ประชาชนชาวเมืองกุมนับพันคนเข้าพบท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม
บรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศและของรัฐบาลจะต้องไม่คาดหวังไปยังมือของต่างชาติ / หากเราถอยเพียงหนึ่งก้าวศัตรูก็จะรุกคืบทันที
เมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ (7 มกราคม)ที่ผ่านมา ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้พบปะกับประชาชนชาวเมืองกุมนับพันคน โดยท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงความจำเป็นในการต่อสู้กับความพยายามของต่างชาติในการบิดเบือนข้อเท็จจริงของการปฏิวัติ และทำให้ความสำคัญในประวัติศาสตร์ 19 เดย์ ปี 1356 และ 9 เดย์ 1388 ลืมเลือนจากความทรงของพี่น้องประชาชน และกล่าวเสริมว่า ความเป็นศัตรูของมหาอำนาจที่มีต่อชาติอิหร่านนั้นจะไม่มีที่สิ้นสุด และบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลจำเป็นต้องปลดอาวุธการคว่ำบาตรออกไปจากมือของศัตรูที่ไม่อาจไว้วางใจได้ ด้วยการพึ่งพาขุมกำลังภายในของประเทศ และจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนในการทำให้บรรลุสู่อุดมคติต่างๆ ที่สดใสของการปฏิวัติและของประชาชน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้แสดงความยินดีเนื่องในวาระคล้ายวันประสูติของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล)ผู้เป็นศาสดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งอิสลาม และท่านอิมามญะอ์ฟัร อัศศอดิก(อ) โดยถือว่า การกิยามในวันที่ 19 เดย์ ปี 1356 เป็นปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ที่ยิ่งใหญ่และกำหนดชะตากรรม ซึ่งท่านได้กล่าวย้ำว่า ยังมีแรงจูงใจที่ทำให้วันและเหตุการณ์ต่างๆที่ยิ่งใหญ่และกำหนดชะตากรรมของการปฏิวัติอิสลามในช่วงสามทศวรรษที่ผ่าน ให้ลืมเลือน ทว่า คราใดที่ประชาชาติตื่นตัวและมีชีวิตชีวา หัวใจของพี่น้องผู้ศรัทธาผูกใจไว้กับแหล่งแห่งความหวังที่แท้จริงและชัดเจนแล้ว ความพยายามของศัตรูจะไม่มีวันบรรลุผลอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การทำให้เหตุการณ์ 19 เดย์ ปี 1356 และ 9 เดย์ 1388 มีชีวิตชีวา และเหตุการณ์อื่นๆที่สำคัญในการกำหนดชะตากรรมของประชาชาติอิหร่านนั้นเป็นการขับเคลื่อนสู่การต่อสู้อย่างแท้จริง โดยกล่าวว่า แนวรบของฝ่ายต่อต้านระบอบอิสลามได้ผูกความหวังไว้กับชนรุ่นที่สองและรุ่นที่สามของการปฏิวัติ เพื่อที่จะทำให้พวกเขาหันหลังออกจากการปฏิวัติอิสลาม แต่ทว่าชนรุ่นที่สามและเยาวชนของประเทศนี้เองที่ได้สร้างเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ในวันที่ 9 ของเดือนเดย์ (ปี 1388) ขึ้น และได้ตบเข้าไปที่ใบหน้าของบรรดาผู้ที่พยายามจะเบี่ยงเบนเส้นทางของการปฏิวัติโดยอาศัยการสร้างวิกฤต (ฟิตนะฮ์)อย่างแรง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้หวนรำลึกเหตุการณ์ ครั้งประวัติศาสตร์ 19 เดย์ ปี 1356 ที่เกิดขึ้นในเมืองกุม อีกครั้งว่า 19 เดย์ เป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการขับเคลื่อนของพี่น้องประชาชนในประเทศ จากนั้นประชาชาติอิหร่านก็เข้าสู่เวทีแห่งการต่อสู้กับทรราชอย่างเปิดเผย และในท้ายที่สุดทรราชกษัตริย์ชาห์ ก็ล่มสลาย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงแรงจูงใจในการบิดเบือนสัจธรรมและข้อเท็จจริงของทรราช กษัตริย์ ชาห์ ด้วยการชี้ถึงคุณลักษณะแห่งความป่าเถื่อนที่เด่นชัดบางอย่าง ว่า จอมเผด็จการแห่งมืดบอด ผู้มีความโหดร้ายป่าเถื่อน ได้ใช้วิธีการและรูปแบบที่ป่าเถื่อนต่างๆนานในการทรมานนักโทษที่อยู่ในคุกลับ และนี้คือหนึ่งในอาชญากรรมของทรราชชาห์ปาลาวี อีกทั้งบรรดาผู้เรียกร้องสิทธิมนุษย์ชนก็ให้การสนับสนุนกษัตริย์ ชาห์ปาลีอย่างเต็มที่
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงบทบาทของยิวไซออนิสต์ และอเมริกา ในการสร้างหน่วยงานนรกแห่งซาวักในทรราชในอดีตและสร้างความหวาดผวาให้เกิดขึ้นในประเทศว่า การเปิดโปงครั้งล่าสุด โดยเฉพาะกรณีคุกลับและการทรมานนักโทษของซีไอเอในอเมริกา เป็นการบ่งชี้ว่าคำกล่าวอ้างของอเมริกาในประเด็นสิทธิมนุษย์ชนและความอิสระทางการสื่อและนำเสนอนั้น มันไม่เป็นจริงและสอดคล้องตามที่เคยกล่าวอ้างแต่อย่างใด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเป็นข้าสมุนรับใช้อย่างต่ำต้อยต่ออัปยศต่อมหาอำนาจต่างชาติ เป็นอีกคุณลักษณะหนึ่งของทรราชกษัตริย์ชาห์ พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ในยุคสมัยนั้น สิ่งใดที่เป็นผลประโยชน์ของมหาอำนาจต่างชาติ โดยเฉพาะอเมริกา ซึ่งประชาชาติอิหร่านจะถูกดูหมิ่น เหยียดหยาม อย่างรุนแรงในด้านนโยบาย การดำเนินกิจการภายในประเทศ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า เหตุผลของความเคียดแค้น เกลียดชังและความเป็นศัตรูที่ไม่รู้จักจบสิ้นของอเมริกาที่มีต่อชาติอิหร่านและการปฏิวัติอิสลามนั้น ก็เนื่องจากว่า ประเทศซึ่งมีลักษณะพิเศษและสถานะต่างๆ ที่เป็นยุทธศาสตร์ของอิหร่าน ได้หลุดลอยออกไปจากมือของพวกเขา เนื่องจากชัยชนะของการปฏิวัติ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงคุณลักษณะอันป่าเถื่อนประการที่สามของทรราช คือ ความเสื่อมทรามต่างๆทั้งในด้านการหมกมุ่นอยู่กับเรื่องกามรมย์ เงินทอง และศีลธรรม ในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทรราช และกล่าวว่า ในยุคของรัฐบาลทรราชที่สกปรกโสมม และเสื่อมทรามนั้น พวกเขาจะไม่คิดและคำนึงถึงประชาชนแม้แต่น้อย ทัศนะความคิดเห็นของประชาชนไม่มีความสำคัญ และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐก็จะถูกตัดขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การไม่ใส่ใจต่อความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมความสิ้นหวัง การเชิดชูวัฒนธรรมตะวันตก