สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะสมาชิกสภาเลือกผู้นำเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บรรดาคณะสมาชิกสภาเลือกผู้นำสูงสุด เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติ     ซึ่งท่าน ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ได้ทำการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ของโลก ของภูมิภาคและของประเทศอิหร่าน รวมทั้งสัญญาณต่างๆ ในการก่อรูปขึ้นของ "การจัดระเบียบโลกใหม่" พร้อมกันนั้นท่านได้อธิบายสาเหตุหลักต่างๆ ของความสั่นคลอนของรากฐานต่างๆ "ทางด้านความคิดและการปฏิบัติ" โดยการครอบงำของตะวันตกและการจัดระเบียบโลกใหม่ในขณะนี้     และท่านได้ย้ำว่า  ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญและอ่อนไหวเช่นนี้ ภารกิจที่สำคัญที่สุด คือการเพิ่มอำนาจของประเทศ เพื่อที่จะเข้าไปมีอิทธิพลและบทบาทในกระบวนการของการจัดระเบียบโลกใหม่ โดยที่การเพิ่มอำนาจดังกล่าวนี้ จะขึ้นอยู่กับสามพื้นฐานหลัก คือ "วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี"  "เศรษฐกิจ" และ "วัฒนธรรม" 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เอกภาพและความสามัคคีเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของประเทศ และถือเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องให้การสนับสนุนรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆที่ทำหน้าที่ในการบริหาร 

ช่วงแรกของการพบปะครั้งนี้ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ได้เทิดเกียรติในเกียรติคุณที่ทรงคุณค่าของอยาตุลลอฮ์ มะฮ์ดาวี กะนี ประธานสภาเลือกผู้นำ พร้อมกับวิงวอนขอดุอาอ์ให้ทรงหายป่วยในเร็ววัน  พร้อมกันนั้นยังได้รำลึกถึงสมาชิกสภาเลือกผู้นำบางท่านที่ได้เสียชีวิตในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอีกด้วย  และจากนั้นได้กำชับแนะนำให้ทุกคนใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากความบารอกัตของเดือนซุลกิอฺเดาะห์ อันเป็นเดือนแห่งการเตาบะห์และการกลับคืนสู่อัลลอฮ์(ซบ) 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ทำการวิเคราะห์โดยรวมเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของโลก  ภูมิภาคและของประเทศอิหร่าน  ซึ่งได้กล่าวว่า  สถานการณ์ในปัจจุบันเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของการจัดระเบียบโลก ซึ่งถูกวางรากฐานเมื่อ 70   ปี ก่อน โดยชาติตะวันตก รวมทั้งยุโรปและอเมริกา  และการก่อรูปขึ้นของระเบียบโลก 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงสองพื้นฐานหลัก คือด้าน “ ความคิดและค่านิยม”  และ “การเมืองและการทหาร” คือระบอบที่ดำรงอยู่ในโลกในช่วง 70   ปี ทีผ่านมา   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า   สถานการณ์เปลี่ยนแปลงในระดับโลกและระดับภูมิภาคในช่วงหลายปีที่ผ่านมา   มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทั้งสองพื้นฐานอำนาจของตะวันตกนั้น กำลังเผชิญกับความท้าทายและความสั่นคลอนอย่างรุนแรง  


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงพื้นฐานทางด้าน “ความคิดและค่านิยม”  ของระบอบตะวันตก  ว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตะวันตกได้พยายามสร้างคำขวัญสโลแกนที่ดึงดูดใจและเป็นเรื่องหลอกลวง อาทิเช่น  “เสรีภาพ” “ประชาธิปไตย” “สิทธิมนุษยชน” และการพิทักษ์ปกป้องมนุษย์ชาติ”  เพื่อที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความเหนือกว่าของค่านิยมแห่งระบอบการปกครองของตนที่มีเหนือภูมิภาคอื่นๆ ของโลกและศาสนาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาอิสลาม    แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งที่ในโลกอิสลามนั้น  โดยเฉพาะ มีคนบางคน บางกลุ่ม  บุคคลสำคัญและมีชื่อเสียง และบางรัฐบาลที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคำขวัญและสโลแกนเหล่านี้ ที่เชื่อในความเหนือกว่าของค่านิยมต่างๆตามคำกล่าวอ้างของตะวันตก  และแนวคิดเช่นนี้ก็ยังคงมีผู้สนับสนุนอีกด้วย 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง ในประเด็นพื้นฐานทางด้าน “การเมืองและการทหาร”ของอารยะธรรมตะวันตก ว่า   หากประชาชาติ รัฐบาลหรือกลุ่มความเคลื่อนไหวต่างๆไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของระบอบค่านิยมตามคำกล่าวอ้างของตะวันตกแล้วไซร้ อีกทั้งพวกเขามีการยืนหยัดอย่างมั่นคงในการเผชิญหน้ากับมันแล้ว พวกเขาก็จะถูกจัดการด้วยกับการกดดันทางด้านการเมืองและการทหาร ซึ่งมีตัวอย่างมากมายเกี่ยวกับการกดดันเหล่านี้ในประเทศต่างๆ อาทิเช่นในอิหร่าน”


