สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

นักกวีและผู้ขับบทสรรเสริญอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

เนื่องในวันครบรอบวันประสูติ ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ (อ.)

ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท่านอายะตุลลอฮ์  คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ได้พบปะกับกลุ่มของสตรี นักกวีและผู้ขับบทสรรเสริญอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)  พร้อมกล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวันครบรอบวันประสูติ ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ (อ.) และได้พูดถึงเนื้อหาต่างๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับการเจรจานิวเคลียร์และสถานการณ์ในเยเมน 


ในช่วงแรกท่านได้เริ่มต้น ด้วยการตั้งคำถามว่า ที่ว่า “ทำไมบางคนจึงถามว่า  ทำไมท่านผู้นำสูงสุดไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆต่อการเจรจานิวเคลียร์ครั้งล่าสุด ?   ท่านผู้นำกล่าวย้ำว่า  เหตุผลที่ท่านไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ เพราะมันไม่มีสิ่งใดที่จะต้องแสดงปฏิกิริยา เนื่องจากเจ้าหน้าที่และคณะตัวแทนเจรจานิวเคลียร์อิหร่าน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก และสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องยึดปฏิบัตินั้น ยังไม่บรรลุข้อตกลงอย่างแท้จริงแต่ประการใด 


อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า  เหตุการณ์เช่นนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องออกมาแสดงปฏิกิริยาใดๆ

ท่านกล่าวว่า  หากข้าพเจ้าถูกถามว่า  “ท่านเห็นด้วยหรือคัดค้านต่อการบรรลุเจรจาครั้งล่าสุด”   ข้าพเจ้าขอกล่าวว่า  ไม่คัดค้านและไม่เห็นด้วย เนื่องจากเหตุการณ์ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า  ปัญหาที่สำคัญคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีการเจรจาในรายละเอียด  เนื่องจากฝ่ายตรงกันข้ามเป็นผู้ดื้อด้าน  บิดพลิ้วสัญญา  ฉ้อโกง และชอบแทงจากด้านหลัง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าในการเจรจาในรายละเอียดนั้น ประชาชาติและอิหร่านอาจจะถูกกดดันจากฝ่ายตรงกันข้ามก็เป็นได้


 ท่านกล่าวว่า  สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ หาใช่เป็นการบรรลุข้อตกลงในประเด็นหลัก  หาใช่เป็นการเจรจาที่จะบรรลุข้อตกลงสุดท้าย และไม่มีหลักประกันใดๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายเลย แม้แต่ในประเด็นนี้เองก็ยังไม่ได้รับหลักประกันว่าการเจรจาจะบรรลุข้อตกลงสุดท้าย ด้วยเหตุนี้การแสดงความยินดีจึงไม่มีประโยชน์อันใด


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงบางประเด็น โดยกล่าวว่า   ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่าอเมริกามีเจตนาดีในการเจรจากับเรา  ซึ่งในประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องอื่นใดเลยนอกจากการคาดเดาเท่านั้น  เนื่องจากมีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อนแล้ว 


ท่านกล่าวเสริมว่า  หากในอนาคต ปัญหา เหตุการณ์และการบันทึกรายละเอียดต่างๆของการเจรจาถูกเอ่ยขึ้นมาแล้ว ทุกคนล้วนจะเข้าใจและประจักษ์ชัดว่า ประสบการณ์ของเรานั้น ได้มาจากไหน

ท่านกล่าวเสริมว่า แม้นว่าข้าพเจ้าจะไม่คาดหวังใดๆในการเจรจากับอเมริกา แต่ก็ยังคงให้การสนับสนุนในการเจรจาครั้งนี้


 ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวว่า ข้าพเจ้าจะให้การสนับสนุนการบรรลุข้อตกลงที่จะพิทักษ์ปกป้อง "ศักดิ์ศรี" ของประเทศของตนเพียงเท่านั้น   และหากมีคนพูดว่า ผู้นำอิหร่าน คัดค้านการบรรลุข้อตกลง มันเป็นคำพูดที่โกหกและค้านกับความจริง