สร้างความนิยมแก่ประชาชนในการบริโภคสิ่งของต่างประเทศแทนสิ่งของผลิตภายใน การทำลายอาชีพเกษตรกรและอุตสาหกรรมแห่งชาติ เป็นอีกผลงานอันมืดมนของกษัตริย์ชาห์ปาลาวี พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ประชาชาติอิหร่านผู้ที่ความชาญฉลาด ก็ประจักษ์เห็นในการดูถูกดูแคลน การถูกกดขี่และความเสื่อมทรามต่างๆในสังคมเป็นอย่างดี แต่ทว่า ภายหลังจากที่สุภาพบุรุษแห่งพระเจ้าคือท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ได้ก้าวสู่เวทีแห่งการต่อสู้ ในท้ายที่สุดก็สามารถมีชัยเหนือทรราชอย่างสมบูรณ์
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ความเจริญก้าวหน้า และความสำเร็จในวันนี้ การตื่นตัวและสถานะที่โดดเด่นของประชาชาติอิหร่านในภูมิภาค ก็เนื่องจากสามารถขจัดสิ่งขวากหนามที่ใหญ่โตของทรราชผู้สกปรกเสื่อทราม ที่อยู่ภายใต้ของกษัตริย์ชาห์นั้นเอง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง จุดเริ่มต้นของความเป็นศัตรูของแนวรบมหาอำนาจกับประชาชาติอิหร่าน เริ่มขึ้นหลังการปฏิวัติอิสลามสำเร็จ และกล่าวย้ำว่า ทุกคนอย่าได้คิดว่า ศัตรูจะยั้งมือที่สกปรกและป่าเถื่อนอันนี้กับสาธารณรัฐอิสลาม
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ย้ำในประเด็นนี้ว่า เมื่อเราละเลยอย่างรุนแรงต่อการเผชิญหน้ากับศัตรู และมอบความหวังให้กับพวกเขา มันเปิดการเปิดโอกาสให้กับศัตรูในการก้าวไปสู่เป้าหมายของตนในประเทศ แต่ทว่า หากเรามีความเข้มแข็ง มีความพร้อม และรู้จักศัตรู บรรดามหาอำนาจก็จำต้องร่นถอยในการแสดงความป่าเถื่อนต่อเราอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า การกดดันอย่างรุนแรงของแนวรบมหาอำนาจผู้กดขี่โลกต่ออิหร่าน มันเกิดจากความเป็นศัตรูตลอดกาลนั้นเอง พร้อมกับกล่าวย้ำว่า แม้นว่าในวันนี้ การบรรลุซึ่งอุดมการณ์และอุดมคติอันสมบูรณ์แบบ เช่น ความยุติธรรมทางสังคม อัคลากอิสลาม ยังอีกยาวไกล และมันขัดแย้งกับคำพูดที่ปราศจากการไตร่ตรอง และคำพูดที่ผิด ที่บางคนกล่าวถึงประชาชาติอิหร่านว่าไม่มีโอกาสที่จะได้รับความโปรดปรานอันนี้ แต่ทว่าด้วยการขับเคลื่อนของประชาชาตินี้บนแนวทางแห่งอุดมการณ์ และอุดมคติ จะสามารถบรรลุและได้รับความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่นี้อย่างแน่นอน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ตำหนิบุคคลที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการได้รับความโปรดปรานของประชาชาติ อาทิเช่น การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ ว่า ไฉนจึงโง่เขลาเช่นนี้ ความสำเร็จต่างๆที่หน่วยงานทางวิทยาศาสตร์โลกก็ให้การยอมรับ แล้วเหตุใดจึงกลับปฏิเสธ ด้วยการแสดงวาจาคำพูดที่ผิดและไม่เป็นธรรมในแนวทางแห่งความภาคภูมิใจของพี่น้องประชาชนเช่นนี้ แม้แต่บรรดาศัตรูต่างพากันชื่นชมในความสำเร็จเหล่านี้ แล้วไฉนพวกท่านจึงสร้างความคลางแคลนสงสัยนี้??
