่อแห่งการปรากฏตัวของท่านอิมามมะฮ์ดี ผู้ถูกสัญญา(อ) และกล่าวเสริมว่า แสงแห่งความหวังในความศรัทธาและความเชื่อมั่นที่ลุ่มลึก และความหวังแห่งการปลดปล่อยมวลชีอะห์ในทุกยุคสมัยให้หลุดพ้นจากความมืดมนและการถูกกดขี่ นั้น ด้วยพลังแห่งการรอคอยอันนี้เองสามารถสร้างพลังแห่งความหวังในอนาคต และการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง
จากนั้น ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงประเด็นหลักของการปราศรัย นั้นคือ “การบิดเบือนบุคลิกภาพของท่านอิมาม” โดยกล่าวเสริมว่า ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)เป็นสัญลักษณ์แห่งการขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่และผู้พลิกประวัติศาสตร์ของประชาชาติอิหร่าน ซึ่งต่างจากบางกลุ่มที่พยายามจะจำกัดคุณลักษณะเช่นนี้ของท่านให้อยู่ในสมัยของท่านเท่านั้น และเป็นที่แน่นอนว่า การบิดเบือนบุคลิกภาพของท่านอิมามโคมัยนี ย่อมส่งผลกระทบที่ร้ายแรงในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของการขับเคลื่อน ด้วยเหตุนี้ จำต้องระมัดระวังให้ดี และมีความชาญฉลาดในเรื่องนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า สำนักคิด “ทางอุดมคติ การเมืองและสังคม” ของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) นั้น คือ แผนที่แห่งการเดินทางของชนชาติอิหร่าน เพื่อก้าวไปถึงยังเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ เช่น ความยุติธรรม ความเจริญก้าวหน้าและพลังอำนาจ และกล่าวย้ำว่า ปราศจากการทำความเข้าใจที่ถูกต้อง และการบิดเบือนสำนักคิดของท่านอิมาม แล้ว จะไม่มีวันที่จะสานต่อแผนที่แห่งการเดินทางอันนี้ได้เป็นอันขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงมิติที่โดดเด่นด้านนิติศาสตร์ รหัสยะ และปรัชญาของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) และถือว่า บุคลิกภาพของท่านอิมามคือ ข้อเท็จจริงในความหมายของโองการต่างๆ และย้ำถึงคุณลักษณะแห่งการต่อสู้ในหนทางของพระองค์อย่างแท้จริง โดยที่ท่านได้เดินบนเส้นทางอันสัจธรรมแห่งการต่อสู้ (ญิฮาด) อย่างแท้จริง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ทำให้ประชาชาติอิหร่านสามารถพลิกประวัติศาสตร์ “แผ่นดินอิหร่านและโลกอิสลาม” ด้วยการโค่นล้มระบอบที่เน่าแฟะ และระบบกษัตริย์ ซึ่งหลังจากยุคสมัยต้นๆของอิสลามแล้ว สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านถือเป็นรัฐแรกที่ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญของอิสลามอย่างแท้จริง และด้วยพละกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดได้ทำการต่อสู้และญิฮาดอย่างแท้จริง
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า “การญิฮาดภายใน และจิตวิญญาณที่ลุ่มลึก” เป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์ของการญิฮาดทางการเมือง สังคม และสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) โดยได้อธิบายมิติของสำนักคิดท่านอิมาม ว่า ระบบแห่งสำนักคิดที่สามารถสร้างปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ นั้น ขึ้นอยู่บนพื้นฐานของโลกทัศน์แห่งเตาฮีด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง “ความทันสมัย ” อันเป็นคุณลักษณะพิเศษประการที่สองของสำนักคิดท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) โดย กล่าวว่า ท่านอิมามได้พึ่งยังระบบที่มั่นคงทางความคิดของตน ในการแก้ปัญหาต่างๆของสังคมอิหร่านและสังคมโลก โดยที่ประชาชาติทั้งหลายต่างรู้สึกและสัมผัสถึงคุณค่าแห่งแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างดี และด้วยเหตุนี้เองสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนีจึงแพร่ขยายซึมซับในหมู่ประชาชาติ