 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ขอสนับสนุนและเห็นด้วยในการบรรลุข้อตกลงที่สามารถเอื้อผลประโยชน์ของประชาชาติและประเทศชาติอิหร่าน  และกล่าวย้ำว่า  การไม่บรรลุข้อตกลง ย่อมจะดีกว่าการบรรลุข้อตกลงที่เลวร้าย   เนื่องจากการไม่ยอมรับข้อตกลงที่เป็นการคว่ำบาตรในผลประโยชน์ของอิหร่าน และหมิ่นและดูแคลนเกียรติของอิหร่านนั้น มันย่อมมีเกียรติและภาคภูมิใจเสียมากกว่า เหนือการบรรลุข้อตกลงที่หมิ่นและดูแคลนประชาชาติอิหร่าน 


 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม  ได้ตอบคำครหาอย่างชัดเจนว่า  บางครั้งมีการพูดว่า รายละเอียดของข้อตกลง ท่านผู้นำเป็นผู้กำหนดเอง    ซึ่งมันเป็นคำพูดที่ไม่มีน้ำหนักและขาดการไตร่ตรอง 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ข้าพเจ้าไม่เคยนิ่งเฉยในการติดตามข่าวการเจรจาบรรลุข้อตกลง  ทว่าจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยเขาไปแทรกแซงและยุ่งเกี่ยวในรายละเอียดแต่อย่างใด และจะไม่มีวันเข้าไปยุ่งเกี่ยวเป็นอันขาด 


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  ในประเด็นหลัก กรอบและขอบเขตของการเจรจา ข้าพเจ้าได้พูดกับประธานาธิบดีไปแล้ว  และบางเรื่องก็ได้พูดกับรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งในรายละเอียดนั้นขึ้นอยู่กับพวกของเขาเอง 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ย้ำว่า ข้าพเจ้าไว้วางใจคณะเจรจาของเรา  และไม่เคยมีความสงสัยครางแคลนใดๆเลยต่อพวกเขา  และอินชาอัลลอฮ์ ในอนาคตข้างหน้าก็จะเป็นเช่นนี้ต่อไป แต่ในปัญหานิวเคลียร์ข้าพเจ้าก็มีความกังวลอย่างจริงจัง


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงฝ่ายตรงกันข้าม ที่เป็นคนหลอกลวง บิดพลิ้วสัญญาและเดินตามแนวทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นความกังวลอย่างจริงจังในประเด็นนี้   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ตัวอย่างหนึ่งของพฤติกรรมของฝ่ายตรงกันข้ามในการเจรจาที่เกิดขึ้นล่าสุด  หลังจากการเจรจาผ่านไปแค่สองสามชั่วโมงเท่านั้น ทำเนียบขาวก็ออกแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาหลายหน้ากรณีการบรรลุข้อตกลงว่า  ส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่ขัดกับหลักความเป็นจริง


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  การร่างแถลงการณ์ดังกล่าวภายในเวลาสองชั่วโมง เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้  ด้วยเหตุนี้ ในเวลาเดียวกันที่มีการเจรจา  พวกเขากำลังร่างคำสั่งที่บิดพริ้วและขัดกับเนื้อหาของการเจรจาต่อรอง  

ท่านผู้นำสูงสุด ย้ำว่า  ฝ่ายตรงกันข้ามของเราเป็นฝ่ายที่เลว ทุจริตและฉ้อโกง 


ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้ชี้อีกตัวอย่างหนึ่งคือ  หลังจากการเจรจาทั้งสองครั้ง พวกเขาได้ออกมาพูดอย่างเปิดเผย และพูดคุยในวงเฉพาะ  ซึ่งคำพูดต่างๆเหล่านี้เพื่อให้มีเกียรติภายในและเพื่อเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงกันข้าม  ขณะเดียวกันประเด็นนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดเลยกับเรา


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า  พวกเขายึดสำนวนสุภาษิตที่ว่า “ กาเฟร(ผู้ปฏิเสธ” ล้วนถือว่าทุกคนเป็นผู้ปฏิเสธเหมือนตนเองด้วย”  โดยพวกเขาพูดว่า หากผู้นำอิหร่านคัดค้านต่อการเจรจา  ถือว่าไม่ใช่คำพูดที่แท้จริงของพวกเขา  แต่เพื่อรักษาเกียรติของตนภายในประเทศ  ขณะที่พวกเขาเองยังไม่เคยเข้าใจข้อเท็จจริงใดๆภายในอิหร่านเลย 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า  คำพูดของผู้นำอิหร่านกับประชาชนนั้นวางอยู่บนพื้นฐานแห่งความเชื่อใจระหว่างกัน   เหมือนกับที่ประชาชนให้ความไว้วางใจต่อผู้น้อยอย่างข้าพเจ้า   ข้าพเจ้าก็เช่นกันมอบความไว้วางใจอย่างเต็มที่ต่อพี่น้องประชาชน  และมีความเชื่อมั่นว่า พระหัตถ์และความช่วยเหลือของพระองค์จะอยู่คู่กับประชาชนชาวอิหร่านตลอดไป


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม  กล่าวว่า การปรากฏตัวของพี่น้องประชาชนในวันที่ 22     บะห์มัน  ในช่วงอากาศหนาวเหน็บแห่งฤดูหนาว    การปรากฏตัวในช่วงอากาศร้อนระอุแห่งเดือนรอมฎอน ในการร่วมเดินประท้วงวันอัลกุดส์  ทั้งหมดล้วนเป็นสัญลักษณ์แห่งพระหัตถ์และความช่วยเหลือของพระองค์  ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงไว้วางใจและเชื่อใจประชาชนอย่างเต็มที่  และคำพูดของข้าพเจ้ากับพวกเขาอยู่ภายใต้กรอบความรู้สึก ความสัจจริงและ บาศีรัต รู้แจ้งของประชาชน


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ย้ำว่า ข้าพเจ้ามีความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับพฤติกรรมของอีกฝ่ายในการเจรจา 

ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง บางคนที่เห็นด้วยและคัดค้านในการเจรจานิวเคลียร์ โดยกล่าวว่า อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใดๆในเรื่องนี้  ทว่า ควรอดทนไว้ก่อนและเฝ้าดูว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ย้ำถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ ว่า ควรให้ประชาชนและบรรดาปัญญาชนในประเทศได้รับรู้รายละเอียดเหล่านี้ด้วย  ให้พวกเขาเหล่านี้ได้รู้ข้อเท็จจริง เพราะรายละเอียดเหล่านี้หาใช่เป็นความลับแต่อย่างใด


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  การให้พี่น้องประชาชนและเหล่าปัญญาชนในประเทศได้รับรู้รายละเอียดของการเจรจานิวเคลียร์เป็นหนึ่งในความหมายของความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างรัฐกับประชาชน  และกล่าวย้ำว่า ความเป็นหนึ่งเดียว หาใช่เป็นคำสั่งใช้  ทว่าจำต้องให้มันบังเกิดและเจริญงอกเงยขึ้น  ซึ่งในภาวะเงื่อนไขปัจจุบันนี้เป็นช่วงเวลาโอกาสที่เอื้ออำนวยที่สุดและดีที่สุดในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างรัฐกับประชาชน

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้เสนอต่อบรรดาเจ้าหน้าที่  โดยกล่าวว่า  จงเชิญชวนเจ้าหน้าที่ที่มีความซื่อสัตย์ สัจจริงและปรารถนาดีต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ให้มาเป็นทีมคณะผู้วิเคราะห์และวิจารณ์ตัวหลักในการเจรจา และมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะระหว่างกัน   หากในคำพูดของเขามีประเด็นใหม่เกิดขึ้นก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อความก้าวหน้าในการเจรจา และหากไม่มีประเด็นใหม่จากพวกเขาก็ควรสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นกับพวกเขา 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามย้ำว่า นี่คือ ความหมายของความเป็นหนึ่งเดียว  และการหลอมหัวใจและการกระทำให้เป็นหนึ่งเดียว 


อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า บางครั้งอาจจะมีเจ้าหน้าที่พูดว่า  เนื่องจากเหลือเวลาอีกสามเดือนในการบรรลุข้อตกลง ซึ่งถือว่าอาจไม่มีเวลาพอที่จะรับฟังบรรดานักวิจารณ์เหล่านี้   ข้าพเจ้าขอตอบเลยว่า  เวลาที่เหลืออีกสามเดือนนั้นเป็นประเด็นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้  และหากสามารถยืดเวลาออกไปอีกก็ถือว่าไม่มีปัญหา  เหมือนกับฝ่ายตรงกันข้ามในที่ช่วงระยะเวลาในการเจรจาที่ได้ยืดเวลาออกไปอีกเจ็ดเดือน