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ระบอบตะวันตกได้ใช้ประโยชน์จากหน่วยงานต่างๆ ทางด้านโฆษณาชวนเชื่อที่ขยายวงมากขึ้นในแต่ละวัน และมีความทันสมัยมากขึ้น  เพื่อที่จะยัดเหยียดสองพื้นฐานหลักนี้ให้แก่ชนชาติต่างๆ และพยายามที่จะทำให้บรรดานักคิด ปัญญาชนและชนชาติทั้งหลายได้มั่นใจว่า ระบอบค่านิยมของตะวันตกนั้นเป็นระบอบที่ดีที่สุดในโลก


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความสั่นคลอนอย่างรุนแรงในทั้งสองพื้นฐานของระเบียบโลกของตะวันตกในสถานการณ์ปัจจุบันนี้  ด้วยการอธิบายถึงปัจจัยเหตุต่างๆ ที่ทำให้รากฐานทาง ด้าน “ความคิดและค่านิยม” หรือการครอบงำทางจิตวิญญาณของตะวันตกที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย โดยกล่าวว่า  วิกฤตทางด้านศีลธรรมที่เพิ่มทวีคูณขึ้นในตะวันตก อย่างเช่น ความแพร่กระจายของความไร้สาระ ความไร้ประโยชน์และความไม่สงบมั่นทางอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนหนุ่มสาว ความสั่นคลอนของรากฐานของครอบครัว การกำหนดทิศทางที่ผิดพลาด โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับ “สตรี” และสร้างกระแสปมคำถามที่ร้ายแรงของเฟมินิสต์ (การเรียกร้องสิทธิสตรี) และสร้างค่านิยมที่ดีงามของความชั่วต่างๆ อย่างเช่น เรื่องของรักร่วมเพศ และกลับกลายเป็นค่านิยมของการต่อต้านผู้ที่ต่อต้านความชั่วต่างๆ เหล่านี้คือปัจจัยเหตุประการแรกของการตกอยู่ในความท้าทายของพื้นฐานทาง “ความคิดและค่านิยม” ของตะวันตก” 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า  กระแสความโน้มเอียงมาสู่ศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาอิสลามที่เพิ่มมากขึ้นในทุกวัน และการหันมาให้ความสนใจกับคัมภีร์อัลกุรอานในตะวันตกนั้น คือปัจจัยเหตุประการที่สอง   ซึ่งท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความขัดแย้งต่างๆ ในทางปฏิบัติที่ปรากฏขึ้นจากคำขวัญต่างๆ ตามคำกล่าวอ้างของชาวตะวันตก พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ตะวันตกพูดพร่ำอยู่ตลอดเวลาในทุกลมหายใจเข้าออกเกี่ยวกับเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย แต่กลับละเมิดในการปฏิบัติตามคำขวัญเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันการนำเสนอคำขวัญเหล่านี้โดยสื่อตะวันตกนั้น กลายเป็นเรื่องลามกไปแล้ว 


ท่านอยาตุลลอฮ์  คาเมเนอี ได้ชี้ถึงสถิติที่น่าประหลาดใจของการสนับสนุนของตะวันตกต่อการทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลที่เป็นอิสระทั้งหลาย โดยกล่าวว่า  บนพื้นฐานของบางรายงานนั้น นับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาได้ทำการโค่นล้ม 50 รัฐบาล และได้ต่อต้านคัดค้านขบวนการมุกอวิมัตของประชาชนหลายสิบกลุ่ม 


