ในวันแรกของปีใหม่ 1394 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัย ณ. ลาน อิมามโคมัยนี (รฎ) ภายในเขตบริเวรฮะรัมท่านอิมามริฎอ(อ) โดยมีพี่น้องประชาชนรวมตัวกันอย่างเนืองแน่นนับหมื่นคน ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายคำขวัญแห่งปี “ ปีแห่งความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างรัฐบาลกับประชาชน ทั้งวาจาใจ” และย้ำถึงหน้าที่ทั้งสองฝ่าย นั้นคือ การสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลที่ชอบธรรมตามกฎหมาย และความเปิดกว้างของบรรดาเจ้าหน้าที่ในการยอมรับการตำหนิติเตียนอย่างสมเหตุสมผล อีกทั้งได้ชี้ถึงเสาหลักสี่ประการแห่งเรขาคณิตของระบอบอิสลาม โอกาสและความท้าทายต่างๆที่อยู่ข้างหน้าของระบอบ โดยกล่าวย้ำว่า เป้าหมายในการวางแผน และการวางแผนของเจ้าหน้าที่ก็เพื่อความก้าวหน้าความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ นักธุรกิจและสื่อแขนงต่างๆ ที่มีภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ในการสร้างเศรษฐกิจแห่งชาติโดยถ้วนหน้ากัน และในวันนี้ในด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นเวทีแห่งการรณรงค์โดยเฉพาะ ซึ่งต้องการการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง และวางอยู่บนพื้นฐานแห่งการผนึกกำลังความสามารถ ศักยภาพและการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆภายในประเทศ ด้วยการอาศัยเครื่องมือ กลยุทธ์ต่างๆ และนโยบายรณรงค์เฉพาะต่างๆจึงจะสามารถบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ย้ำถึง การเจรจานิวเคลียร์ ว่า ในอิหร่านไม่ใครต่อต้านและคัดค้านการแก้ปัญหาและการเจรจานิวเคลียร์ทางการทูตแต่ประการใด แต่อีกด้านหนึ่งนั้น ประชาชาติอิหร่าน เจ้าหน้าที่และคณะผู้ร่วมเจรจาจะไม่มีวันอ่อนข้อและยินยอมในการยัดเหยียดและใช้อำนาจบาตรใหญ่ของอเมริกา และด้วยการยืนหยัดจะสามารถประสพความสำเร็จในบทสอบครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้โองการหนึ่งในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน อันเป็นสี่กิ่งก้านสาขาที่สำคัญ ( การนมาซ การจ่ายซะกาต และการกำชับสิ่งดีงามและห้ามปรามสิ่งชั่วร้าย) ถือเป็นการถอดแบบและกิ่งก้านสาขาที่เป็นเรขาคณิตของระบอบอิสลาม และกล่าวเสริมว่า เอกองค์อัลลอฮ์(ซบ) ทรงให้พันธะสัญญา ว่า ทุกประชาชาติที่มีกิ่งก้านสาขาสี่อย่างดังกล่าว พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์ และจะสามารถหลุดพ้นจากอุ้งมือแห่งมหาอำนาจโลกผู้อหังการอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด ย้ำว่า ในแต่ละกิ่งก้านสาขานั้น มีทั้งภาคปัจเจกบุคคลและปัจเจกสังคม ซึ่งล้วนแล้วจะส่งผลต่อระบอบอิสลามทั้งสิ้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ในเชิงปัจเจกบุคคลด้านการนมาซในการสร้างความผาสุกและความรุ่งโรจน์ให้กับมนุษย์ผู้ศรัทธา ว่า ในขณะเดียวกัน การนมาซเป็นทั้งแบบอย่างทางสังคมและเป็นพื้นฐานในความหนักแน่นและการเชื่อมสัมพันธ์ด้านจิตใจของมวลมุสลิม ในช่วงเวลาเดียวกันและหันสู่ศูนย์กลางอันหนึ่งเดียว
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงปัจจัยพื้นฐานของซะกาตในการเสริมสร้างจิตแห่งวิญญาณแห่งการเสียสละในตัวของมนุษย์ พร้อมกับอธิบายในภาคสังคมของการจ่ายซะกาตว่า ซะกาตในภาคของสังคม เป็นการบ่งชี้ถึง บุคคลที่ถือตนว่าเป็นมุสลิมแล้ว จะไม่มีวันเพิกเฉยและละเลยในภาระหน้าที่ทางสังคม ในการดูแลคนยากไร้ คนอ่อนแอและบรรดาผู้ขัดสนทั้งหลาย