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวย้ำอีกครั้งว่า  การเจรจากับอเมริกา เฉพาะในเรื่องนิวเคลียร์เท่านั้น  และไม่มีประเด็นอื่นๆในการเจรจาแต่อย่างใด  โดยกล่าวย้ำว่า  ทว่าการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์นั้นเป็นการเก็บประสบการณ์เท่านั้น  ซึ่งหากฝ่ายตรงกันข้ามไม่บิดพลิ้ว  ประสบการณ์ครั้งนี้จะสามารถใช้ประโยชน์ในเรื่องอื่นๆต่อไปอีก  แต่หากฝ่ายตรงกันข้ามบิดพลิ้วสัญญาแล้ว ก็จะยิ่งเสริมความเชื่อมั่นของเราจากประสบการณ์ในอดีตที่ไม่ไว้วางใจต่ออเมริกา


ท่านผู้นำสูงสุด ได้แสดงความเสียใจต่อบางคนที่แสดงจุดยืนอยู่กับฝ่ายตรงกันข้ามว่าเป็นทัศนะของประชาคมระหว่างประเทศ  ว่า  ฝ่ายตรงกันข้ามของประชาชาติอิหร่านเป็นผู้ละเมิดสัญญา  นั้นคือ อเมริกาและสามชาติในยุโรป  หาใช่ประชาคมระหว่างประเทศ    เพราะประชาคมระหว่างประเทศ มีทั้งหมด 150     ชาติ โดยที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแต่ละประเทศ ได้เข้าร่วมประชุมไม่ฝักฝ่ายใฝ่ใด ในกรุงเตหะรานเมื่อหลายปีก่อน  และการที่กล่าวว่า ฝ่ายตรงกันข้ามของเรา คือประชาคมระหว่างประเทศที่จะต้องเชื่อใจและไว้วางใจเรา นั้นเป็นคำพูดที่ไร้เหตุผลสิ้นดี 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงประเด็นที่ได้คุยกับคณะเจ้าหน้าที่ทีมงานเจรจา   ว่า  ข้าพเจ้าย้ำอยู่เสมอให้บรรดาเจ้าหน้าทีเล็งเห็นความสำคัญในความสำเร็จของนิวเคลียร์ในวันนี้ และอย่ามองข้ามคุณค่าของสิ่งเหล่านี้


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า อุตสาหกรรมนิวเคลียร์เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญของประเทศ  และกล่าวเสริมว่า  การที่บางคนที่เป็นนักวิชาการหัวใหม่ พูดว่า  เราต้องการอุตสาหกรรมนิวเคลียร์เพื่อสิ่งใดหรือ ?    ถือว่าเป็นการถูกหลอกจากฝ่ายตรงกันข้าม 


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความจำเป็นและความต้องการของประเทศต่ออุตสาหกรรมนิวเคลียร์ ต่อพลังงานนิวเคลียร์  การผลิตเตาเคมีชีวภาค การกลั่นนำทะเลให้เป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์และการเกษตร ว่า  คุณสมบัติที่สำคัญของการอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ในประเทศ ก็เพื่อบรรลุถึงอุตสาหกรรมที่สำคัญเหล่านี้  และเป็นผลลัพธ์แห่งพรสวรรค์โดยธรรมชาติของเยาวชนอิหร่าน  ด้วยเหตุนี้  ความคืบหน้าในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ควรดำเนินการต่อไป 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงข้อกล่าวอ้างของบางประเทศผู้เป็นอาชญากร  เช่น อเมริกา ที่ใช้ระเบิดนิวเคลียร์   หรือฝรั่งเศสที่มีการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ที่ร้ายแรง ว่า พวกเขากล่าวหาว่าเราพยายามที่จะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านอยู่บนพื้นฐานของหลักคำสอนของ ศาสนา และยังอยู่บนพื้นฐานเหตุผลที่ไม่เคยคิดและไม่เคยจะหาอาวุธนิวเคลียร์ และคิดว่าสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ท้าทาย