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การใช้ระเบิดปรมาณูของอเมริกา  การฆ่าสังหารหมู่ประชาชนสองแสนคนในประเทศญี่ปุ่น การสร้างเรือนจำกวนตานาโม อบูฆอริบ และคุกลับอีกหลายสิบแห่งในยุโรปนั้น  คือส่วนหนึ่งของตัวอย่างของความขัดแย้งระหว่างคำขวัญต่างๆ ที่หลอกลวงของชาวตะวันตกในการปฏิบัติของพวกเขา    และท่านผู้นำสูงสุดกล่าวว่า  การใช้กำลังความรุนแรงและการปราบปราม อย่างเช่น การคว่ำบาตรประเทศและรัฐบาลต่างๆ ที่ต่อต้านการครอบงำ การใช้วิธีการลอบสังหาร การสร้างกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ และการส่งกองทัพทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรุกรานอิรักและอัฟกานิสถานและการโจมตีต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อปากีสถาน คือปัจจัยเหตุประการที่สี่ของความสั่นคลอนของรากฐานทาง “ความคิดและค่านิยม”   ของระบอบของตะวันตก   

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า ปัจจัยเหตุประการที่ห้าและประการสุดท้ายที่ก่อให้เกิดการท้าทายต่อค่านิยมและคำขวัญต่างๆ ของตะวันตก คือการสร้างกลุ่มกระแสต่างๆ อย่างเช่น “อัลกออิดะฮ์” และ “ดาอิช” พร้อมกับกล่าวเสริมว่า   แม้ตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกาจะกล่าวอ้างว่า  กลุ่มความเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเขา แต่ทว่าบนพื้นฐานของพยานหลักฐานต่างๆ นั้น ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยใดๆ เลยว่า กลุ่มความเคลื่อนไหวเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยมือของเหล่ามหาอำนาจตะวันตกและบรรดาสมุนของพวกเขาในภูมิภาค


 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  กล่าวย้ำว่า  ปัจจัยเหตุเหล่านี้ได้ทำให้ระบอบค่านิยมของชาวตะวันตกที่พวกเขากล่าวอ้างความเหนือกว่าของมันนั้น ต้องเผชิญกับการท้าทายอย่างรุนแรง และไม่มีใครอีกแล้วที่จะยอมรับคำขวัญการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตยและเสรีภาพจากพวกเขา


 จากนั้นท่านผู้นำสูงสุดได้อธิบายถึงปัจจัยเหตุต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความท้าทายต่อรากฐานของ “อำนาจทางการเมืองและการทหาร” ของตะวันตก โดยกล่าวว่า   สาเหตุที่สำคัญที่สุดในความสั่นคลอนของอำนาจนี้ก็คือ การสถาปนาของระบอบที่อยู่บนวางพื้นฐานแนวคิดต่างๆ แห่งอิสลาม และขบวนการเคลื่อนไหวในทางปฏิวัติในอิหร่าน ในฐานะที่เคยเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของอเมริกา โดยที่ระบอบนี้ไม่เพียงแต่ไม่ถูกทำลายลงด้วยกับการโจมตีต่างๆ ที่หลากหลายทางด้านการเมือง การทหาร ความมั่นคงและทางด้านเศรษฐกิจจากตะวันตกเพียงเท่านั้น แต่ทว่าขณะนี้ยังแข็งแกร่งและทรงอำนาจมากขึ้นอีกด้วย 


ท่านผู้นำของการปฏิวัติ ถือว่า ระบอบสาธารณรัฐอิสลามเป็นระบอบที่แข็งแกร่ง แต่ขณะเดียวกันก็ยังถูกกดขี่ และกล่าวเสริมว่า  การยืนหยัดแปดปีของประเทศอิหร่านในสงครามพิทักษ์ปกป้องอันศักดิ์สิทธิ์นั้น ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ศักยภาพและความสามารถต่างๆ ทางด้านการทหารและความมั่นคงของมหาอำนาจผู้ครอบงำก็ไม่สามารถที่จะทำให้การยืนหยัดต้านทานของประเทศหนึ่งลดน้อยถอยลงไป”


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในภูมิภาค อย่างเช่นสงคราม 33 วันในเลบานอน สงคราม 22 วันและ 8 วันในฉนวนกาซ่า และสงคราม 50 วันครั้งล่าสุดในฉนวนกาซ่านั้น เป็นส่วนหนึ่งจากประเด็นที่มีผลกระทบต่อความสั่นคลอนของอำนาจทางทหารและการเมืองของตะวันตก และท่านได้กล่าวย้ำว่า  สงครามครั้งล่าสุดในฉนวนกาซ่า คือตัวอย่างหนึ่งของปาฏิหาริย์ เพราะการยืนหยัดของประชาชนในพื้นที่ขนาดเล็กและมีขอบเขตจำกัด ได้เป็นเหตุที่ทำให้รัฐบาลยิวไซออนิสต์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจของตะวันตกในภูมิภาคตะวันออกกลางต้องคุกเข่าลง และแม้จะมีการยืนกรานรบเร้าของรัฐบาลยิวไซออนิสต์เพื่อให้ยอมรับข้อตกลงหยุดยิง แต่ประชาชนของฉนวนกาซ่าก็ไม่ยอมรับมัน จนกระทั่งได้บรรลุเงื่อนไขต่างๆ ที่ตนต้องการ” 


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงมุมมองของผู้มีอิทธิพลบางคนในตะวันตกที่กล่าวว่า ตัวเลือกทางทหารนั้นไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพอีกต่อไปแล้วสำหรับตะวันตก พร้อมกับกล่าวเสริมว่า   ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ ศักยภาพและความสามารถต่างๆ ทางด้านการทหารและด้านความมั่นคงของตะวันตกได้ตกอยู่ในความท้าทายอย่างสมบูรณ์แล้วภายหลังจากการอธิบายถึงสาเหตุต่างๆ ของความสั่นคลอนอย่างร้ายแรงของรากฐานอำนาจในการครอบงำของตะวันตกแล้ว ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวว่า “สาเหตุและเหตุผลทั้งหมดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ระบอบปัจจุบันของโลกไม่อาจที่จะดำเนินสืบเนื่องต่อไปได้อีกแล้ว และระเบียบใหม่กำลังจะก่อรูปขึ้น แต่คำถามก็คือว่า   หน้าที่ของเราในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้คืออะไร ? 


ในการตอบคำถามข้อนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึงสองประเด็นด้วยกัน  ประเด็นแรก คือ เราจะต้องเข้าใจถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ของโลกและของภูมิภาคอย่างถูกต้องแท้จริง และหลีกเลี่ยงจากการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดและกลับตะละปัด

  

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวเสริมว่า บางคนในภูมิภาคนี้และแม้แต่ในประเทศนี้ยังเชื่อว่า “ในการเผชิญกับตะวันตกนั้น เราไม่มีหนทางอย่างอื่นนอกจากมีเพียงหนทางเดียว นั่นคือการยอมจำนน !  หากเราไม่ยอมจำนนด้วยความยินยอมและความต้องการของตัวเราเองแล้ว พวกเขาก็จะบีบบังคับเราให้ยอมจำนน ด้วยการกดดันในการคว่ำบาตรทางการเมืองและเศรษฐกิจและใช้กำลังทหาร”


 ท่านผู้นำสูงสุดได้ย้ำว่า “การวิเคราะห์นี้เป็นสิ่งที่ผิดพลาดและเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะจากข้อเท็จจริงต่างๆ ของโลกและของภูมิภาค บ่งชี้ถึงความสั่นคลอนอย่างรุนแรงของรากฐานอำนาจของตะวันตกแล้ว   ดังนั้นเราจะต้องเข้าใจข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างถูกต้อง เพื่อที่จะต้องไม่ตกอยู่ในการวิเคราะห์ที่ผิดพลาด” 

ประเด็นที่สอง ที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวถึงในฐานะหน้าที่ในสถานการณ์ปัจจุบัน นั่นคือการเตรียมความพร้อมสำหรับการมีบทบาทในระเบียบโลกใหม่ ด้วยหนทางของการสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศมากยิ่งขึ้น 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่าสิ่งจำเป็นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศนั้น คือการใช้ประโยชน์จากศักยภาพต่างๆ ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ พร้อมกับกล่าวว่า บรรดาผู้สนับสนุนระบอบสาธารณรัฐอิสลามในภูมิภาคนั้นคือจุดสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ของเรา นอกจากนี้ในลาตินอเมริกาและในส่วนต่างๆ ที่สำคัญของเอเชีย เราก็มีจุดสำคัญในทางยุทธศาสตร์อยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ประโยชน์จากจุดเหล่านี้อย่างถูกต้อง 

ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายถึง “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” “เศรษฐกิจ” และ “วัฒนธรรม” ว่าเป็นสามองค์ประกอบหลักที่สำคัญสำหรับการเพิ่มอำนาจของประเทศ และกล่าวเสริมว่า รัฐบาล เจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ที่มีบทบาทของประเทศ จำเป็นจะต้องดำเนินการเคลื่อนไหวอย่างจริงจังในทั้งสามภาคส่วนนี้ ด้วยการปฏิบัติงานอย่างสุดความพยายามและอย่างต่อเนื่อง  และจะต้องจัดเตรียมพื้นฐานการพัฒนาประเทศให้มากยิ่งขึ้นกว่านี้ 


 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าปัญหาเกี่ยวกับประชากรและการเพิ่มจำนวนของคนหนุ่มสาวก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในอำนาจของชาติ และโดยเฉพาะในเรื่องของ “วัฒนธรรม” พร้อมกับได้กล่าวว่า   ท่ามกลางสามองค์ประกอบหลักที่สำคัญนี้ เรื่องของ “วัฒนธรรม” เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นทั้งหมดสำหรับการเพิ่มอำนาจให้กับประเทศ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อและความศรัทธาของประชาชนโดยตรง 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงการทุ่มทุนอย่างมหาศาลของสื่อต่างๆ ของตะวันตกเพื่อที่จะสร้างอิทธิพลครอบงำเหนือความเชื่อและความศรัทธาของประชาชน โดยกล่าวว่า วัคซีนป้องกันทุกประเด็นเหล่านี้ คือการจัดเตรียมแผนงานต่างๆ ที่จะช่วยสร้างความเข้าใจและความมั่นใจในเรื่องของความเชื่อทั้งหลาย ซึ่งในบริบทนี้ บทบาทของบรรดาผู้รู้ศาสนา อุลามาอ์  นักพูด องค์กรต่างๆ ทางด้านวัฒนธรรม ด้านการเผยแพร่และสื่อต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิทยุและโทรทัศน์ ในการสร้างความลึกซึ้งต่อความเชื่อและความศรัทธาทางศาสนาของประชาชนนั้น นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก 


 ในเรื่องนี้ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่าความสัมพันธ์ของนักวิชาการศาสนาที่มีต่อประชาชนนั้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งประการหนึ่ง


ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวเสริมเกี่ยวกับความสำคัญของเอกภาพและความสามัคคีในสถานการณ์ปัจจุบันว่า ถึงแม้ในปัญหาต่างๆ ทางด้านการเมืองจะมีความแตกต่างของความคิดเห็นอยู่ก็ตาม แต่ประเด็นนี้จะต้องไม่ทำลายความเป็นเอกภาพและความสามัคคีของประเทศเป็นอันขาด 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ย้ำถึงความจำเป็นในการให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาล พร้อมกับกล่าวว่า ด้วยพระกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า ที่บรรดาเจ้าหน้าที่ในรัฐบาล ตุลาการและหน่วยงานต่างๆ กำลังทำงานและมีความพยายามอย่างเต็มที่ และรัฐบาลที่มีเกียรติก็ได้ทำงานต่างๆ อย่างมากมายในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ และได้รับความสำเร็จอย่างมากมาย  


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ย้ำถึงความยากลำบากของงานต่างๆ ด้านการบริหารและการจัดการประเทศ พร้อมกับกล่าวว่า  การให้การสนับสนุนรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ทางด้านการบริหารนั้นเป็นหน้าที่ของทุกคน    และท่านกล่าวเสริมว่า  อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์และชี้แนะถึงจุดอ่อนของแผนงานและนโยบายต่างๆ ทางด้านการบริหาร แต่การวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะต้องไม่ออกมาในรูปของการทำลาย


 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า  ดังที่ข้าพเจ้าได้พูดย้ำมาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า ขอบฟ้าแห่งอนาคตนั้นสดใสมาก และอนาคตของประเทศในทุกด้านนั้นจะดีขึ้น


700 /