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ความมีชีวิตชีวา ชัดเจน การขับเคลื่อน และการปฏิบัติ ก็เป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะที่โดเด่นของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) โดยกล่าวว่า ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) มีความต่างกับนักทฤษฎีและนักคิดทั่วๆไป ที่มักจะกล่าวบรรยายต่อหน้าสาธารณชนะอย่างสวยหรูเท่านั้น แต่ในภาคปฏิบัติกลับว่างเปล่าและไร้ซึ่งประสิทธิภาพ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างแรงบันดาลใจ การขับเคลื่อน สร้างความหวังให้กับประชาติอิหร่านนั้นเป็นผลแห่งความจำเริญของการปฏิบัติตามบุคลิกภาพของอิมามและพื้นฐานหลักแห่งสำนักคิดของอิมาม โดยกล่าวเสริมว่า วันนี้ประชาติผู้ยิ่งใหญ่อิหร่านยังไม่บรรลุเป้าหมายอันสูงสุดของตนและยังห่างไกลอีก ทว่าสิ่งที่สำคัญคือ ชนชาติอิหร่านที่เป็นเยาวชน ได้ก้าวเดินและสานต่อแนวทางนี้ด้วยหัวใจอันเปี่ยมล้ด้วยแรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และความหวังอย่างแท้จริง
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การที่จะสานต่อแนวทางที่ถูกต้องอันเต็มเปี่ยมด้วยความถวิลหา นั้น ขึ้นอยู่กับการรู้จักบุคลิกภาพและพื้นฐานแห่งสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)อย่างลึกซึ้ง โดยกล่าวว่า การบิดเบือนบุคลิกภาพท่านอิมาม คือการบิดเบือนแนวทางของท่านอิมาม และเป็นการพยายามบิดเบือนแนวทางอันเที่ยงตรงของประชาชาติอิหร่าน หากหลงทางหรือลืมแนวทางของอิมาม หรือบางครั้ง อาจเจตนาละทิ้งแนวทางอิมามแล้ไซร้ แน่นอนยิ่งประชาชาติอิหร่านจะต้องถูกตบถูกรังแกอย่างแน่นอน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ย้ำว่า มหาอำนาจโลกและบรรดาผู้อหังการยังจ้องที่จะแทรกแซงและยึดครองอิหร่าน ในฐานะที่อิหร่านเป็นประเทศใหญ่ ร่ำรวยและสำคัญในภูมิภาค โดยกล่าวเสริมว่า มหาอำนาจโลกผู้สวาปาม ที่มีความมักมากและไม่เคยรู้จักพอ จะไม่มีวันเลิกรา ให้ประชาชาติอิหร่านมีการพัฒนา มีความเจริญรุ่งเรืองและมีอำนาจอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ความหวังของพวกเขาต้องดับสิ้นลง
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ทบทวนประเด็นที่ว่า แนวทางในการพัฒนา ความเจริญรุ่งเรืองและมีอำนาจของประชาชาติอิหร่านนั้น อยู่ภายใต้การขับเคลื่อนตามกรอบของพื้นฐานหลักและรากฐานแห่งสำนักคิดของอิมามโคมัยนี(รฎ)เท่านั้น โดยกล่าวย้ำว่า เมื่อคำนวณพิจารณาในประเด็นนี้ ก็จะสามารถเห็นความสำคัญของการบิดเบือนบุคลิกภาพของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) และสำหรับบรรดาเจ้าหน้าที่ นักคิดนักเขียนแห่งการปฏิวัติ สานุศิษย์ที่เก่าแก่ของอิมาม บรรดาผู้รักในแนวทางของอิมาม และบรรดาเยาวชนหนุ่มสาว ปัญญาชน นักการศาสนาและนิสิตนักศึกษาทั้งหลายจำต้องระมัดระวังอย่างแท้จริง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การบิดเบือนบุคลิกภาพของท่านอิมาม(รฎ) นั้น เป็นประเด็นที่เกิดมาอย่างช้านาน ซึ่งเริ่มจากช่วงแรกของการปฏิวัติอิสลาม โดยกล่าวว่า ความพยายามของเหล่าศัตรูของการปฏิวัติในยุคสมัยที่ท่านอิมามมีชีวิตอยู่นั้น คือ การโฆษณาชวนเชื่อระดับนานาชาติว่า การปฏิวัติของท่านอิมามโคมัยนี เป็นการปฏิวัติที่เฉื่อยชา รุนแรง ไม่มีผลสะท้อนใดๆและไร้ซึ่งความปรานี
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ท่านอิมาม ได้เผชิญหน้ากับมหาอำนาจผู้อหังการ ด้วยจุดยืนที่มั่นคงและไร้ซึ่งความหวาดหวั่นใดๆทั้งสิ้น และในขณะเดียวกัน ท่านได้ฉายภาพลักษณ์แห่งความเมตตา ความอ่อนโยน ความรัก ความเอื้อเฟื้อเพื่อแผ่ เมื่อเผชิญหน้ากับพระองค์ และมัคลูคของพระองค์ โดยเฉพาะกับบรรดาผู้ถูกกดขี่ทั้งหลาย
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง การบิดเบือนบุคลิกภาพของท่านอิมามที่กระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจตั้งใจทำ ว่า ในสมัยที่อิมามมีชีวิต บุคคลกลุ่มหนึ่ง จะให้ร้ายอิมาม ตามที่เขาถือว่าเหมาะสม ขณะที่คำพูดเหล่านี้ไม่มีความสอดคล้องใดๆเลยกับบุคลิกภาพของท่านอิมาม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ในวันนี้ หลังจากการเสียชีวิตของอิมามคำพูดเช่นนี้ก็ยังคงมีอยู่ จนกระทั้งบางคนถือว่า ท่านอิมามเป็นจอมเผด็จการ มีการปฏิบัติตนโดยไม่มีหลักเหตุและผลทั้งในด้านการเมือง ความคิด และวัฒนธรรม ซึ่งพวกเขาแนะนำอิมามในลักษณะเช่นนี้ ในขณะที่ทัศนคติเช่นนี้มันมีความผิดพลาดอย่างร้ายแรง และขัดแย้งกับข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า แนวทางเดียวในการรู้จักบุคลิกภาพที่ถูกต้องและแท้จริงอย่างละเอียดของท่านอิมาม คือ การทำความเข้าใจ และทบทวนพื้นฐานหลักและรากฐานแห่งสำนักคิดของท่านอิมาม โดยกล่าวย้ำว่า หากบุคลิกภาพของท่านอิมาม ไม่ได้ถูกรู้จักในรูปแบบเช่นนี้แล้ว ก็อาจทำให้บางคน แนะนำท่านอิมามตามความเข้าใจและตามหลักคิดของตนเองเท่านั้น
ท่านผู้นำสูงสุด ย้ำว่า ท่านอิมามเป็นที่รักยิ่งของปวงชนนั้น เป็นสิ่งที่อมตะ และศัตรูไม่สามารถทำลายความรักอันนี้ของประชาชนที่มีต่อท่านอิมามได้ และกล่าวเสริมว่า ด้วยเหตุนี้ประเด็นการบิดเบือนบุคลิกภาพของท่านอิมามผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนนั้น เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง และการทบทวนพื้นฐานหลักและรากฐานแห่งสำนักคิดของท่านอิมาม จะเป็นตัวสกัดกั้นการปรากฏตัวของภัยอันตรายต่างๆเหล่านี้ได้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พื้นฐานและรากฐานด้านสำนักคิดของท่านอิมาม(รฎ) มาจากคำกล่าวของท่านในวาระต่างๆตลอดระยะเวลา 15 ปี แห่งขบวนการปฏิวัติอิสลาม และ สิบปีหลังจากที่การปฏิวัติอิสลามสำเร็จ โดยกล่าวเสริมว่า หากพื้นฐานดังกล่าวนี้นำมาเรียบเรียงแล้ว ก็จะเห็นโครงสร้างแห่งบุคลิกภาพที่แท้จริงของท่านอิมามโคมัยนี
ก่อนที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี จะอธิบาย พื้นฐานและรากฐานหลักแห่งสำนักคิดของท่านอิมาม 7 ประการ นั้น ท่านได้ชี้ถึงประเด็นพื้นฐานหลักบางประการของสำนักคิดท่านอิมาม คือ 1 พื้นฐานดังกล่าวนี้เป็นคำพูดของท่านอิมามที่ได้กล่าวซ้ำๆในช่วงการบรรยายของท่าน 2 พื้นฐานดังกล่าวนี้อย่าได้เลือกเจาะจงประเด็นเฉพาะในการนำเสนอ แต่ต้องทำการอธิบายให้ครบถ้วนตามรูปประโยคที่ได้กล่าวมา 3 พื้นฐานของสำนักคิดของอิมามนั้น มิได้เจาะจงแค่เจ็ดประการเหล่านี้เท่านั้น ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการสามารถวางกรอบ แล้วเอาพื้นฐานต่างๆจากสำนักคิดของท่านอิมามมาสรุปใช้เป็นข้อๆ
จากนั้นท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายพื้นฐานสำนักคิดของท่านอิมาม ทั้งเจ็ดประการดังกล่าว ว่า การพิสูจน์อิสลามอันบริสุทธิ์และปฏิเสธอเมริกันอิสลาม เป็นหนึ่งในพื้นฐานดังกล่าว และท่านอิมามได้มีการวางและกำหนดให้อิสลามอันบริสุทธิ์อยู่ตรงกันข้ามกับอิสลามแบบอเมริกัน อย่างชัดเจน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายข้อเท็จจริงของอเมริกันอิสลาม โดยแบ่งออกเป็นเป็นสองประเภท คือ “อิสลามแบบเซคคูลาร์” และอิสลามแบบหัวรุนแรง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำ ถึง สองสาขาหลักของอเมริกันอิสลาม ที่เหล่ามหาอำนาจและผู้อหังการโลก และมีอเมริกาที่คอยให้การสนับสนุนหนุนหลังอยู่เสมอ ว่า ในวันนี้กลุ่มขบวนการไอซิสและอัลกออิดะห์ และกลุ่มขบวนการต่างๆที่มีการเคลื่อนไหวในรูปลักษณะอิสลามในเชิงภายนอก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันช่างห่างไกลจากหลักคำสอนของหลักนิติศาสตร์อิสลาม และเป็นที่ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาและอิสราเอล
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ในทัศนะของท่านอิมาม นั้น อิสลามอันบริสุทธิ์ คืออิสลามที่วางอยู่บนพื้นฐานหลักธรรมคำสอนแห่งอัลกุรอานและซุนนะห์ ซึ่งเป็นทัศนคติที่ชัดแจ้ง และสอดคล้องกับเงื่อนไขแห่งเวลาและสถานที่ สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมอิสลาม โดยรวม และมวลมนุษยชาติ อีกทั้งกำหนดยุทธ์วิธีในการเผชิญหน้ากับศัตรูโดยใช้กลยุทธ์ทางวิทยาศาสตร์ องค์ความรู้ที่ตกผลึก และสมบูรณ์ อันได้มาจากสถาบันศาสนา
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ในสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) อิสลามแบบ นักการศาสนาแห่งราชสำนัก และอิสลามแบบไอซิส อยู่ฝายหนึ่ง และอิสลามที่ไม่ฝักใฝ่ฝายใดและนิ่งเฉยต่อการก่ออาชญากรรมของยิวไออนิสต์ และอเมริกา และหวังพึ่งพายังมหาอำนาจผู้อหังการโลก ก็เป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีจุดร่วมอันเดียวกัน และทั้งสองฝ่ายถูกปฏิเสธจากศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า บุคคลใดที่ถือว่าตนเองปฏิบัติตามท่านอิมาม ก็จำต้องกำหนดและวางเขตแดนที่ชัดเจนกับอิสลามหัวรุนแรงสุดโต่ง และอิสลามแบบเซคคูลาร์
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง “การพึ่งพายังความช่วยเหลือจากพระผู้อภิบาล เชื่อมั่นในพันธะสัญญาของพระองค์ในการเผชิญหน้ากับการไร้ซึ่งความไว้วางใจยังมหาอำนาจผู้อหังการโลก” คือ พื้นฐานหลักประการที่สองของสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) และกล่าวเสริมว่า ท่านอิมามมีความเชื่อมั่นในพันธะสัญญาอันสัจจริงของพระองค์อยู่เสมอ และไม่มีวันเชื่อใจและไว้วางใจเหล่าผู้อหังการ และมหาอำนาจโลกอย่างเด็ดขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเสริมว่า คุณลักษณะอันโดดเด่นเช่นนี้ของท่านอิมาม เป็นเหตุให้ท่านอิมามได้อธิบายจุดยืนของตนเองอย่างชัดแจ้ง ชัดเจนและเด็ดขาด ปราศจากการอ้อมค้อมใดๆ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงคำตอบของท่านอิมามโคมัยนีที่มีต่อจดหมายของผู้นำชาติมหาอำนาจผู้อหังการบางคน อันเป็นคำตอบที่ชัดแจ้ง เด็ดขาดและในขณะเดียวกันเปี่ยมด้วยมารยาทและการให้เกียรติ และกล่าวย้ำว่า ท่านอิมามโคมัยนี ได้ทำการมอบหมายตนยังพระองค์ (ตะวักกัล) เหมือนดั่งเส้นเลือดที่ไหลเวียนสู่เรือนร่างของชนชาติอิหร่าน ทำให้ชนชาติอิหร่านกลายเป็นชนชาติที่ทำการตะวักกัลยังพระองค์และเชื่อมั่นในความช่วยเหลือจากพระองค์อย่างแท้จริง
ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึง การไม่วางไว้ใจอย่างเด็ดขาดของท่านอิมาม ต่อผู้อหังการ และไม่ปักหลักเชื่อใจในคำมั่นสัญญาของพวกเขาว่า ในวันนี้ ประเด็นนี้เราสามารถสัมผัสเห็นได้อย่างแท้จริง และเข้าใจแล้วว่า ไม่อาจเชื่อใจในคำสัญญาของผู้อหังการได้อีก เนื่องจากในที่ประชุมเฉพาะพวกเขาจะมีการพูดคุยในลักษณะหนึ่ง แต่ในที่ประชุมทั่วไปพวกเขาก็จะดำเนินการและพูดอีกแบบหนึ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดเดิม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ย้ำถึง “การเชื่อมั่นยังพระองค์ และการไม่ไว้วางใจยังมหาอำนาจผู้อหังการ” ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นฐานหลักที่ชัดแจ้งแห่งสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี และกล่าวย้ำว่า ทว่าในประเด็นนี้ หาใช่ว่าเป็นการตัดขาดจากโลกทั้งหมด เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่การสร้างสัมพันธ์ในลักษณะที่ธรรมดาทั่วๆไปและเป็นเพียงแค่การให้เกียรติเพียงเท่านั้นเอง แต่จะไม่มีวันเชื่อใจ ไว้วางใจยังเหล่าผู้อหังการและบรรดาผู้เป็นพันธมิตรของพวกเขาเป็นอันขาด
“การเชื่อมั่น ไว้วางใจ ความตั้งใจและมุ่งมั่น และพลังอำนาจของประชาชน และการต่อต้านกับการมุ่งเน้นแห่งรัฐ” ถือเป็นพื้นฐานหลักประการที่สามแห่งสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี ที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวชี้ในครั้งนี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ย้ำว่า ในประเด็นต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การทหาร การพัฒนา การโฆษณาชวนเชื่อ และที่สำคัญกว่านั้น ในประเด็นการเลือกตั้ง ท่านอิมามได้มอบความไว้วางใจอย่างแท้จริงในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อีกทั้งเชื่อมั่นต่อประชาชน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ตลอดช่วงระยะเวลาสิบปีที่ท่านอิมามมีชีวิตอยู่ และหลังจากการปฏิวัติสำเร็จ ที่ต้องทำสงครามแปดปี มีการเลือกตั้งมาแล้วประมาณ 10 ครั้ง โดยที่ไม่เคยมีการเลื่อนเวลาและเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้ง แม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากท่านอิมาม เคารพในการลงคะแนนเสียงและการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ของประชาชนอย่างแท้จริง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า แม้กระทั้งในบางครั้ง การเลือกและการตัดสินใจของประชาชนไม่เคยตรงกับทัศนะของท่านอิมาม แต่ทว่าท่านอิมามก็ยังให้การเคารพในสิทธิของประชาชน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงคำพูดของท่านอิมามโคมัยนี ที่กล่าวซ้ำๆหลายต่อหลายครั้งว่า ประชาชนเป็นวะลี นายแห่งนิอมัตความโปรดปราน และตนเองเป็นคนรับใช้ของประชาชน โดยกล่าวเสริม ว่า การแนะนำตนเช่นนี้เป็นการบ่งชี้ฐานะภาพอันสูงส่งของประชาชน การตัดสินใจ ความคิด และการปรากฏตัวของประชาชนในทัศนะของท่านอิมาม นั้นเอง ทั้งนี้ประชาชนก็ขานรับทัศนะอันนี้ของท่านอิมามอย่างเหมาะสมเช่นกัน ทุกครั้งที่ท่านอิมามชี้นิ้ว ประชาชนก็จะขานรับด้วยวาจาใจ และพร้อมปรากฏตัวในทุกเวทีอย่างอย่างยิ่งใหญ่เสมอมา
ท่านผู้นำสูงสุด ได้สรุปเนื้อหาประเด็นดังกล่าว โดยย้ำว่า ระหว่างอิมามกับประชาชนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ในลักษณะที่ว่า อิมามทรงรักประชาชนและประชาชนก็ทรงรักท่านอิมาม
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ว่า ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) เป็นผู้สนับสนุนความยุติธรรมด้านสังคมอย่างแท้จิรง และในประเด็นนี้ เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่ท่านอิมามจะกล่าวมากที่สุดในบรรดาประโยคหัวข้อทั้งหลาย อีกทั้งเป็นแนวทางหลักที่แท้จริงของท่านอิมาม ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า อีกด้านหนึ่งท่านอิมามทรงเน้นย้ำในการขจัดรากเหง้าแห่งความยากจน ความขัดสน และความทุกข์ยากต่างๆ และอีกด้านหนึ่ง ท่านยังได้ย้ำเตือนเหล่าผู้นำที่เสวยสุขอยู่ในวังอยู่บนกองเงินกองทอง ที่ได้ผลาญทรัพย์สิน สุรี่สุร่ายและฟุ่มเฟือยในการดำเนินชีวิตในวันๆ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง การเน้นย้ำของท่านอิมามหลายต่อหลายครั้งกรณีการไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่ในการดูแลชนชั้นคนยากจนและคนยากไร้ ว่า ท่านอิมาม กล่าวอยู่เสมอว่า เหล่านี้คือชนชั้นของบรรดาผู้ยากจนและผู้ขัดสน ที่ออกมาปรากฏตัวในภาคสนามโดยปราศจากการร้องเรียกและแสดงความไม่พอใจใดๆต่ออุปสรรค์ปัญหาและความยากลำบากที่ได้ประสบ ในขณะเดียวกันกลุ่มชนชั้นกลาง ต่างพากันออกมาแสดงความไม่พอใจเสียส่วนมากต่ออุปสรรค์ปัญหาที่เกิดขึ้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายพื้นฐานหลักประการที่ห้าของสำนักคิดของอิมามโคมัยนี