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงยุคสมัยต้นๆของอิสลาม ว่า ในวันนั้นอุดมการณ์และอุดมคติต่างๆก็ยังไม่บรรลุผลทั้งหมด แต่ทว่าสิ่งที่สำคัญคือ การขับเคลื่อนที่อยู่บนเส้นทางแห่งการบรรลุซึ่งเป้าหมาย ในวันนี้ประชาชาติอิหร่านก็เช่นกัน ที่ก็กำลังเจริญรอยตามแนวทางนี้ อันเป็นการก้าวไปด้วยความภาคภูมิใจและยืนหยัดอย่างมั่นคง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า ความสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวแห่งชาติ เป็นสิ่งจำเป็นที่สำคัญที่สุดของประเทศในวันนี้
ท่านกล่าวเสริมว่า การสร้างความแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งพวกในหมู่พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะรูปแบบใด หรือจะอ้างเหตุผลใด ถือว่าเป็นการปฏิปักษ์ต่อต้านผลประโยชน์ของชาติและต่อต้านอุดมการณ์และอุดมคติ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การช่วยเหลือรัฐบาลเป็นภาระหน้าที่ของทุกคน และกล่าวเสริมว่า รัฐบาลควรจะต้องรู้ไว้ด้วยว่า มีเพียงสิ่งเดียวที่จะทำให้พวกเขามีความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ของตนได้ นั่นคือการพึ่งพิงต่อประชาชนและพลังอำนาจภายในประเทศ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวย้ำอีกครั้งในความจำเป็นที่จะต้องตัดจากการผูกมัดรายได้เฉพาะการค้าน้ำมันอย่างเดียว ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศและของรัฐบาลจะต้องไม่คาดหวังไปยังมือของต่างชาติ และจะต้องรับรู้ไว้ด้วยว่า ถ้าหากถอยเพียงหนึ่งก้าวก็จะก่อให้เกิดการรุกคืบของศัตรูติดตามมา ดังนั้นจำเป็นต้องคิดการที่สำคัญ และโดยอาศัยประชาชนและพลังอำนาจภายในประเทศ จะต้องดำเนินการในลักษณะที่ถ้าหากศัตรูไม่ละมือจากการคว่ำบาตรต่างๆ ก็จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่เสียหายใดๆ ต่อความก้าวหน้า ความรุ่งเรืองและความกินดีอยู่ดีของประชาชน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า จำเป็นที่พวกท่านจะต้องปลดอาวุธการคว่ำบาตรออกไปจากมือของศัตรู ทั้งนี้เนื่องจากว่าถ้าพวกท่านคาดหวังไปที่มือของศัตรูแล้ว การคว่ำบาตรต่างๆ ก็จะยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ดังเช่นที่วันนี้อเมริกาได้พูดอย่างน่าเกลียดที่สุดว่า แม้ว่าอิหร่านจะยอมถอยในประเด็นของนิวเคลียร์ก็ตาม การคว่ำบาตรจะไม่ถูกยกเลิกทั้งหมดภายในทีเดียว
จากนั้นท่านผู้นำสูงสุด ถามว่า จากข้อเท็จจริงเหล่านี้ ยังจะมอบความหวังให้กับพวกเขาอีกหรือ???
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวเสริมว่า ข้าพเจ้าไม่คัดค้านการเจรจา แต่มีความเชื่อว่า หัวใจต้องตั้งมั่นบนความหวังที่เป็นจริง หาใช่ตั้งความหวังต่อสิ่งที่แปลกปลอม เลื่อนลอยและจินตนาการ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า อนาคตของอิหร่านจะสดใสอย่างแน่นอน พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ด้วยความโปรดปรานจากพระผู้อภิบาล พวกเราทุกท่านจะสามารถเดินตามแนวทางแห่งความภาคภูมิใจในการบรรลุซึ่งอุดมการณ์เช่นนี้ และบรรดาเยาวชนในประเทศก็จะสามารถประจักษ์เห็นว่าบรรดาศัตรูผู้อหังการและกดขี่จะต้องเคารพนอบน้อม คารวะและสยบต่อเบื้องหน้าเราอย่างแน่นอน