ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าวบรรยายในวันประสูติท่านศาสดา
เอกภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของโลกอิสลามในวันนี้ / ชีอะฮ์ที่มีสายสัมพันธ์อยู่กับ MI6 ของอังกฤษ และซุนนีที่เป็นสมุนรับใช้ของซีไอเอของอเมริกานั้น ทั้งสองไม่ใช่ทั้งชีอะฮ์ไม่ใช่ทั้งซุนนี แต่ทั้งสองคือผู้ต่อต้านอิสลาม
เนื่องในวันประสูติของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล)และท่านอิมามญะอ์ฟัรศอดิก(อ) ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ได้พบปะกับพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ นักวิชาการ นักการศาสนา และบรรดาอาคันตุกะที่เข้าร่วมประชุมสัมมนาสัปดาห์เอกภาพครั้งที่ 28 โดยกล่าวว่า “เอกภาพ” คือบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) และเป็นความต้องการอย่างยิ่งยวดของประชาชาติอิสลามในวันนี้
พร้อมกับกล่าวย้ำว่า การเทิดเกียรติ แด่ท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล)ผู้สูงส่งนั้น มิได้จำกัดแค่การพูดคุยการสนทนาและการบรรยายเท่านั้น ทว่าจำต้องมีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงเพื่อให้บรรลุซึ่งสาส์นอันสูงส่งของของเอกภาพให้ได้ โดยบรรดาประเทศอิสลาม และพี่น้องมุสลิมทั้งหลายจะต้องกำหนดประเด็นเอกภาพนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญในอันดับต้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้แสดงความยินดีเนื่องในสองวโรกาสอันจำเริญ โดยถือว่า วันประสูติของท่านศาสดาอิสลามเป็นวันแห่งการบังเกิดซึ่ง “ความรู้ สติปัญญา จรรยามารยาท ความเมตตาและความเป็นเอกภาพ” พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ในการบรรลุถึงเป้าหมายของสารัตถะอันลุ่มลึกและคามผาสุกรุ่งโรจน์ นั้น เป็นภาระหน้าที่อันหนังอึ่งสำหรับอุลามาอ์ นักการเมือง นักการศาสนาและบรรดาปัญญาชนของเหล่าประเทศอิสลาม
ท่านผู้นำสูงสุด ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความสำเร็จของแผนการบรรดาศัตรูอิสลามที่สามารถสร้างความแตกแยกเกิดขึ้นในประชาชาติอิสลาม ว่า หากประชาชาติอิสลามอาศัยศักยภาพและความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่มีอยู่ และความสามารถเฉพาะตัว ไม่ใช่เรื่องข้อปลีกย่อย แต่เป็นการกำหนดทิศทางโดยรวมที่มีความเป็นหนึ่งเดียวและภาษาหนึ่งเดียว ย่อมสร้างหลักประกันในการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศของประชาชาติอิสลามอย่างแน่นอน อีกทั้งสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชาติอิสลาม อันนำมาซึ่ง “เกียรติยศ ศักดิ์ศรี และความยิ่งใหญ่ของท่านศาสดา(ซล)”ต่อประชาคมโลก
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การนมาซของประชาชาติอิสลามอย่างยิ่งใหญ่ในวันตรุษอีดฟิฎร์และการรวมพลอย่างยิ่งใหญ่ของผู้แสวงบุญในการประกอบพิธีฮัจญ์ เป็นสองตัวอย่างที่ชัดเจนในทิศทางแห่งการก้าวสู่เกียรติศยศักดิ์ศรีของประชาชาติอิสลาม พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ในพิธีอัรบาอีนที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมนับล้านคนซึ่งในจำนวนนั้นก็มีพี่น้องอะห์ลิลซุนนะห์ร่วมอยู่ด้วย มันเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่และสามารถสร้างความฉงนใจ มีการสะท้อนข่าวในระดับโลกอย่างกว้างขวาง ซึ่งถือเป็นการรวมพลระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพี่น้องมุสลิม อันเป็นการปูทางสู่เกียรติยศและศักดิ์ศรีของโลกอิสลาม