ว่า ในมิติต่างประเทศ ท่านอิมามโคมัยนี ก็ได้แสดงจุดยืนและมีทัศนะที่ชัดเจนในการเผชิญหน้าต่อต้านกับอันธพาลโลก และบรรดาผู้อหังการทั้งหลาย และท่านยังให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ แก่บรรดาผู้ถูกกดขี่โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ย้ำว่า ท่านอิมามโคมัยนี ไม่เคยประนีประนอมและอ่อนข้อกับมหาอำนาจผู้กดขี่แม้แต่น้อย และ คำว่า อเมริกา คือ “ชัยฏอน” มารร้ายตัวใหญ่ เป็นนวัตกรรมใหม่ในการประดิษฐ์ศัพท์เฉพาะโดยท่านอิมามโคมัยนี และกล่าวเสริมว่า ปฏิกิริยาที่มีต่อ ศัพท์ใหม่ “ ชัยฏอนตัวใหญ่” ที่ท่านอิมามได้ดำริ ไว้ ได้ส่งอิทธิพลในวงกว้างในภาคปฏิบัติ เนื่องจากเมื่อได้มีการให้ฉายา “ชัยฏอนตัวใหญ่” ให้กับผู้หนึ่งผู้ใดแล้ว มันเป็นการแสดงให้เห็นว่า พฤติกรรม การกระทำ และความรู้สึกต่างๆ ย่อมอยู่ในกรอบแห่งคุณลักษณะของชัยฏอน อย่างชัดเจน
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า จนวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิตของท่านอิมาม ท่านยังคงมีความรู้สึกต่ออเมริกาในลักษณะนี้เช่นเดิมเสมอมา และการใช้คำว่า “ชัยฏอนตัวใหญ่”นั้น ออกมาจากความเชื่อมั่นในคำนี้อย่างแท้จริง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า นับจากเริ่มแรกของการปฏิวัติอิสลาม มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่สนใจต่อบทบาทของอเมริกาในการฟูมฟักล่อเลี้ยงเหล่าฏอฆูต ที่ถูกประชาชาติอิหร่านโค่นล้มมาแล้ว ด้วยเหตุนี้ เมื่อครั้งที่อเมริกาปรากฏตัวในประเทศ และมีการเคลื่อนไหวของบางองค์กรระดับนานาชาติ พวกเขากลับเห็นชอบด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความขัดแย้งหลักของรัฐบาลชั่วคราว กับท่านอิมาม ในช่วงต้นๆของการปฏิวัติอิสลามนั้น ก็เป็นประเด็นในลักษณะนี้เช่นกัน และกล่าวเสริมว่า พวกเขาไม่ให้ความสำคัญ และเพิกเฉย และหากเปิดโอกาสให้อเมริกาเข้ามามีบทบาทอีกครั้ง มันก็จะส่งผลกระทบต่อประชาชาติอิหร่านอย่างร้ายแรง แต่ทว่า ท่านอิมาม ทรงตระหนักและรู้ดีในการนี้ ด้วยเหตุนี้จึงแสดงจุดยืนออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งจุดยืนของท่านอิมามในเหตุการณ์ยึดรังโจร นั้น ก็วางอยู่บนพื้นฐานของกรอบคิดอันนี้เหมือนกัน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดในภูมิภาค และการมอบความไว้วางใจของบางกลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อเมริกา ทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบตามมาจากสิ่งเหล่านี้ ว่า ท่านอิมามโคมัยนี ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนภายใต้กรอบของพื้นฐานแห่งหลักสำนักคิดอันนี้ ในการเผชิญหน้ากับอเมริกา และหน่วยงานทางการเมือง และความมั่นคงของพวกเขา ตรงกันข้ามกับสิ่งนี้ ท่านอิมามโคมัยนี ได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจน และมุ่งมั่นอย่างแท้จริงในการสนับสนุนช่วยเหลือบรรดาผู้ถูกกดขี่ โดยเฉพาะประชาชนชาวปาเลสไตน์
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ย้ำ ว่า ภายใต้กรอบหลักคิดและตรรกะอันนี้ของท่านอิมามโคมัยนี เราสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคและโลก ที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้ และกล่าวเสริมว่า เราต่อต้านการกระทำอันป่าเถื่อนและการกดขี่อย่างไร้ความปรานีของกลุ่มไอซิสในอิรักและซีเรีย ขนาดไหน เราก็ต่อต้านการกระทำอันอยุติธรรมและการกดขี่ของตำรวจอเมริกาในประเทศเหมือนกัน และเราถือว่ากระทำของทั้งสองกลุ่ม เป็นการกระทำในลักษณะเดียวกันและคล้ายกัน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวเสริมว่า เราคัดค้านและต่อต้านการปิดล้อมพี่น้องกาซ่าอย่างอยุติธรรม