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ร้องขอคณะทีมงานเจรจา คือ อย่าได้เชื่อใจและไว้ใจฝ่ายตรงกันข้าม   และกล่าวเสริมว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวท่านหนึ่งออกพูดอย่างชัดเจนว่าเราไม่ไว้ใจฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งการแสดงจุดยืนเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่ดี 


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า อย่าหลงเกมรอยยิ้มของฝ่ายตรงกันข้าม  และอย่าไว้วางใจในสัญญาปากเปล่าของพวกเขา   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ตัวอย่างที่ชัดเจนในประเด็นนี้คือ จุดยืนและคำพูดของประธานาธิบดีอเมริกาที่ออกมาพูดหลังจากที่เสร็จสิ้นการเจรจาครั้งล่าสุด


 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้เรียกร้องกับคณะทีมงานเจรจาว่า  การคว่ำบาตรก็ต้องยกเลิกด้วย   โดยกล่าวย้ำว่า การยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งมวลนับจากวันแรกของการบรรลุข้อตกลง 


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า หากการยกเลิกคว่ำบาตรจะต้องเริ่มในการกระบวนการใหม่ของการเจรจาแล้ว  การเจรจาก็จะไม่มีความหมาย เพราะเป้าหมายของการเจรจาคือการยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งหมด


 ท่านผู้นำสูงสุดได้อธิบายขอเรียกร้องจากคณะทีมงานเจรจา ประการต่อไป คือ การพิจารณาตรวจสอบ   โดยกล่าวย้ำว่า การเข้ามายังฐานทหารต่างๆ ของผู้ตรวจสอบชาวต่างชาตินั้นจะต้องถูกห้ามอย่างเด็ดขาดและบรรดาผู้ตรวจสอบระหว่างประเทศจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฐานทัพทหารทั้งหลาย หรือทำให้การพัฒนาด้านกลาโหมต้องหยุดนิ่ง 

ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า จำเป็นที่จะต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบการการป้องกันประเทศ และ ประชาชาติและกองกำลังทหารในประเทศก็ต้องมีความแข็งแกร่งอีกด้วย  และนับวันต้องเสริมสร้างให้แข็งแกร่งกว่าเดิม  เช่นเดียวกันในการเจรจาอย่าได้ล่วงละเมิดในการสนับสนุนของบรรดาผู้ต้านทานทั้งหลายในประเด็นนี้ในภาคส่วนต่างๆ 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ย้ำถึง  วิธีการตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านว่า   อย่ายอมรับรูปแบบการตรวจสอบที่ผิดปรกติที่ว่าอิหร่านเป็นประเทศเฉพาะที่ต้องการมีตรวจสอบในอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างกัน  ซึ่งการตรวจสอบจำต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตการกำกับดูแลที่เกิดขึ้นโดยปรกติทั่วโลก  และอย่ามากไปกว่านั้น  

คำตักเตือนประการสุดท้ายจากท่านผู้นำสูงสุดในประเด็นนี้คือ  ความจำเป็นในการพัฒนาด้านเทคนิคอย่างต่อเนื่องของโครงการนิวเคลียร์ของประเทศ

โดยกล่าวย้ำว่า การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในด้านต่างๆควรดำเนินการต่อ    และบางครั้งหากทีมเจรจาอาจเห็นว่าจำเป็นที่จะยอมรับข้อจำกัดบางอย่าง ก็ไม่มีอะไรที่จะพูดอีกในด้านนี้   การพัฒนาด้านเทคนิคจะต้องดำเนินการต่อและแข็งแกร่งต่อไป 

ท่านผู้นำสูงสุด ย้ำว่า การ ตอบสนองความต้องการเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของการเจรจา  ที่ควรใช้ประโยชน์จากทัศนะของบุคคลที่รอบรู้และเชื่อใจได้ เช่นเดียวกับความคิดเห็นของนักวิจารณ์ที่นำเสนอแนวทางปฏิบัติในการเจรจาได้อย่างถูกต้อง  

 ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเยเมน  โดยกล่าวย้ำว่า ซาอุดิอาระเบียได้สร้างนวัตกรรมที่เลวร้ายขึ้นในภูมิภาคนี้ และแน่นอนพวกเขาได้กระทำในสิ่งที่ผิดพลาดและไม่ถูกต้อง 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สิ่งที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียกำลังกระทำอยู่ในเยเมนในขณะนี้ เป็นสิ่งเดียวกันกับที่ยิวไซออนิสต์ได้กระทำในฉนวนกาซา พร้อมกับชี้ถึงสองด้านที่สำคัญในประเด็นนี้ 


 ท่านผู้นำถือว่า การโจมตีและรุกรานเยเมนนั้น เป็นอาชญากรรม เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ควรที่จะได้รับการลงโทษในระหว่างประเทศ   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า   พวกเขากำลังเข่นฆ่าเด็กๆ ทำลายบ้านเรือนต่างๆ ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทำลายสมบัติของชาติหนึ่ง นี่เป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง นี่คือด้านหนึ่งของปัญหา 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามย้ำว่า  รัฐบาลซาอุดิอาระเบียจะได้รับความเสียหายและความสูญเสียในเรื่องนี้ และพวกเขาจะไม่ได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน 


ท่านได้ชี้ถึงเหตุผลที่คาดการณ์ว่าซาอุฯจะปราชัยในครั้งนี้ ว่า เหตุผลนั้นมีความชัดเจนมาก เนื่องจากศักยภาพต่างๆ ทางด้านทหารของระบอบไซออนิสต์นั้นมีมากกว่าศักยภาพทางทหารของซาอุดิอาระเบียหลายเท่านัก พวกเขามีความสามารถทางด้านการทหาร ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาก็คือฉนวนกาซาซึ่งมีแค่หยิบมือเดียว แต่ในที่นี้ (กรณีของซาอุฯ นั้น) ฝ่ายตรงข้ามคือประเทศหนึ่ง เป็นประเทศที่มีประชากรหลายสิบล้านคน เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างขวาง หากพวกเขาเหล่านั้น (รัฐบาลไซออนิสต์) สามารถเอาชนะในชนวนกาซาได้ พวกเขาเหล่านี้ (รัฐบาลซาอุฯ) ก็จะสามารถเอาชนะในที่นี้ได้ อย่างไรก็ดี แม้พวกเขาเหล่านั้น (รัฐบาลไซออนิสต์) จะสามารถเอาชนะได้ กระนั้นก็ตามชัยชนะของพวกเขาเหล่านี้ (รัฐบาลซาอุฯ) ก็มีโอกาสเป็นไปได้แค่ศูนย์ และขณะนี้มีโอกาสเป็นไปได้ต่ำกว่าศูนย์ แน่นอนพวกเขาจะได้รับความสูญเสีย 


ท่านผู้นำสูงสุดย้ำว่า แน่นอนยิ่งว่ารัฐบาลซาอุดิอาระเบียจะต้องคว่ำคะมำลงกับพื้นดิน 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงแฟ้มประวัติของซาอุในประเด็นนโยบายการเมืองว่า  เรามีความขัดแย้งในปัญหาทางการเมืองกับซาอุดิอาระเบียอย่างมากมาย แต่เราเคยพูดอยู่เสมอมาว่าซาอุดิอาระเบียมีความสุขุมและสงบเสงี่ยมในนโยบายต่างประเทศของตน แต่มาตอนนี้พวกเขาได้สูญเสียความสุขุมและสงบเสงี่ยมนี้ไปหมดแล้ว เด็กหนุ่มที่ไร้ประสบการณ์ไม่กี่คนได้เข้ามาควบคุมกิจการต่างๆ ของประเทศนั้น และกำลังทำให้ด้านแห่งความป่าเถื่อน (ของซาอุฯ) พิชิตเหนือด้านแห่งความสงบเสงี่ยมและการรักษาภาพลักษณ์ สิ่งนี้จะเป็นภัยต่อตัวพวกเขาเอง 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ขอเตือนไปยังรัฐบาลซาอุดิอาระเบียว่า พวกเขาจะต้องละวางจากการเคลื่อนไหวที่เป็นอาชญากรรมที่พวกเขากำลังดำเนินการอยู่ในเยเมน การกระทำนี้ไม่เป็นที่ยอมรับในภูมิภาคนี้

ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง การสนับสนุนและการปกป้องของอเมริกาต่อซาอุดิอาระเบียว่า  แน่นอน ธรรมชาติของอเมริกาคือสิ่งนี้  ในทุกปัญหานั้นจะอยู่ฝ่ายผู้กดขี่ จะอยู่ฝ่ายโฉมหน้าที่เลวร้าย แทนที่จะอยู่กับฝ่ายผู้ถูกกดขี่ นี่คือธรรมชาติของพวกเขา ในที่นี้พวกเขาก็กำลังจะปฏิบัติแบบเดียวกัน แต่ทว่าพวกเขาจะได้รับความเสียหาย พวกเขาจะประสบกับความพ่ายแพ้ 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ว่า  ตอนนี้พวกเขากำลังจะสร้างกระแสที่ว่า “อิหร่านแทรกแซงกิจการภายในของเยเมน”   ว่า   เครื่องบินอาชญากรของพวกเขาได้ปฏิบัติในน่านฟ้าของเยเมนนั้นกลับไม่ใช่การแทรกแซง  เพื่อที่จะทำการแทรกแซงเช่นนี้ พวกเขาได้ยกข้ออ้างต่างๆ ที่โง่เง่าให้แก่ตนเอง ข้ออ้างเหล่านี้ไม่เป็นที่ยอมรับทั้งในแง่ของตรรกะระหว่างประเทศ และประชาชนของประเทศต่างๆ ก็ไม่อาจยอมรับสิ่งนี้ และพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ยอมรับสิ่งนี้ 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเทศเยเมนเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ เป็นประเทศที่เก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี ชนชาตินี้มีศักยภาพ มีความสามารถที่จะกำหนดภารกิจของรัฐบาลของตนเองได้    โดยกล่าวย้ำว่า  

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  แน่นอนมีบุคคลต่างๆ พยายามที่จะสร้างสุญญากาศทางอำนาจ สร้างวิกฤต พวกเขาต้องการที่จะทำให้ปัญหาต่างๆ ที่น่าเศร้าสลดใจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในลิเบีย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายและน่าอนาถใจเป็นอย่างมากในลิเบียขณะนี้ ได้เกิดขึ้นกับเยเมนด้วยเช่นกัน  และกล่าวเสริมว่า   แต่โชคดีที่พวกเขาไม่สามารถกระทำได้ บรรดาเยาวชนผู้ศรัทธา บรรดาคนหนุ่มสาวที่มีความรักผูกพันและเชื่อมั่นในแนวทางของท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน (.) สามารถยืนหยัดเผชิญหน้ากับพวกเขา ทั้งชีอะฮ์ ซุนนี่ ชาฟิอี ซัยดีย์ ฮะนะฟีและทุกกลุ่มของพวกเขา ได้ยืนหยัดเผชิญหน้ากับการโจมตีของศัตรู และอินชาอัลลอฮ์ (หากพระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์) พวกเขาจะประสบชัยชนะ และชัยชนะนั้นจะเป็นของประชาชนทั้งหลาย”


ในช่วงแรกของการปราศรัยครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้รำลึก ถึง มัรฮูม ออฮีย์   ผู้เป็นมัดดอฮ์ ที่มีความซื่อสัตย์  ยืนหยัด  ปรารถนาดี และมีความเพียรพยายามอย่างมาก ซึ่งท่านผู้นำได้ชี้ถึงจุดเดนต่างๆของท่านให้กับบรรดาผู้ขับบทสรรเสริญอะห์ลุลบัยต์(อ) 


“รู้ถึงคุณค่าของโอกาสที่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก โดยเฉพาะบรรดาเยาวชนที่หลงรักในอะห์ลุลบัยต์(อ)   ความจำสำคัญในการส่งเสริมเนื้อหาความรู้อิสลาม ศาสนา วิถีแห่งอิสลาม และผลักดันและปลุกเร้าให้ผู้รับฟังทั้งหลายมีจิตสำนึกในการทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ในยุคปัจจุบัน”    ซึ่งเป็นประเด็นแรกที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ย้ำเตือน


 “ห่างไกลจากสิ่งงมงาย  บิดเบือน  สร้างเปราะในหลักศรัทธาให้กับบรรดาเยาวชน”  เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ 


700 /