โอวาทของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม มีขึ้นในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ในวันที่คณะจัดงานรำลึกชุฮาดาอ์อุมุรตัรบียาตีย์ คณะจัดงานชุฮาดาอ์ที่เป็นนักศึกษาและคณะจัดงานชุฮาดาอ์ที่เป็นนักแสดง เข้าพบท่าน โดยโอวาทของท่านผู้นำสูงสุด ถูกอันเชิญอ่านในพิธีเปิดการสัมมนาดังกล่าว เมื่อเช้าวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 ณ. ห้องประชุม หอ มิลาด กรุงเตหะราน
ในการพบปะครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปรากฏตัวอย่างมีบทบาทของปัญญาชน ในสมัยของการปกป้องพิทักษ์สงครามอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นการบ่งชี้ถึงการแพร่ขยายของแรงจูงใจแห่ง “การเสียสละในหนของพระองค์และการเป็นชะฮีด”ในระดับชั้นต่างๆในสังคมอย่างแพร่หลาย และย้ำถึงความสำคัญของการเทิดเกียรติเหล่าชะฮีด เพื่อกันความหลงลืม และเพื่อคงไว้ซึ่งการรำลึกถึงบรรดาชุฮาดาอ์ที่ทรงค่าเหล่านี้ตลอดไป และกล่าวย้ำว่า ในความเป็นจริงแล้วการจัดมัจญลิสเพื่อรำลึกเกียรติคุณของบรรดาชะฮีด เป็นการสานต่อแนวทางแห่งการต่อสู้(การญิฮาด)และการเป็นชะฮาดัต(ชะฮีด) และควรที่จะรำลึกถึงบรรดาชะฮีดอยู่เสมอ อีกทั้งส่งเสริมวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของบุคคลเหล่านี้ให้ซึมซับเข้าสู่สังคมปัจจุบัน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงบทบาทหลักของการต่อสู้และการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮูเซ็น(อ) ในการคงอยู่อย่างอมตะตลอดกาลของศาสนาอิสลาม อัลกุรอานและมาอารีฟอิสลาม ว่า ตราบใดที่สังคมยังคงรำลึกถึงชุฮาดาอ์และเรื่องราวของการเป็นชะฮีดในฐานะที่เป็นสัจธรรมอันอมตะอย่างแท้จริงแล้ว ความปราชัยก็ย่อมที่จะไม่มีความหมายใดๆอีกเลย และประชาชาติก็จะก้าวข้ามและขับเคลื่อนสู่ความเจริญรุ่งเรืองต่อไปโดยปราศจากความหวาดกลัวและความวิตกกังวลใดๆ
ท่านกล่าวเสริมว่า การงานที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่านคือ การปฏิเสธการแบ่งขั้วอำนาจที่ผิดของโลก “การล่าอำนาจอานานิคมและการตกอยู่ใต้อำนาจ” ว่า แม้นว่าในปัจจุบันนี้ บรรดาผู้ล่าอานานิคมหรือผู้แสวงหาอำนาจ มักจะใช้สื่อและเทคโนโลยีทันสมัยต่างๆของตน ในการเข้าไปมีอำนาจและบทบาทเหนือบรรดาผู้ถูกกดขี่และผู้อ่อนแอทั้งหลาย ทว่า ในทางตรงกันข้ามจากสถานการณ์เช่นนี้ จะมีอัตลักษณ์หนึ่งที่มีชื่อว่า การปฏิวัติอิสลาม สามารถที่จะมีเกียรติและศักดิ์ศรีได้ ด้วยการพึ่งพาพื้นฐานและรากฐานของพระผู้อภิบาลและหลักศีลธรรม อีกทั้งมีความกล้าหาญในการเผชิญหน้ายืนหยัดต่อสู้กับผู้ล่าอานานิคมอย่างแท้จริง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลามสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จและความพ่ายแพ้ของศัตรูในการยับยั้งและสกัดกั้นการเคลื่อนไหวเหล่านี้ ว่า บางคนในสมัยปกป้องและพิทักษ์อันสงครามอันศักดิ์สิทธิ์ คิดว่า การที่นักศึกษาได้เข้าสู่สนามรบ ทำให้มหาลัยต่างๆว่างเปล่าและจะสร้างผลกระทบต่อการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ ทว่าในวันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า บารอกัตของบรรดาชุฮาดาอ์ การญิฮาดในหนทางของพระองค์นั้นเกิดขึ้นอย่างมากมาย และด้วยความเพียรพยายามและการต่อสู้ในครั้งนั้น ทำให้ในวันนี้สถานะด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ นำมาซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีและฉายภาพลักษณ์ที่โดดเด่นก้าวล้ำต่างๆนานามากกว่าภาคส่วนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า การรำลึกชื่อต่างๆของบรรดาชะฮีดและวัฒนธรรมแห่งการเป็นชะฮีดนั้น เป็นสิ่งที่มีชีวิตชีวาและเป็นความต้องการที่สำคัญของประเทศในวันนี้ ว่า วัฒนธรรมชะฮีด คือวัฒนธรรมแห่งการเสียสละและอุทิศพลีเพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่ยาวไกล คือวัฒนธรรมร่วมของพี่น้องประชาชนและมวลมนุษย์ชาติ และวัฒนธรรมนี้อยู่ตรงกันข้ามกับวัฒนธรรมปัจเจกตะวันตก ที่ทุกสิ่งที่อย่างล้วนเป็นของตนและจะคิดคำนวณเฉพาะเรื่องของวัตถุและปัจเจกส่วนตนเท่านั้น
ท่านกล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า เมื่อวัฒนธรรมแห่งการเสียสละและการเป็นชะฮีด กลายเป็นวัฒนธรรมของทุกสังคมโดยรวมอย่างแพร่หลายแล้ว สังคมนั้นก็จะมีการพัฒนาและเจริญเติบโต และสังคมนั้นจะไม่มีวันหยุดนิ่งและล้าหลังอย่างแน่นอน