โอวาทของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม มีขึ้นในช่วงวันที่ 4 เดือน พฤษภาคม 2558 ครั้นที่คณะจัดงานรำลึกและเทิดเกียรติเหล่าชุฮาดาอ์ ฟิชมุรคอน มุซัลมอนอน เคริด์ เข้าพบท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งมีการอ่านอัญเชิญอ่านในช่วงเช้าวันนี้ (จันทร์ ที่ 18 ) ณ. สถานที่จัดงาน เมือง ซะนันดัจญ์
ในการพบปะครั้งนี้ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ทำการเทิดเกียรติและรำลึกเกียรติคุณของเหล่าชุฮาดาอ์ ฟิชมุรคอน มุซัลมอนอน เคริด์ ซึ่งท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงการเสียสละ การพลีอุทิศตนของเหล่าเยาวชนผู้ศรัทธาและมีความบริสุทธิ์ใจ โดยกล่าวย้ำว่า ฟิชมุรคอน มุซัลมอนอน เคริด์ ได้ปรากฏตัวในสนาม ด้วยการเอาชีวิตของตนเข้าไปเสี่ยงอันตราย อีกทั้งครอบครัวพวกเขา ยังตกเป็นเป้าของกลุ่มต่อต้านการปฏิวัติที่ได้คุกคามความสงบสุขของพวกเขา แต่ทว่า บรรดาเยาวชนผู้กล้าหาญเหล่านี้ ได้ผ่านบททดสอบครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบและแท้จริง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงความล้มเหลวของนโยบายศัตรู ในการใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบของ ““ นิกาย” และ “ชาติพันธ์” ในการสร้างเหตุการณ์ความไม่สงบในเขตพื้นที่เคริด์ดิสถาน เพื่อให้กลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การปฏิวัติอิสลาม ว่า ในช่วงปีแรกๆของการปฏิวัติอิสลาม บรรดาศัตรูจะใช้ความสามารถทุกรูปแบบในการสร้างเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่ทว่าด้วยความตั้งใจจริง และด้วยหัวใจของพี่น้องชาวเคริด์และบรรดาอุลามาอ์ที่อยู่กับการปฏิวัติ ทำให้พวกเขาทำการลอบสังหารอุลามาอ์บางคนของชาวเคริด์จนเสียชีวิต(เป็นชะฮีด) ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน พวกเขาก็ได้ลอบสังหารบุคคลที่มีเกียรติ บุคคลทรงอิทธิพลและมีหัวใจบริสุทธิ์ เช่น มัรฮูม เชคุลอิสลาม เสียชีวิต(เป็นชะฮีด)อีกด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่า “ศัตรูจะไม่มีวันหยุดนิ่ง ตราบใดที่เขามีความสามารถ และเครื่องมือต่างๆอย่างมากมาย ด้านความมั่นคง ด้านการโฆษณาชวนเชื้อและเงินทุกไว้ในครอบครอง เขาก็จะยังเป็นศัตรูกับเราต่อไป ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า ทว่าในอิหร่าน ศัตรูจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการยั่วยุทางชาติพันธุ์เหมือนกับที่เคยใช้กับชาวเคริด์ไม่ได้ แต่จะหันกลับมาใช้กลยุทธ์ในการจุดเพลิงไฟแห่งความอคติทางนิกายและความแตกแยกให้เกิดขึ้นระหว่างพี่น้องซุนนี-ชีอะห์ และบางกลุ่มด้วยความละเลยและเพิกเฉยจึงตกเป็นเหยื่อและเครื่องมือของแผนการร้ายในครั้งนี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ย้ำถึงความจำเป็นในการระมัดระวังองค์ประกอบแห่งความห่วงใยและความรักต่อการเผชิญหน้ากับแผนการร้าย ว่า สำหรับบุคคลที่เป็นตัวเอกในการฝักใฝ่และสนับสนุนนิกายซุนนี่ ที่มีความตั้งใจในการเป็นศัตรูและโจมตีชีอะห์นั้น แท้จริงแล้วเขาไม่ได้มีความรักความห่วงใยต่อแบบฉบับของท่านศาสดาและอิสลามแต่อย่างใด และสำหรับบุคคลที่เป็นชีอะห์และได้ก่อเพลิงไฟแห่งความอคติต่อต้านพี่น้องซุนนะห์นั้น เขาก็ไม่เคยมีแรงจูงใจทางศาสนาใดๆทั้งสิ้น
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง ประสบการณ์ของอังกฤษที่มีมาอย่างโชกโชนในการสร้างความอคติและความแตกแยกระหว่างชีอะห์และซุนนี่ และสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้มาแล้ว เป็นข้อเท็จจริงที่กำลังเกิดขึ้น นั้นหมายถึงแผนการของสภาคองแกรส ของอเมริกาที่ให้การสนับสนุนพี่น้องซุนนี่ในอิรัก ขอถามว่า พวกเขามีความรักความห่วงใยต่อพี่น้องซุนนี่ในอิรักจริงหรือ?
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า พวกเขาจะต่อต้านกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสัญลักษณ์ของอิสลาม และสำหรับพวกเขาแล้วจะไม่มีความแตกต่างระหว่างซุนนี ชีอะห์ ส่วนประเด็นนิกายและชาติพันธุ์นั้นเป็นเพียงข้ออ้างในการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นเท่านั้น
ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า จำต้องหยุดคำกล่าวอ้างอันนี้ของศัตรู และกล่าวเสริมว่า การดำเนินการจัดงานด้านวัฒนธรรม อาทิเช่น จัดงานรำลึกและเทิดเกียรติเหล่าชุฮาดาอ์ ฟิชมุรคอน มุซัลมอนอน เคริด์ และการให้ความสำคัญกับประเด็นของเยาวชนหนุ่มสาวเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง