ในวาระคล้ายวันครบรอบ แห่งภารกิจการปฏิบัติการที่สร้างความยิ่งผยองเขตพื้นที่ปฏิบัติการบัยตุลมุก็อดดิส และวันพิชิตโครัมชาห์ ซึ่งตรงกับวันที่สาม โครดอด ของทุกปี เมื่อเช้าวันพุธที่ผ่านมา ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดและผู้บัญชาการสูงสุดของสามเหล่าทัพ ได้เข้าร่วมในพิธีเฉลิมฉลองวันจบหลักสูตรของนักศึกษาเตรียมทหารแห่งมหาวิทยาลัยอิมามฮูเซ็น(อ)
ช่วงแรกหลังจากท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามเข้าสู่สนาม ท่านได้เข้าเยี่ยมสุสานบรรดาชะฮีด นิรนาม พร้อมกับอ่านฟาติฮะห์ และวิงวอนขอให้พระองค์ทรงประทานฐานันดรของบรรดาชะฮีดผู้ปกป้องพิทักษ์การปฏิวัติให้สูงส่งยิ่งขึ้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยังได้ชมพิธีสวนสนามในครั้งนี้ด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ถามทุกข์สุขของบรรดาทหารผ่านศึกผู้ทรงเกียรติที่เข้าร่วมอยู่ในสนามครั้งนี้ด้วยในพิธีครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวชี้ถึง “วาทกรรมใหม่ของอิสลาม” และ “วาทกรรมแห่งอานารยะ” ซึ่งทั้งสองเป็นวาทกรรมหลักของโลกในวันนี้ และ ระหว่างสองวาทกรรมนี้จะไม่มีวันเข้าใกล้กัน และไม่สามารถที่จะปรองดองกัน อีกทั้งยังได้ชี้ถึง การเรียกร้องครั้งใหม่ที่เกินขอบเขตในการเจรจานิวเคลียร์ อาทิเช่น การขอให้เข้าไปตรวจสอบหน่วยงานต่างๆทางทหาร และเจรจากับนักวิทยาศาสตร์อิหร่าน โดยกล่าวย้ำว่า เราไม่มีวันอนุญาตให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด และศัตรูพึงรู้ว่า เจ้าหน้าที่ของอิหร่านจะไม่มีวันอ่อนข้อต่อการเรียกร้องที่เกินขอบเขตและใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างแน่นอน
ผู้นำสูงสุดของสามเหล่าทัพ ได้ชี้ถึง ข่าวที่แพร่ออกมา กรณีที่เหล่าผู้ประสงค์ร้ายต่อชนชาติอิหร่าน และบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลชาติอ่าวเปอร์เซียบางประเทศที่พยายามจะดึงสงครามตัวแทนเข้าสู่เขตแดนอิหร่าน ว่า หากสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้เกิดขึ้น สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะแสดงปฏิกิริยาตอบโต้พวกเขาให้หนักหน่วงและถึงที่สุดให้มันสาสมอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ย้ำถึงกลยุทธ์ในการสร้างสิ่งใหม่ๆ นวัตกรรมใหม่ๆอันเต็มไปด้วยประสิทธิภาพและศักยภาพในทุกเรื่อง และได้ชี้ถึงคุณลักษณะพิเศษของพิธีและงานสวนสนามในมหาลัยอิมามฮูเซ็น(อ) และกล่าวเสริมว่า ควรหลีกเลี่ยงการกระทำในสิ่งที่เป็นเรื่องผิวเผินในทุกๆเรื่อง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม คือ ต้นไม้อันจำเริญและความดีงาม ที่ได้มาถึงในระดับอันเป็นที่ยอมรับ ทั้งในด้านความสามารถ ศักยภาพ ความก้าวหน้าต่างๆ การพัฒนา และการบรรลุสู่สภาวะทางด้านความคิดและการปฏิบัติ และกล่าวย้ำว่า มหาลัยอิมามฮูเซ็น(อ) เป็นสัญลักษณ์หนึ่งแห่งการวิวัฒนาการและการพัฒนาการที่ก้าวไปข้างหน้าของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามอย่างแท้จริง
ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวเสริมว่า ในวันนี้ธงแห่งการสืบสานการขับเคลื่อนการปฏิวัติอิสลาม คือธง "วาทกรรมใหม่ของอิสลาม"อยู่ในมือของพวกท่านแล้ว และจะต้องชูธงนี้ให้มั่นคงและด้วยพลังอำนาจเหมือนกับบรรพชนในอดีตที่ได้สำแดงมาแล้ว