มากแค่ไหน เราก็ขอต่อต้านการทิ้งระเบิดพี่น้องชาวบริสุทธิ์ผู้อพยพลี้ภัยชาวเยเมนมากเท่านั้น เช่นกัน เราต่อต้านการลิดรอนสิทธิมนุษย์ชนและการกดดันพี่น้องชาวบาห์เรนผู้ถูกกดขี่ มากแค่ไหน เราก็ต่อต้านการปฏิบัติการของอเมริกาที่ใช้เครื่องบินไร้อากาศยานโจมตีพี่น้องปากีสถานและอัฟกานิสถานมากเท่านั้นเช่นกัน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ย้ำถึงกรอบคิดของหลักตรรกะอันชัดแจ้งของท่านอิมามโคมัยนี ในการฝักใฝ่ สนับสนุนผู้ถูกกดขี่และต่อต้านผู้กดขี่ ว่า ด้วยเหตุผลอันนี้ เรื่องปาเลสไตน์ จึงยังคงเป็นประเด็นหลักที่สำคัญของสาธารณรัฐอิสลาม และก็จะไม่มีวันถูกลบออกไปจากนโยบายหลักของรัฐบาลอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวย้ำว่า ประเด็นปาเลสไตน์ ในด้านของการปกป้องนั้นเป็นสิ่งวาญิบและสำคัญยิ่งในเชิงหลักคำสอนของอิสลาม และจะไม่มีเหตุการณ์ใดทำให้เราแยกออกจากประเด็นปาเลสไตน์ได้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า อาจเป็นไปได้ว่า บุคคลที่อยู่ในสนามปาเลสไตน์ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตน แต่สิ่งที่สำคัญอันเป็นที่ยอมรับสำหรับเรา คือ ประชาชนและบรรดานักรบและนักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์
การเน้นย้ำ “ในอิสรภาพ และปฏิเสธการถูกอำนาจครอบงำ” เป็นพื้นฐานหลักประการที่หกแห่งสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี ที่ท่านผู้นำสูงสุดได้ทำการชี้แนะในครั้งนี้
ท่านได้ชี้ว่า ความเชื่อมั่นของท่านอิมามโคมัยนี ในเรื่องอิสรภาพ และการปฏิเสธอำนาจการครอบงำ ทำให้ศัตรูมีการเคลื่อนไหวต่างๆอย่างมากมาย อาทิเช่น การข่มขู่ และการคว่ำบาตร เพื่อบั่นทอนและทำลายพื้นฐานหลักแห่งสำนักคิดของท่านอิมาม และกล่าวย้ำว่า ศัตรูมุ่งเป้ายังอิสรภาพของประเทศ และทุกคนล้วนจำต้องตระหนัก และระวังในเรื่องนี้ให้ดี อีกทั้งต้องรู้จักเป้าหมายของศัตรูอีกด้วย
พื้นฐาน “ ความเป็นเอกภาพแห่งชาติ และการเผชิญหน้ากับการกล่าวร้ายป้ายสีและการสร้างความแตกแยกของศัตรู” นั้น เป็นพื้นฐานหลักประการสุดท้ายของท่านอิมามโคมัยนี ที่ท่านผู้นำสูงสุดได้เน้นย้ำในครั้งนี้
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การสร้างความแตกแยกทางนิกาย และชาติพันธุ์ ถือเป็นนโยบายที่ชัดเจนของศัตรู และกล่าวเสริมว่า นับจากเริ่มแรกแห่งความสำเร็จของการปฏิวัติอิสลาม ท่านอิมามโคมัยนี ได้เผชิญหน้าต่อสู้กับสิ่งนี้ และท่านได้ทุ่มเวลาในการสร้างความเป็นเอกภาพแห่งชาติและความสามัคคีของประชาชาติทั้งหลายอย่างเต็มที่
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในนโยบายสร้างร้อยราวแห่งความแตกแยก และการสร้างความแตกแยกในโลกอิสลาม นั้น เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมหาอำนาจและอเมริกา และกล่าวเสริมว่า ในการเผชิญหน้ากับแผนการร้ายอันนี้ มุมมองของสาธารณรัฐอิสลาม คือมุมมอง “แห่งการสร้างสรรค์ประชาชาติ” เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายอันสูงส่งของประชาชาติอิสลาม และอิหร่านเอง ก็วางอยู่บนพื้นฐานนี้ โดยที่อิหร่านมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพี่น้องชีอะห์ฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอนมากแค่ไหน เราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่น้องชาวปาเลสไตน์ผู้นับถือมัศฮับซุนนี่มากเท่านั้นเช่นกัน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า แผนการ “จันทร์เสี้ยวชีอะห์” ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมือที่สองที่อยู่ภายใต้อเมริกา และ การอ่อนข้อ และการช่วยเหลือของอเมริกาที่มีต่อกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย ในอิรัก