เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ 7 เมษายน 2558 ราญับ อุรดุฆอน เข้าพบอยาตุลลอฮ์ ซัยยิดอาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ซึ่งผู้นำสูงสุดถือว่า การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของ “ การตื่นตัวของอิสลามโดยรวม” เป็นสาเหตุหลักของความวิตกกังวลสำหรับศัตรูอิสลาม และชี้ว่า แผนการต่างๆของศัตรูในการเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ว่า วันนี้อเมริกาและไซออนิสต์ รู้สึกปิติยินดีและมีความสุขต่อความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นกับประเทศอิสลาม และแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้คือ ความร่วมมือกันระหว่างประเทศอิสลามและการดำเนินการภาคปฏิบัติต่างๆที่สร้างสรรค์และเหมาะสม
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงผลประโยชน์ร่วมระหว่างอิหร่านกับตุรกี ในการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ ว่า อำนาจและความแข็งแกร่งของประเทศมุสลิมในโลกอิสลามนั้น ในความเป็นจริงแล้วคืออำนาจและความแข็งแกร่งของประชาชาติอิสลาม และนโยบายทั่วไปของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน คือการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศอิสลามซึ่งกันและกัน อีกทั้งหลีกเลี่ยงการสร้างความอ่อนแอต่อกันและการเสริมสร้างความเข้มแข็งของความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและตุรกีนั้น จะสามารถช่วยตอบสนองวัตถุประสงค์ดังกล่าวนี้ให้สัมฤทธิ์ผลเช่นเดียวกัน
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า เราได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่า ประเทศอิสลามจะไม่ได้รับประโยชน์อันใดในการมอบความไว้วางใจต่อตะวันตกและอเมริกา ซึ่งวันนี้เราทั้งหมดล้วนได้ประจักษ์เห็นแล้วว่า ผลของการดำเนินการต่างๆของตะวันตกในภูมิภาคนั้น มันได้สร้างความเสียหายต่ออิสลามและภูมิภาคอย่างใหญ่หลวง
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบางประเทศในภูมิภาค และการกระทำต่างๆที่ป่าเถื่อนโหดร้ายของกลุ่มก่อการร้ายในอิรักและซีเรีย ว่า หากผู้ใดไม่เห็นมือที่ซ่อนเร้นที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว แน่นอนยิ่งพวกเขากำลังหลอกตัวเอง
ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ได้ชี้ และย้ำถึงข้อเท็จจริงในสิ่งนี้ ต่อความรู้สึกปิติยินดีและมีความสุขใจของอเมริกาและยิวไซออนิสต์ต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในภูมิภาคในขณะนี้ว่า ไซออนิสต์และตะวันตกบางชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา ดีใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ และพวกเขาไม่มีการตัดสินใจอย่างจริงจังเลยในการปราบปรามทำลายไอซิสให้สิ้นซาก
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้พูดถึงตัวอย่างบางส่วนของความโหดร้ายป่าเถื่อนที่ไม่มีใครเหมือนของกลุ่มไอซิส นอกจากนี้ท่านยังได้พูดถึงเป้าหมายหลักของกลุ่มก่อการร้ายนี้ในการพิชิตกรุงแบกแดด พร้อมกับนำเสนอคำถามหลักที่ว่า “ใครบ้างที่ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์แก่คนกลุ่มเหล่านี้?!”
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า : แน่นอนยิ่งชาวต่างชาติไม่ต้องการให้ปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไข ดังนั้นบรรดาประเทศอิสลามจำเป็นจะต้องตัดสินใจในการแก้ไขปัญหานี้เอง แต่เป็นที่น่าเสียใจที่การตัดสินใจร่วมกันที่เหมาะสมและสร้างสรรค์ยังไม่เกิดขึ้น
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่าประเด็นของเยเมนคืออีกตัวอย่างหนึ่งจากปัญหาใหม่ของโลกอิสลาม และได้ย้ำเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาวิกฤตเยเมน ว่า จุดยืนของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านเกี่ยวกับทุกประเทศรวมทั้งเยเมน คือการต่อต้านการแทรกแซงจากต่างประเทศ ดังนั้นเราเชื่อว่าแนวทางในการแก้ไขวิกฤตเยเมนก็คือการยุติการโจมตีและการแทรกแซงของต่างชาติต่อประชาชนของประเทศนี้ และชาวเยเมนจะต้องตัดสินใจสำหรับอนาคตของประเทศของพวกเขาเอง
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามถือว่า เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของ "การตื่นตัวของอิสลามโดยรวม" และความกระหายของประชาชาติทั้งหลายต่ออิสลามนั้น คือสาเหตุหลักของความวิตกกังวลของบรรดาศัตรู และกล่าวว่า ในการเผชิญหน้ากับการตื่นตัวนี้ บรรดาศัตรูของอิสลามได้เริ่มต้นการต้านทานการโจมตีตนเองมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว ความจริงที่น่าเศร้าใจก็คือว่า รัฐบาลอิสลามบางประเทศได้ทรยศ ได้มอบเงินและปัจจัยจำเป็นต่างๆ ของตนให้แก่ศัตรู
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงสถานการณ์ในอิรัก พร้อมกับการชี้ถึงความช่วยเหลือของอิหร่านต่อประชาชนอิรักในการยับยั้งการพิชิตของกลุ่มก่อการร้าย โดยกล่าวเสริมว่า อิหร่านไม่ได้เข้าร่วมทางทหารในอิรัก แต่ทั้งสองประเทศนี้มีความสัมพันธ์อันเป็นประวัติศาสตร์ที่ใกล้ชิดและหยั่งรากฝังลึกต่อกัน
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม แสดงความหวังในการเพิ่มขึ้นของพลังอำนาจและเกียรติศักดิ์ศรีของโลกอิสลาม พร้อมกับย้ำถึงความพร้อมของอิหร่านในการแลกเปลี่ยนทัศนะ การเจรจาและการปรึกษาหารือร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาของภูมิภาค
ในการเข้าพบครั้งนี้ซึ่ง ฮัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ได้เข้าร่วมด้วย
นายรอญับ ต็อยยิบ เอร์โดกาน ประธานาธิบดีตุรกี ได้ชี้ถึงการเจรจาของตนในเตหะราน โดยกล่าวว่า ในการเดินทางครั้งนี้เราได้มีการพิจารณาปัญหาต่างๆ ร่วมกัน และเราได้ทำการเจรจากันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ รวมทั้งปัญหาต่างๆ ของภูมิภาค
เขาได้ชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเตหะรานและแองการาในด้านพลังงาน พร้อมกับกล่าวว่า สภาความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างอิหร่านและตุรกีได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้ว และเราได้ออกคำสั่งแก่บรรดารัฐมนตรีของเราให้ติดตามงานต่างๆ
ประธานาธิบดีตุรกี ย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของตะวันออกกลางภายในหมู่พวกเขากันเอง โดยปราศจากการแทรกแซงของตะวันตก โดยกล่าวว่า มีปัญหามากมายในภูมิภาคที่จำเป็นต้องแก้ไขด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และจะต้องไม่รอคอยให้ตะวันตกมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้
ประธานาธิบดีตุรกี ยังได้อธิบายอีกว่า ขอประณามอาชญากรรมต่างๆ ของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส พร้อมกับย้ำว่า ผมไม่นับว่ากลุ่มไอซิส นั้นเป็นมุสลิม และผมก็ได้แสดงจุดยืนต่อต้านกลุ่มนี้ไปแล้ว