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ธงแห่งวาทกรรมใหม่ของอิสลาม จะเป็นสื่อและเครื่องนำทางสำหรับความผาสุกของมนุษยชาติ และสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ถือว่าเป็นวาทกรรมใหม่ที่มีเสน่ห์และเปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูด และกล่าวย้ำว่า การขับเคลื่อนที่มีความภาคภูมิใจเหล่านี้ ท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ผู้เป็นที่เคารพรักของเราได้สร้างวาทกรรมใหม่ที่มีเสน่ห์และเปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูดใจนี้ขึ้นมา และได้มอบมันให้อยู่ในมือของชนชาตินี้ และด้วยการอุทิศพลี ได้พิทักษ์รักษามันไว้จวบจนถึงวันนี้และการเสียสละของชนชาติอิหร่านซึ่งหนึ่งในภาพฉายที่สำคัญที่สุดของมันก็คือสงครามปกป้องตนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้วันนี้สามารถชูธงนี้ขึ้นได้
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงวาทกรรมอีกอันหนึ่ง คือ “วาทกรรมแห่งอานารยะ” ว่า วาทกรรมแห่งอานารยะในวันนี้ คือวาทกรรมแห่งการกดขี่ การข่มขู่บังคับ การใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยโสโอหัง และความเห็นแก่ตัว ซึ่งล้วนแล้วเกิดมาจากบรรดามหาอำนาจที่ต้องการผูกขาดโลกและครอบครองโลก ซึ่งมันอยู่ตรงกันข้ามกับวาทกรรมอิสลาม ซึ่งอยู่กับฝ่ายความยุติธรรม สนับสนุนเสรีภาพของมนุษย์ ทำลายปัจจัยพื้นฐานของการลัทธิล่าอานานิคม และจักรวรรดินิยม และทำลายระบอบการครอบงำที่มีอยู่ในโลกนี้ให้หมดสิ้น
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ย้ำถึง การมองการณ์ไกล และสายตาที่แหลมคมของชนชาติทั้งหลาย สามารถที่จะแยกแยะในสองวาทกรรมทั้งสองได้ ด้วยการรู้จักการขับเคลื่อนของบรรดาผู้กลับกลอกและการเสแสร้งแห่งวาทกรรมอานารยะ ภายใต้คำพูดที่สวยงามและเลิศหรู เช่น “สิทธิมนุษยชน” และ “สันติวิธี” และกล่าวย้ำว่า ระหว่างสองวาทกรรมนี้จะไม่มีวันเข้ากันและปราอดองกันได้อย่างแน่นอน เนื่องจาก วาทกรรมหนึ่งตั้งมั่นอยู่บนการกดขี่และการใช้ความรุนแรง กับชนชาติทั้งหลาย ในขณะที่อีกวาทกรรมหนึ่งนั้น ตั้งมั่นอยู่บนการปกป้องสนับสนุนบรรดาผู้ถูกกดขี่และเผชิญหน้าต่อสู้กับผู้กดขี่ทั้งหลาย
ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึง การโฆษณาชวนเชื่อของศัตรูในความตกต่ำและการถูกโดดเดี่ยวของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ว่า ระบอบอิสลามนับตั้งแต่เริ่มต้นการปรากฏตัวขึ้นจวบจนถึงวันนี้ ยังคงอยู่ในใจของประชาชาติทั้งหลาย ซึ่งสัญลักษณ์ที่เด่นชัดในเรื่องนี้คือ การแสดงความรักและการเคารพนับถืออย่างน่าทึ่งของชนชาติทั้งหลายทั่วทั้งโลกที่มีต่อคณะเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านตลอดช่วงสามสิบหกปีที่ผ่านมา
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ชื่อของประชาชาติอิหร่านเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่ประทับใจของบรรดาชนชาติทั้งหลายแม้แต่ในระดับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีความยุติธรรม มีอิสรภาพ และเสรีภาพ ซึ่งถือว่าเป็นชื่อที่มีเกียรติและน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง และกล่าวย้ำว่า บุคคลที่ตกต่ำและถูกโดดเดี่ยวคือบุคคลที่สามารถดึงดูดหัวใจของคนอื่นด้วยการใช้อำนาจเงินตราและเงินดอลลาร์ เท่านั้น