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงปัจจัยการสร้างเอกภาพในโลกอิสลาม คือ หลีกเลี่ยง “การคิดร้ายและการหมิ่นลบหลู่ซึ่งกันและกันระหว่างทั้งสองนิกาย ทั้งชีอะห์และซุนนีย์” ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ท่านยังกล่าวชี้ถึงความพยายามอย่างกว้างขวาง ของหน่วยข่าวกรองและซีไอเอในการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นระหว่างประชาชาติอิสลาม ว่า “ชีอะฮ์ที่มีสายสัมพันธ์อยู่กับ MI6 (หน่วยข่าวกรอง) ของอังกฤษ และซุนนีที่เป็นสมุนรับใช้ของซีไอเอของอเมริกานั้น ทั้งสองไม่ใช่ทั้งชีอะฮ์ไม่ใช่ทั้งซุนนี แต่ทั้งสองคือผู้ต่อต้านอิสลาม”
ท่านผู้นำสูงสุด ได้รำลึกถึงคำขวัญของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ในฐานะผู้ประกาศสัปดาห์เอกภาพ และการให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านในเรื่องเอกภาพตลอด 35 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอิหร่านได้ให้การช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมตลอดเวลา โดยเฉพาะเป็นการช่วยเหลือแด่พี่น้องอะห์ลิลซุนนะห์เป็นส่วนใหญ่ ระบอบอิสลามและสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านยังคงให้การสนับสนุนประชาชนชาวปาเลสไตน์และประชาชนในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยึดมั่นต่อคำขวัญในภาคปฏิบัติอย่างจริงจังมาโดยตลอด
ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวชี้ถึงบรรดานักการเมือง อุลามาอ์ นักการศาสนาและเหล่าปัญญาชนแห่งโลกอิสลาม ด้วยการตั้งคำถาม ว่า ครั้งที่บรรดาผู้กดขี่ข่มเหงโลกมีการดำเนินการอย่างมุ่งมั่นในการสร้างโรคกลัวอิสลาม ทำลายภาพลักษณ์อันบริสุทธิ์ของอิสลาม ดังนั้นคำพูดที่ส่อให้เกิดความแตกแยกและทำลายภาพลักษณ์อิสลาม มันไม่ค้านกับสติปัญญา วิทยะปัญญาและการเมืองดอกหรือ??
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมุ่งเน้นยังนโยบายต่างประเทศของบางประเทศในภูมิภาคที่มันค้านกับนโยบายของอิหร่านนั้นเป็นสิ่งที่ผิดอย่างใหญ่หลวง พร้อมกับกล่าวเสริมว่า มันค้านกับนโยบายต่างๆที่ปราศจากหลักเหตุและผลและไม่เข้ากับสติปัญญา เพราะสาธารณรัฐอิสลามนั้นดำเนินนโยบายต่างประเทศของตนที่วางอยู่บนพื้นฐานแห่งมิตรภาพ ความเป็นพี่น้องกับทุกชาติอิสลาม รวมทั้งประเทศทั้งหลายในภูมิภาค
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การส่งเสริมพหุนิยม ถือเป็นการเข้าใจที่ผิดๆจากอัลกุรอานและหลักคำสอนของอิสลาม พร้อมกับกล่าวว่า บนพื้นฐานของโองการอัลกุรอานที่ชัดแจ้ง อิสลาม ถือว่า พหุนิยมเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า การมุ่งเน้นยังผลประโยชน์ของประชาชาติอิสลาม และความเป็นเอกภาพของโลกอิสลามนั้น ถือว่าเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับทุกประเทศอิสลาม พร้อมกับกล่าวเสริมว่า เราในฐานะพี่น้องมุสลิมจำต้องพึ่งพิงยังหลักการในอัลกุรอาน ดังที่พระองค์ในกล่าวในโองการ
اَشِدّاءُ عَلَی الکُفار وَ رُحماءُ بَینَهم
(แข็งกร้าวต่อบรรดาผู้ปฏิเสธ และเป็นมีความเมตตาอ่อนน้อมในระหว่างพวกเขา)
นั้นหมายความว่า จำต้องยืนหยัดต่อสู้กับมหาอำนาจผู้อหังการ บรรดามะเร็งร้ายแห่งไซออนิสต์โลก โดยเฉพาะอเมริกา และรัฐเถื่อนยิวไอนิสต์ผู้ฉ้อฉล และมีความอ่อนน้อม เมตตาและความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพี่น้องมุสลิม