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า “การกำชับในสิ่งดีงามและห้ามปรามสิ่งชั่วร้าย” เป็นรากฐานของบทบัญญัติอิสลามทุกประการ และกล่าวย้ำถึง ผู้ศรัทธาทุกคน ไม่วาจะอยู่ ณ. แห่งหนใด จำต้องมีความพยายามที่จะผลักดันสังคมสู่ความดีงาม และห่างไกลจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง และกล่าวย้ำว่า สิ่งที่จำต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในฐานะเป็นแกน นั้นคือ การกำชับสู่ความดีงามที่ยิ่งใหญ่ นั้นคือ การรังสรรค์และปกป้องระบอบอิสลาม
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การรักษาเกียรติของประชาชาติอิหร่าน การยกระดับวัฒนธรรมให้สูงขึ้น สุขภาพแวดล้อมทางศีลธรรม สุขภาพแวดล้อมครอบครัว การสืบพันธ์และการอบรมบรรดาเยาวชนหนุ่มสาวเพื่อความพร้อมในการยกระดับประเทศชาติ การกระตุ้นเศรษฐกิจและการผลิต การสร้างศีลธรรมอิสลามโดยรวม การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความยุติธรรมทางนิติบัญญัติและเศรษฐกิจ การต่อสู้เพื่อความเอกภาพอิสลาม และยกระดับประชาชาติและสร้างพลังอำนาจให้กับประชาชาติอิสลาม เป็นอีกความดีงามหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งทุกคนล้วนต้องมีความเพียรพยายามเพื่อให้บรรลุซึ่งสิ่งเหล่านี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความหมายของ “สิ่งชั่วร้าย” อาทิเช่น ความเสื่อมทรามของวัฒนธรรม ช่วยเหลือศัตรู การทำลายและบั่นทอนระบอบและวัฒนธรรมอิสลาม ทำลายและบั่นทอนเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมกับกล่าวเสริมว่า อาตมันของพระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นเอกะ ท่านศาสดาอิสลามและบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ ถือเป็นผู้ที่เลอเลิศและยิ่งใหญ่ที่สุดในการกำชับในสิ่งดีงามและห้ามปรามสิ่งชั่วร้าย และจำเป็นสำหรับผู้ศรัทธาทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ ณ. แห่งหนใดของโลกอิสลาม ต้องมีการปฏิบัติบทบัญญัติที่เป็นข้อวาญิบนี้ให้ได้อย่างเคร่งครัด
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายคำขวัญปีใหม่แห่งปี “ปีแห่งความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างรัฐบาลกับประชาชน ทั้งวาจาใจ” ว่า การเลือกคำขวัญดังกล่าวนี้ ก็วางอยู่บนพื้นฐานหลักสี่ประการดังกล่าว เพื่อสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติและสังคม ระหว่างประชาชนทุกภาคส่วนในระบอบอิสลาม และกล่าวเสริมถึง การเรียกร้องและความต้องการของทุกรสนิยมในสังคม ความร่วมมือ และความสามัคคีหนึ่งเดียว และการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ด้วยเหตุนี้ทุกรัฐบาลและระบอบอิสลามจำต้องได้รับการสนับสนุนและการปกป้องจากประชาชนทุกคน หรือแม้แต่บุคคลที่ไม่ได้ลงคะแนนเสียงให้กับเขาก็ตาม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเป็นหนึ่งเดียวด้านวาจาระหว่างประชาชนกับรัฐ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆที่สำคัญเช่นนี้ และกล่าวย้ำว่า วันนี้ภาระหน้าที่ที่สำคัญของคนในชาติ คือ การสนับสนุนและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของประเทศและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ความร่วมมือและการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนยังรัฐบาลนั้นเป็นรากฐานหลักที่มั่นคงยั่งยืนตลอดไป และได้อธิบายเสริมในความสำคัญของสิ่งนี้ว่า อุปสรรค์และความท้าทายต่างๆของทุกรัฐ การแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติตามเท่าที่มีศักยภาพและความสามารถ ด้วยเหตุนี้ทุกคนจำต้องให้การสนับสนุนยังรัฐบาลต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เสียงส่วนมากของประชาชนนั้นเป็นพื้นฐานสร้างแห่งความชอบธรรมทางกฎหมายสำหรับรัฐบาล และกล่าวย้ำว่า จำนวนเสียงที่โหวตให้กับประธานาธิบดีนั้น หาใช่เป็นสิ่งสำคัญไม่ ทว่า สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ทุกรัฐบาลที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากประชาชนไม่ว่าจะเท่าใดก็แล้วแต่ ถือว่าได้รับความชอบธรรมตามหลักรัฐธรรมนูญ และประชาชนต้องให้การสนับสนุนรัฐบาลเท่าที่ตนมีความสามารถ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงแวดล้อมแห่งความร่วมมือและการช่วยเหลือในสิทธิของทั้งสองฝ่ายนั้น มันเอื้ออำนวยเป็นอย่างมาก อีกทั้งได้ชี้ถึงการวิพากษ์ รูปแบบของการวิพากษ์วิจารณ์ และวิธีการในการเผชิญหน้ากับผู้วิจารณ์เหล่านี้ด้วย
ท่านผู้นำได้ชี้ถึง การมีอยู่ของฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงกันข้าม “กลุ่มวิพากษ์วิจารณ์”ในทุกรัฐบาลเป็นสิ่งปรกติทั่วไป และกล่าวเสริมว่า รัฐบาลชุดนี้ก็เหมือนรัฐบาลชุดที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้วิพากษ์วิจารณ์ และถือว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ที่บางกลุ่มบางพวกไม่อาจยอมรับในวิธีการ รูปแบบ การกระทำ พฤติกรรม คำพูด และนโยบายของรัฐบาล แล้วทำการวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งนี้ แต่ทว่า การวิพากษ์วิจารณ์จำต้องวางอยูภายใต้กรอบที่เป็นหลักตรรกะเท่านั้น
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ตัวของข้าพเจ้าเองก็ได้ตำหนิวิพากษ์รัฐบาลต่างๆอยู่เสมอมา และในทุกประเด็นที่ข้าพเจ้าเห็นสมควรตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะทำการชี้แนะต่อพวกเขา แต่จะทำการตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ตามสภาพความเหมาะสม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึง กรอบของ “การวิพากษ์ที่มีหลักตรรกะ” ว่า การวิพากษ์อย่าได้เป็นไปในลักษณะที่ว่าประชาชนโดยรวมไม่ไว้วางใจต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ได้ปฏิบัติงาน และนำมาซึ่งความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในหมู่พี่น้องประชาชน เช่นเดียวกันการวิพากษ์จะต้องไม่ใช้รูปแบบที่รุนแรงและดูหมิ่นดูแคลนเป็นอันขาด
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า พฤติกรรมและการกระทำที่วางอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นพี่น้องอิสลาม มีความเป็นหนึ่งเดียวทั้งวาจาใจ และมีทัศนคติที่มีความเมตตาธรนั้นเป็นบรรทัดฐานหนึ่งที่สำคัญของการวิพากษ์วิจารณ์ โดยกล่าวย้ำว่า ทั้งนี้คำชี้แนะมันครอบคลุมทั้งสองฝ่าย บรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศและผู้บริหารอำนาจทั้งสามฝ่าย ก็จำต้องระมัดระวังในขอบเขตอันนี้ ที่จะต้องแสดงพฤติกรรมและการกระทำที่เหมาะสมแก่ผู้ที่ทำการวิพากษ์วิจารณ์พวกเขา อย่าได้ลบหลู่พวกเขาเป็นอันขาด เพราะการดูหมิ่นดูแคลนผู้คัดค้านหรือผู้ต่อต้านที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เป็นสิ่งที่ค้านกับหลักการบริหารและวิทยปัญญา
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ข้าพเจ้าจะไม่เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนที่รักยิ่ง มีความ “เพิกเฉย” และ “ไร้ซึ่งการตรวจสอบ” ทว่า ขอเรียกร้องให้พวกท่านทั้งหลายให้ความสำคัญในทุกประเด็นของประเทศ ขอย้ำกล่าวว่า พฤติกรรมการแสดงออกทั้งหลาย ไม่ว่าขะมาจากเจ้าหน้าที่ หรือจากประชาชน อย่าได้สร้างให้เกิดความเสียหาย หรือควบคู่กับการดูหมิ่นดูแคลนหรือเหยียดหยามเป็นอันขาด