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า ประชาชาติอิหร่าน เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของตนได้มาโดยความบารอกัตจากอิสลาม และการขับเคลื่อนและอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติ พร้อมกับชี้ถึงความท้าทายบางอย่างที่กำลังเผชิญหน้ากับระบอบอิสลาม ว่า เราไม่มีความเกรงกลัวและหวาดกลัวใดๆต่อความท้าทายเหล่านี้ เนื่องจากการมีอยู่ของความท้าทายเหล่านี้เป็นการบ่งชี้ถึงการขับเคลื่อนของเราอย่างมีชีวิตชีวา การรุดหน้าและก้าวไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวย้ำว่า ประชาชาติอิหร่าน จะผ่านพ้นความท้าทายเหล่านี้ด้วยดี ด้วยพลังอำนาจ การมอบหมายตนยังพระองค์ และความเชื่อมั่นในตนเอง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า หนึ่งความท้าทายคือ การข่มขู่บังคับ การใช้อำนาจบาตรใหญ่และเห็นแก่ตัว ของกลุ่มที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับทีมเจรจานิวเคลียร์อิหร่าน และกล่าวเสริมว่า บรรดาศัตรูรู้จักประชาชาติอิหร่านและเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ดีพอ ที่ได้มีการใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการแสดงคำพูดคำจาออกมา เพราะประชาชาติและรัฐบาลที่มาจากประชาชาตินี้จะไม่มีวันยอมจำนนและอยู่ภายใต้การถูกข่มขู่บังคับเป็นอันขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ย้ำว่า ทุกครั้งที่เราล่าถอยในการเผชิญหน้ากับกับศัตรูที่แสดงอำนาจบาตรใหญ่ พวกเขาก็จะรุกคืบเข้ามา และกล่าวเสริมว่า จำเป็นต้องสร้างกำแพงที่มั่นคงจากความมุ่งมั่น ความไว้วางใจในพระองค์และพลังอำนาจของชนในชาติในการเผชิญหน้ากับพวกเขา
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ยกกรณีตัวอย่างของพวกละโมบของฝ่ายตรงกันข้ามในการเจรจานิวเคลียร์ที่ได้ร้องขอ เพื่อเข้าไปตรวจสอบในหน่วยงานทางทหารและสัมภาษณ์บรรดานักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยชาวอิหร่านว่า เราบอกไปแล้วว่า ไม่จะไม่มีวันอนุญาตให้มีการตรวจสอบใดๆในหน่วยงานทางด้านทหาร เราไม่อนุญาตให้มีการสัมภาษณ์นักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ และไม่มีวันอนุญาตนักวิชาการสาขาใดๆที่มีความสำคัญและเปราะบางได้ถูกเหยียดหยามแม้แต่เพียงน้อยนิด
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ข้าพเจ้าจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติมาพูดคุยสัมภาษณ์และสอบสวนนักวิทยาศาสตร์ของเรา และสัมภาษณ์ลูกหลานที่โดดเด่นและเป็นที่รักยิ่งของชนชาติอิหร่านเป็นอันขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวเสริมว่า ไม่มีประชาชาติใดและรัฐบาลที่ชาญฉลาดใดๆที่จะอนุญาตให้พวกเขากระทำเช่นนี้ โดยกล่าวย้ำ ว่า ศัตรูคาดหวังอย่างไร้ยางอายและออกหน้าออกตาที่คาดว่าเราจะเปิดทางให้กับแก่พวกเขาเข้ามาพูดคุยและเจรจาต่อรองกับบรรดานักวิทยาศาสตร์ของเรา นักวิจัยของเราในประเด็นความก้าวหน้าด้านความรู้พื้นทางดั้งเดิมของประเทศและด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งเราจะไม่มีวันยอมเป็นอันขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า สิ่งนี้บรรดาศัตรูของระบอบอิสลาม และบุคคลทั้งหลายที่เฝ้าดูการตัดสินใจของระบอบสาธารณรัฐอิสลามก็ย่อมรู้ดี