เช่น กลุ่มไอซิส ถือเป็นแผนการหนึ่งในนโยบายแห่งการสร้างความแตกแยกเชิงนิกายของมหาอำนาจ และกล่าวเสริมว่า พี่น้องซุนนี่ที่ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา และชีอะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากลอนดอน ที่ถูกส่งไปยังทั่วโลกนั้น ทั้งสองเป็นพี่น้องของชัยฏอน และเป็นเครื่องมือของมหาอำนาจและตะวันตกทั้งสิ้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ จึงเลือกคำขวัญปีนี้ เป็นปี แห่งความเป็นหนึ่งเดียวทั้งวาจาใจ และย้ำถึงการเผชิญหน้ากับการสร้างความแตกแยกของศัตรู โดยท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า ศัตรูกำลังคุกคามในการมีอยู่ของอิสลาม ซึ่งทุกชาติพันธ์และทุกนิกายจำต้องให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันในการจัดตั้ง “มืออันหนึ่งเดียว” อย่าปล่อยให้ศัตรูเข้าไปแทรกแซงและมีอิทธิพลบทบาทในแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลของโลกอิสลามเป็นอันขาด
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้สรุปคำพูดของท่าน ว่า ต้นกำเนิดแห่งพลังดึงดูดและพลังผลักไสของท่านอิมาม คือพื้นฐานทั้งหมดในสำนักคิดของท่านอิมาม และกล่าวเสริมว่า พื้นฐานของท่านอิมาม มิได้กำหนดเฉพาะเพียงแค่นี้ และบรรดานักวิชาการสามารถที่จะทำการค้นคว้าศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ แต่ทุกคนจำต้องตระหนักให้ดีว่า สิ่งที่ทุกคนเห็นควรและเห็นเหมาะสมทั้งหมดนั้น อย่าได้พาดพิงกล่าวถึงอิมามโดยเสน่หา แต่ทว่าควรเอาทัศนะคำพูดทั้งหมด มาเทียบวางกับพื้นฐานหลัก ซึ่งสามารถค้นหาได้ในการบรรยาย การกล่าวปราศรัยของท่านอิมาม ที่ได้กล่าวเน้นย้ำอยู่เสมอ
ในช่วงท้ายของการกล่าวปราศรัยของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามในครั้งนี้ ท่านได้ชี้ถึงข้อเท็จจริงประการหนึ่ง โดยกล่าวย้ำว่า ทุกคนจำต้องรู้ ว่า เป้าหมายของศัตรู คือ การกลับคืนสู่ยุคที่เข้ามาครอบครองประเทศนี้อย่างเบ็ดเสร็จโดยไม่มีเงื่อนไขและข้อผูกมัดใดๆ และ การน้อมเคารพ การเผยรอยยิ้ม สัญญา และการคุกคามของพวกเขา ก็เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายอันนี้นั้นเอง
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า ศัตรูต่อต้านอิสลามอย่างชัดเจน เนื่องจากอิสลามคือกองกำลังที่ยืนหยัดยั่งยืนในการเผชิญหน้ากับแผนการร้ายนี้ และพวกเขาก็ต่อต้านประชาชานอิหร่าน เนื่องจากประชาชาติอิหร่าน ได้เผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างแข็งแกร่งดั่งภูผา
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงทัศนะของอดีตนักการทูตของอเมริกา ที่ได้พูดว่า กลุ่มก่อการ้ายตักฟีรี ไม่ได้มีความสำคัญใดๆสำหรับตะวันตก แต่กลับถือว่าอิหร่านเป็นศัตรูของตน โดยกล่าวว่าอิหร่านพยายามที่จะสร้างอารยะธรรมอันยิ่งใหญ่ของอิสลาม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า นโยบายเหล่านี้ ความสำคัญและความจำเป็นในการสร้างประชาชาติในโลกอิสลาม บ่งชี้ว่า ทุกคนจำต้องรู้ว่า ศัตรูทั้งหมดใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวอิสลาม และการพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าของอิหร่าน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ในหมู่ประชาชาตินั้น หากผู้ใดก็ตาม ที่มีการยืนหยัดอย่างมั่นคงแล้ว ศัตรูก็จะทำการต่อต้านและเป็นศัตรูกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างแท้จริง พวกเขา ประกาศความเป็นศัตรูและต่อต้านกลุ่มชนผู้ศรัทธา ฮิซบุลลอฮ์ และหน่วยงานองค์กรการปฏิวัติต่างๆอย่างเข้มข้น เนื่องจากพวกเขารู้ว่า กลุ่มองค์กรและขบวนการดังกล่าวเสมือนดั่งเขื่อนที่แข็งแกร่ง และมั่นคงในการเผชิญหน้ากับการแทรกแซงของบรรดาศัตรู