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า การที่ใครคนหนึ่งมีความเป็นห่วงต่อเรื่องที่สำคัญของประเทศนั้น หาใช่เป็นเรื่องผิดกฎไม่ และไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ทว่า ในการนี้อย่าได้กล่าวหา พาดพิง หรือไม่ให้ความสำคัญในความเพียรพยายามของและการรับใช้ของบุคคลอื่น ส่วนฝ่ายรัฐบาลและผู้สนับสนุนรัฐบาลก็เช่นกัน อย่าได้ดูหมิ่นลบหลู่ผู้ที่แสดงความเป็นห่วงและวิตกกังวลต่อประเทศเป็นอันขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงรูปแบบที่ถาวรของตนเองในการสนับสนุนรัฐบาลที่ผ่านมา ว่า ข้าพเจ้าก็ให้การสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ แต่ทว่าไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าจะเซ็นอนุมัติเช็คสีขาวให้กับผู้หนึ่งผู้ใดที่ไม่ผ่านการตรวจสอบเสมอไป แต่จะพิจารณาตามผลงาน และการปฏิบัติงาน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงโอกาสอันยิ่งใหญ่ของประเทศและความท้าทายในภายภาคหน้าว่า ด้วยการวางแผนและการใช้ประโยชน์สูงสุดจากโอกาสและศักยภาพที่เอื้ออำนวยเช่นนี้ ด้วยความโปรดปรานจากพระองค์ จะสามารถชนะเหนือความท้าทายต่างๆเหล่านี้ได้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ทรัพยากรมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพและนวัตกรรมใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มสาว และการให้ความร่วมมือของประชาชน และเยาวชน กับระบอบการปกครองอิสลามนั้นถือเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับประเทศชาติ พร้อมกล่าวเสริมว่า แม้ว่าจะมีการทิ้งระเบิดอย่างแพร่หลายในสื่อแขนงต่างๆของตะวันตกที่มุ่งโจมตีบรรดาเยาวชนในประเทศ เพื่อให้พวกเขาสิ้นหวังในอนาคต หรือออกมาต่อต้านระบอบการปกครอง หรือเพื่อตัดขาดกับระบอบอิสลาม แต่ทว่า เยาวชนเหล่านี้ ได้ออกมาแสดงพลังอย่างยิ่งใหญ่นับล้านคนทั่วประเทศในการออกมาเดินประท้วงในวันที่ 22 บะห์มัน เพื่อแสดงความรักที่มีต่อมาตุภูมิ ความรักที่มีต่อระบอบอิสลามและอุดมการณ์ของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาศาสตร์ในช่วงถูกคว่ำบาตร เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ ซึ่งกล่าวว่า ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในปีที่ผ่านมารวมถึงการตั้งค่าของการออกแบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และซับซ้อน เช่น เฟสที่ 12 ทางฟาร์สใต้ การเปิดตัวอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ที่สร้างความฮือฮาและแปลกประหลาดใจให้กับศัตรูในการซ้อมรบของกองกำลังติดอาวุธ ล้วนแล้วเกิดจากการคิดค้นพัฒนาจากภายในประเทศทั้งสิ้น โดยที่ผู้ประสงค์ร้ายคิดว่า อิหร่านจะต้องกลายเป็นอัมพาตอย่างแน่จากการถูกคว่ำบาตร
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การคว่ำบาตรที่มีอยู่ในวันนี้ ถึงแม้นว่าจะมีอุปสรรค์มากมายนานัปการ แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีอันหนึ่ง
จากนั้นท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงความท้าทายต่างๆในภายภาคนี้ที่จะเกิดขึ้นต่อระบอบอิสลาม โดยกล่าวเสริมว่า หนึ่งในความท้าทายหลักที่สำคัญในวันนี้ของประเทศ คือประเด็นเศรษฐกิจแห่งชาติ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยการขับเคลื่อนอย่างจริงจังและการปฏิบัติครั้งใหญ่