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ที่รักของเราที่กำลังเคลื่อนไหวในสนามนี้ด้วยความกล้าหาญ พึงรู้ว่า วิธีเดียวที่จะสามารถจัดการกับศัตรูหน้าด้านเหล่านี้คือ ความมุ่งมั่นอย่างเด็ดเดี่ยวและการไม่ยอมอ่อนข้อใดๆ
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐและคณะทีมเจรจาจำต้องแสดงให้เห็นถึงสาส์นอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่านในการเจรจา
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามชี้ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ประสบความสำเร็จก็เนื่องด้วยผลของการปฏิวัติอิสลาม ทำให้พวกเรามีตำแหน่งและหน้าที่รับผิดชอบและกล่าวเสริมว่า เราทุกคนคือผู้รับใช้ประชาชน และมีภารกิจและภาระหน้าที่ที่จะต้องยืนหยัดเผชิญหน้ากับการใช้อำนาจบีบบังคับของศัตรู เผชิญหน้ากับความไร้ยางอายของศัตรู เผชิญหน้ากับความคาดหวังต่างๆของศัตรู เผชิญหน้ากับความแผนการร้ายต่างๆของศัตรูอย่างเต็มกำลังและการยืนหยัดอดทน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง บางข่าวสารที่นำเสนอกรณีความพยายามและความร่วมมือร่วมของศัตรูกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้โง่เขลาบางคนในเขตภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ที่พยายามจะดึงสงครามตัวแทนต่างๆเข้าสู่เขตแดนทั้งหลายของอิหร่าน โดยกล่าวย้ำว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม และผู้ทำหน้าที่พิทักษ์ความมั่นคงแหงชาติทุกคนที่อยู่ในหน่วยงานต่างๆจะต้องมีการตื่นตัวจะต้องระแวดระวังและจะต้องรู้ด้วยการว่า หากมีความชั่วร้ายใดๆเกิดขึ้น การตอบโต้ของสาธารณรัฐอิสลามนั้นจะมีอย่างหนักหน่วงอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ประชาชาติอิหร่านกำลังย่างก้าวไปในเส้นขอบฟ้าอันสดใสนี้ด้วยความหวังอย่างสมบูรณ์ โดยกล่าวย้ำว่า การย่างก้าวไปในเส้นทางต่างๆเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายและอุดมการณ์อันสูงส่งนั้นย่อมมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว และตลอดช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ บรรดาชนชาติที่ได้รับเหรียญตราสัญลักษณ์แห่งความดีงามจากประวัติศาสตร์นั้น คือบรรดาผู้ที่ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อยจากอุปสรรค์ปัญหาต่างๆ ไม่ยอมคุกเข่าให้กับความท้าทายทั้งหลาย ไม่ยอมถอยหนีในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการเผชิญหน้ากับการรุกรานทุกรูปแบบ ทั้งการรุกรานทางวาจา ทางการกระทำ วิธีการที่แข็งกร้าวหรือการรุกรานที่ละมุนละม่อม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประชาชาติอิหร่านคือหนึ่งในหมู่ชนชาติเหล่านี้ และในช่วงท้าย ได้คาดหวังว่า เยาวชนที่รัก และทายาทรุ่นใหม่ที่เพิ่งสุกงอม วันนี้มีภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งจากบรรพชนรุ่นก่อนได้มาถึงพวกท่านแล้ว และพวกท่านจงย่างก้าวไปข้างหน้าให้ดีกว่าและมั่นคงกว่าคนรุ่นก่อนพวกท่าน