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง การคาดการณ์ของท่านเมื่อช่วงหลายปีก่อน ที่บรรดาศัตรูได้เน้นย้ำและมุ่งเป้าในประเด็นเศรษฐกิจ และการเตรียมพร้อมของบรรดาเจ้าหน้าที่ ว่า บรรดาผู้ประสงค์ร้ายต่อประชาชาติอิหร่าน ได้กล่าวอย่างชัดแจ้ง ว่า เป้าหมายในการกดดันทางเศรษฐกิจนั้น เป็นเป้าหมายทางการเมือง กล่าวคือ สร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชน ทำลายความมั่นคงและความสงบของประเทศ ด้วยการใช้ประชาชนเป็นเกราะและเครื่องมือในการเผชิญหน้ากับรัฐบาลและระบอบ
ท่านผู้นำสูงสุด ย้ำว่า การเผชิญหน้ากับความท้าทายเหล่านี้ จำต้องอาศัยความเป็นหนึ่งเดียวทั้งวาจาใจของทุกหน่วยงาน และบรรดาเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังกำหนดนโยบายและแนวทางประเด็นเศรษฐกิจไว้ สี่ ประการด้วยกันความจำเป็นในการขับเคลื่อนแบบญิฮาดีย์ ในการเผชิญหน้ากับนโยบายที่ก้าวร้าวและป่าเถื่อนของอเมริกาในเวทีทางเศรษฐกิจ เป็นประเด็นแรกที่ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบาย และเกี่ยวกับประเด็นนี้ ท่านได้ชี้ถึงสองทัศนะที่มีอยู่ในประเทศในวันนี้ ในภาคส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ
ท่านกล่าวชี้ว่า ทัศนะหนึ่งที่มีอยู่ในประเทศ คือ มีความเชื่อว่า การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ จำต้องอาศัยศักยภาพและความสามารถที่มีอยู่ภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร หรือเรานั้นยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์เลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้ได้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวเสริมว่า ส่วนทัศนะที่สอง จะอยู่ตรงกันข้ามกับทัศนะแรก คือ มีความเชื่อว่า การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ จะสามารถบังเกิดผลได้ด้วยการอาศัยปัจจัยจากภายนอก ด้วยเหตุนี้จะต้องมีการเปลี่ยนนโยบายทางการเมือง และปรับให้สามารถเข้ากันได้กับบรรดาผู้อหังการโลก และยอมรับในการกดขี่ของพวกเขา เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศจะได้รับการแก้ไข
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ทัศนะที่สองนั้น เป็นสิ่งที่ผิดอย่างแน่ชัด และเป็นสิ่งที่ขาดตอนไร้ผล และไร้ประโยชน์
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความผิดพลาดของทัศนะที่สองว่า มาตรการการคว่ำบาตรของตะวันตกที่มีต่ออิหร่านในปัจจุบันนี้นั้น เป็นเหตุผลที่ชัดเจนที่สุดในความผิดพลาดของทัศนะการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจที่ต้องอาศัยปัจจัยเหนือพรมแดน หรือปัจจัยจากภายนอก เพราะมหาอำนาจต่างชาติ จะไม่มีวันหยุดนิ่งและผ่อนปรนในการคว่ำบาตรต่ออิหร่านแม้แต่น้อย นอกจากนั้น ยังสร้างผลกระทบต่อประเด็นร้อนและเหนือความคาดหมายอีกด้วย อาทิเช่น แผนนโยบายในการลดราคาน้ำมันในตลาดโลก และยังโจมตีเศรษฐกิจภายในประเทศอีกด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า วันนี้ บรรดาผู้ที่ประสงค์ร้ายต่อประชาชาติอิหร่าน มีความพยายามที่จะส่งเสริมความหนักแน่นให้กับทัศนะที่สอง และด้วยเหตุผลอันนี้ ประธานาธิบดีอเมริกา ได้ส่งสาส์นปีใหม่กล่าวแก่ประชาชาติอิหร่าน ว่า หากพวกท่านยอมรับความต้องการของเราในการเจรจานิวเคลียร์ เราก็จะเสริมสร้างงาน การลงทุน การพัฒนาและให้ประเทศอิหร่านมีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า การมีทัศนะและมุมมองในการพึ่งพาอาศัยปัจจัยภายนอกในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นั้น จะไม่มีวันบรรลุผลได้ ด้วยเหตุนี้ จำต้องมุ่งใช้ประโยชน์จากความสามารถ ศักยภาพภายในที่มีอยู่ในประเทศ และเศรษฐกิจแบบยั่งยืน อันเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายของประชาชนและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ก็วางอยู่บนพื้นฐานแห่งศักยภาพ และความสามารถต่างๆภายในประเทศและของประชาชาตินั้นเอง
ประเด็นที่สาม ที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงประเด็นเศรษฐกิจ คือ ความจำเป็นในการกำหนดเป้าหมายและนโยบายของบรรดาเจ้าหน้าที่ และต้องไม่จมปลกสาละวนในเรื่องซ้ำซากเดิมๆของแต่ละวัน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า เป้าหมายที่สำคัญซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่ต้องให้ความสำคัญในปีนี้ คือ ความพยายามเป็นพิเศษที่จะเพิ่มการผลิตในประเทศ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายแนวทางในการเสริมสร้างความเข้มแข็งการผลิตภายในประเทศ ว่า
สนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เสริมสร้างกิจกรรมทางธุรกิจของมูลนิธิ การสร้างการเคลื่อนไหวเพื่อลดการขายน้ำมันดิบ อำนวยความสะดวกในการลงทุน ลดการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและการปราบปราบสิ่งผิดกฎหมาย และแนวทางต่างๆในการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ ในการนี้ธนาคารยังสามารถมีบทบาทในการเสริมสร้างสนับสนุนป้องกันและบทบาทของการทำลายล้างอีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารควรจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับปัญหานี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ย้ำว่า การปฏิบัติในสิ่งนี้และการทำให้เป็นจริงขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรมนั้นมันเป็นเรื่องยากพอสมควร ขณะเดียวกัน ท่านกล่าวเสริมว่า บรรดาเจ้าหน้าที่จำต้องปฏิบัติในสิ่งที่ยากลำบากนี้ให้ได้ เพราะเรื่องของเศรษฐกิจและการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ประเมิน ถึงบทบาทที่สำคัญของนักลงทุนและพี่น้องประชาชน ในการสนับสนุนการผลิตภายในว่า การทุ่มเงินของนักลงทุนสู่การผลิต การบริโภคสิ้นค้าผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ และการหลีกเลี่ยงจากความฟุ่มเฟือย เป็นอีกมารตาการหนึ่งในการส่งเสริมการผลิตภายใน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงประเด็นที่สี่และประเด็นสุดท้ายในเรื่อง เศรษฐกิจแห่งชาติ ว่า การคว่ำบาตร เป็นเครื่องมือหนึ่งของศัตรูในการเผชิญหน้ากับประชาชาติอิหร่าน ด้วยเหตุนี้ หากมีการบริหารจัดการอย่างถูกต้อง และพึ่งพาอาศัยพลังและศักยภาพภายใน ตามแผนที่ได้กำหนดวางไว้ ก็จะได้รับผลกระทบจากการถูกคว่ำบาตรน้อยลง แล้วจากนั้น การคว่ำบาตรก็จะไร้ผลในที่สุด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า หากเจ้าหน้าที่ของรัฐ พี่น้องประชาชน และผู้ประกอบการมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง สื่อสาธารณะก็จะเข้าช่วยเหลืออย่างแน่นอน และจะสามารถประจักษ์เห็นว่า การคว่ำบาตรต่างๆเหล่านั้นไม่สามารถที่จะยับยั้งการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติอิหร่านได้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงประเด็นการเจรจานิวเคลียร์ โดยอธิบายบางประเด็นที่สำคัญ
ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ว่า การกำหนดนโยบาย และการวางแผนอย่างแยบยลของฝ่ายตรงกันข้ามกับการบรรลุข้อตกลงนั้นคือ อเมริกา โดยกล่าวย้ำว่า อเมริกามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเจรจา และความขัดแย้งภายในของพวกเขาก็เกิดจากคู่แข่งหรือฝ่ายตรงกันข้ามของรัฐบาลชุดปัจจุบันของอเมริกา ซึ่งมีความพยายามที่จะไม่ให้เอื้อประโยชน์ต่อคู่แข่งที่เป็นพรรคตรงกันข้ามในการเจรจา
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงสาส์นอวยพรปีใหม่ของประธานาธิบดีอเมริกา และคำพูดที่ไร้สัจจะของเขาในสาส์นครั้งนี้ ว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ได้กล่าวในสาส์นว่า ในอิหร่านยังมีบุคคลจำนวนหนึ่งคัดค้านการเจรจานิวเคลียร์ทางการทูต ขณะที่คำพูดเช่นนี้ มันเป็นการโกหกปลิ้นปล่อนสิ้นดี เพราะในอิหร่านไม่มีใครสักคนที่คัดค้านในการแก้ปัญหานิวเคลียร์ผ่านการเจรจาทางการทูต
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า สิ่งที่ประชาชาติอิหร่านคัดค้านคือ การใช้อำนาจบาตรใหญ่ และการกดขี่ของอเมริกาต่างหาก ซึ่งประชาชาติอิหร่านจะยืนหยัดต่อสู้ให้ถึงที่สุดกับสิ่งนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใด ไม่มีคณะเจรจาทางการทูตคนใด ไม่มีประชาชาติอิหร่านคนใด ที่จะให้การยอมรับการกดขี่การใช้อำนาจบาตรใหญ่ของอเมริกา
ท่านผู้นำสูงสุด ยังกล่าวย้ำอีกว่า การเจรจาที่มีขึ้นในขณะนี้ระหว่างอิหร่านกับอเมริกานั้น มีเฉพาะประเด็นนิวเคลียร์เท่านั้น จะไม่มีประเด็นอื่นๆเกิดขึ้นแน่ พร้อมกับกล่าวเสริม ว่า ในประเด็นภายในประเทศ ภูมิภาค และประเด็นนิวเคลียร์ นั้นเราจะไม่มีวันเจรจากับอเมริกาเป็นอันขาด เนื่องจากนโยบายการเมืองของอเมริกาในภูมิภาคนั้น ต้องการสร้างความไม่สงบให้กับเกิดขึ้นกับประชาชาติในภูมิภาคและการตื่นตัวอิสลาม ซึ่งมันเป็นประเด็นตรงกันข้ามกับนโยบายหลักของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงคำพูดที่อเมริกากล่าวซ้ำๆอยู่เสมอ ว่า การคว่ำบาตรต่างๆจะถูกยกเลิกหลังจากการบรรลุข้อตกลงและหลังจากการพิจารณาพฤติกรรมและประสิทธิภาพของอิหร่าน นั้น ถือเป็นกลอุบายอย่างหนึ่งของอเมริกา พร้อมกับกล่าวย้ำว่า คำพูดเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะการยกเลิกการคว่ำบาตรถือเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจา หาใช่ผลลัพธ์ของการเจรจาไม่ ดังที่ประธานาธิบดีอิหร่านของเรา ได้พูดอย่างชัดเจนว่า การยกเลิกการคว่ำบาตรจะต้องบังเกิดขึ้นในทันที ที่บรรลุขอตกลง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงคำพูดของอเมริกาที่ว่า การตัดสินใจของอิหร่านที่อาจจะบรรลุการเจรจาในทิศทางใดก็ตามที่ไม่มีวันหวนกลับมาได้อีก ว่า คำพูดเช่นนี้ก็ไม่อาจที่จะยอมรับได้เช่นกัน เพราะหากพวกเขาถือว่าเป็นความถูกต้องและชอบธรรมสำหรับตนเองแล้ว ซึ่งหากหลังจากการบรรลุข้อตกลงแล้ว พวกเขาก็จะหาคำอ้างต่างๆนานาอีกครั้งในการคว่ำบาตร ดังนั้นเราจึงไม่มีเหตุผลใดๆที่เราต้องยอมรับในทุกการกระทำที่มีมีวันหวนกลับคืนมาได้อีก
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ย้ำว่า อุตสาหกรรมนิวเคลียร์อิหร่าน เป็นอุตสาหกรรมท้องถิ่นและประชาชน ที่จำต้องก้าวไปข้างหน้า การพัฒนาและความเจริญก้าวหน้านั้นเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงข้ออ้างของอเมริกา ที่ว่าอิหร่านมีความพยายามที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง ว่า พวกเขาย่อมรู้ดีแก่ใจ ว่า ในการเจรจาของเรานั้นเป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศทั้งหมด ภาระผูกพันของศีลธรรมทางการเมือง ไม่เคยละเมิดต่อสิ่งนี้ และไม่เคยใช้อำนาจบาตรใหญ่ใดๆ ในทางตรงกันข้าม อเมริกาต่างหากเป็นผู้ละเมิดสัญญา หลอกหลวง ทุจริต ใช้อำนาจบาตรใหญ่ และกลับกลอกที่แสดงออกในจุดยืนและคำพูดของเขาอยู่เสมอ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า พฤติกรรมต่างๆของอเมริกาในการเจรจานั้นนิวเคลียร์นั้น ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับพี่น้องประชาชนทั้งหลาย พร้อมกับกล่าวย้ำว่า พฤติกรรมของอเมริกานั้นถือเป็นอุทาหรณ์ที่ดีสำหรับกลุ่มนักคิดสมัยใหม่ในประเทศ เพื่อสามารถเข้าใจและรับรู้ว่า ในการเจรจานั้นกำลังเผชิญหน้ากับใคร และอเมริกาจะปฏิบัติตนเช่นไร
ท่านผู้นำสูงสุด ชี้ถึง การข่มขู่ของอเมริกาที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่างๆด้วยการใช้กำลังทหาร หากการเจรจาไม่บรรลุผล ว่า การข่มขู่เช่นนี้ประชาชาติอิหร่านไม่มีวันกลัวเป็นอันขาด เพราะประชาชาตินี้เป็นประชาชาติที่ยืนหยัด และจะสามารถประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบจากบททดสอบอันหนักอึ้งในครั้งนี้อย่างแน่นอน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เตาฟีกและการได้รับความช่วยเหลือจากพระผู้อภิบาลเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญแห่งความสำเร็จของประชาชาติอิหร่านในเส้นทางนี้ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า การงานที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้เป็นภารกิจของรัฐบาลและประชาชาติ รวมทั้ง ประเด็นเอกภาพของอิสลาม การให้ความช่วยเหลือยังประชาชาติผู้ถูกกดขี่ การแพร่ขยายจิตวิญญาณอิสลามสู่ภูมิภาค โดยในวันนี้ มีประชาชาติอิหร่านเป็นผู้ถือธงชัยแห่งเกียรติและศักดิ์ศรีเหล่านี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง ประวัติความเป็นมาของปีใหม่ ว่า “ปีใหม่ในวันนี้ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เยี่ยมยอดของอิสลาม” และกล่าวเสริมว่า ปีใหม่ในยุคอดีต ปีใหม่ในสมัยของกษัตริย์ เป็นโอกาสสำหรับบรรดากษัตริย์และผู้ปกครอง เพื่อสำแดงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของตนให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชาติ ทว่า สำหรับชาวอิหร่านผู้เป็นมุสลิม โดยอาศัยความเฉลียวฉลาด ในสภาวะและรูปการเช่นนี้ยังประโยชน์ให้กับตนเองในทิศทางศาสนา
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ความจริงของปีใหม่ คือ “สัจธรรมสำหรับประชาชาติ” พร้อมกับย้ำว่า ปีใหม่ในวันนี้ หาใช่เป็นปีใหม่ยุคสมัยในอดีตไม่ ทว่าปีใหม่นี้ “เป็นปีใหม่ของชาวอิหร่านและเป็นปีใหม่ของอิสลาม” โดยสามารถใช้โอกาสนี้เป็นต้นทุนในการก้าวสู่เป้าหมายด้านจิตวิญญาณ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ในเวลานี้กำลังอยู่ในช่วงปีใหม่ และการต้อนรับศักราชใหม่ โดยที่ประชาชนของเราได้เลือกชุมนุมอย่างยิ่งใหญ่และเนืองแน่น ณ. ศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณ ภายใต้ฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์ของอิมาม(อ)และบรรดาลูกหลานของอิมาม(อ)เป็นสถานที่ต้อนรับปีใหม่ของตนเอง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง ช่วงเวลาปีใหม่ที่ตรงกับวันแห่งการเป็นชะฮีดของท่านหญิงฟาตีมะห์(อ)ว่า เนื่องจากความฉลาดหลักแหลมของชาวอิหร่าน ที่มีต่อปีใหม่ การเฉลิมฉลองปีใหม่ จะต้องไม่กระทบต่อการให้เกียรติในวันชะฮัดของท่านหญิงฟาตีมะห์(อ)ผู้เป็นประมุขหญิงของสากลจักรวาล และข้าพเจ้ามั่นใจว่า พวกท่านจะสามารถทำได้ในสิ่งที่ไม่ขัดกับการให้เกียรติต่อท่านหญิง(อ)