เมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ บรรดาเอกอัครราชทูตและตัวแทนเจ้าหน้าที่ของอิหร่านที่ปฏิบัติภารกิจอยู่นอกประเทศเข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า หน่วยงานด้านการทูตของประเทศคือผู้ที่อยู่ในแนวหน้าในการปกป้องเป้าหมายผลประโยชน์ของชาติและแหล่งต้นทุนแห่งชาติของประชาชนชาวอิหร่าน พร้อมกับอธิบายถึงคุณลักษณะพิเศษต่างๆทางด้านการทูตของอิหร่านและความจำเป็นทางการทูตที่ปฏิบัติการอย่างเอาจริงเอาจังและด้วยความชาญฉลาดในช่วงเวลาที่มีความสำคัญยิ่งของการเปลี่ยนผ่านไปสู่การจัดระเบียบโลกใหม่นี้และท่านยังได้อธิบายคำพูดต่างๆที่สำคัญเกี่ยวกับความไร้ประโยชน์ในการปฏิสัมพันธ์กับอเมริกา
ท่านผู้นำสูงสุดได้อธิบายถึงความสำคัญของงานด้านการทูต ว่า นักการทูตที่ชาญฉลาดและมีการปฏิบัติการอย่างเอาจริงเอาจังนั้น สามารถที่จะก้าวบรรลุซึ่งประโยชน์ต่างๆที่สำคัญทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ มนุษย์ธรรม และสังคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการขับเคลื่อนใดๆ เช่น การก่อสงครามที่ใช้งบประมาณมหาศาลและมีความซับซ้อน ก็ไม่สามารถที่จะบรรลุผลได้ ซึ่งข้อเท็จจริงเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงน้ำหนักและฐานะภาพของหน่วยงานด้านการทูตในการบริหารจัดการประเทศ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงปรากฏการณ์และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเขตภูมิภาคในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวมา พร้อมกับกล่าวว่า
มหาอำนาจมีความพยายามที่จะเอื้อผลประโยชน์ของตนด้วยการใช้อำนาจกองกำลังและอาวุธแต่ก็ล้มเหลว ทว่าผู้ที่สามารถปกป้องและเอื้อผลประโยชน์ให้กับตนได้เป็นอย่างดีนั้นคือผู้ที่มีความสามารถ ศักยภาพ ชาญฉลาด และมีการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า กระทรวงต่างประเทศ คือกองทัพที่มีระเบียบวินัยทางการทูตของประเทศ พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ในประเด็นนโยบายการเมืองต่างประเทศ ก็จะมีหน่วยงานอื่นๆที่จะสามารถมีอิทธิพลและบทบาทเช่นกัน ทว่ากระทรวงต่างประเทศนั้น ถือเป็นองค์กรที่มีความพร้อมและกองทัพที่มีระเบียบวินัยที่จะต้องแบกรับภารกิจหลักอันนี้
ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายถึงเงื่อนไขและปัจจัยสำคัญของนักการทูตที่ประสบความสำเร็จ โดยย้ำถึงความจำเป็นในการกำหนดทิศทางที่เม่นย้ำและมีความชัดเจนในเป้าหมาย ว่า วัตถุประสงค์บางอย่างนั้นเป็นอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่และเป็นอุดมการณ์แห่งชาติ และบางครั้งก็เป็นอุดมการณ์เชิงกลยุทธ์และระดับภูมิภาค และบางส่วนเป็นเพียงช่วงเวลาที่จำกัดเฉพาะและขึ้นอยู่กับสถานะภาพ ซึ่งเป้าหมายต่างๆเหล่านี้จำต้องมีการกำหนดอย่างชัดเจนในทุกระดับชั้นและทุกภาคส่วน เพื่อให้หน่วยงานและองค์ประกอบทั้งหมดที่มีความเคลื่อนไหวทางการทูตในหน่วยงานต่างๆนั้นได้ตระหนักในภาระหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า “การจัดระเบียบที่เหมาะสม” เป็นเงื่อนไขประการที่สองของนักการทูตที่ประสบความสำเร็จ พร้อมกับกล่าวเสริมว่า การจัดระเบียบนี้จำต้องมีมุมมองยังเป้าหมายและคำนึงถึงความสามารถในการดำเนินการด้วย
ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า การมีองค์ประกอบและบุคลากรที่เหมาะสมก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งของความสำเร็จของนักการทูต
ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายถึงความหมายของ “ ความสามารถทางการทูต” และชี้ถึงองค์ประกอบบางอย่าง อาทิเช่น “สติปัญญา ความชาญฉลาดและความสามารถทางการทูต” “ความยืดหยุ่นที่จำเป็น” “การเข้าไปมีบทบาทและอิทธิพลในยามจำเป็น” “การยึดมั่นอย่างสัตย์จริง และเข้าใจในเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง ความชาญฉลาดทางการทูต ว่า คุณลักษณะนี้จะสร้างพลังความสามารถให้กับมนุษย์ในการคาดคะเนเป้าหมายและการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงกันข้ามในการเจรจาและการปฏิสัมพันธ์ และขับเคลื่อนตนเองโดยอาศัยการวางแผนและการปฏิบัติการได้อย่างถูกต้อง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ให้ความหมาย “ ความสามารถทางการทูต” คือ การใช้ประโยชน์อย่างถูกวิธีและถูกเวลาของความยืนหยุ่นและอำนาจ พร้อมกับกล่าวเสริมว่า อีกความหมายหนึ่งของคุณลักษณะนี้คือ ความอ่อนโยนเยี่ยงวีรบุรุษ โดยมีสนธิสัญญาของท่านอิมามฮาซัน มุจญตะบา(อ)เป็นตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ที่มีความรุ่งโรจน์ที่สุด
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า ความอ่อนโยนเยี่ยงวีรบุรุษนั้น แตกต่างกับการอธิบายของคนบางคน ซึ่งสิ่งนี้มีความหมายที่ชัดแจ้งและกระจ่างชัด และตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือการแข่งขันมวยปล้ำ โดยในการแข่งขันมีเป้าหมายเพื่อล้มและเอาชนะคู่แข่ง ซึ่งหากผู้แข่งขันมีเพียงแค่ความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายแต่ขาดการยืดหยุ่นที่จำเป็น มันก็ย่อมแพ้พ่ายในที่สุด แต่ทว่า หากอาศัยใช้ความแข็งแกร่งทางร่างกายและความยืดหยุ่นควบคู่กันไป เมื่อสบโอกาสก็จะสามารถคว่ำคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อธิบาย “การยึดมั่นอย่างสัตย์จริง และเข้าใจในเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง” ว่า หากผู้ใดไม่มีความศรัทธาและไม่เชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งต่อเป้าหมายดังกล่าว และมีความเคลื่อนไหวในด้านทางการทูต เขาก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เปรียบเทียบเวทีทางการทูตเป็นสนามแห่งสงคราม พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ข้อเท็จจริงคือว่า เวทีทางการทูตคือสนามแห่งการชิงชัย ซึ่งหากผู้ใดไร้ความศรัทธาที่แท้จริงต่อเป้าหมาย และได้ลงมือปฏิบัติในสิ่งนี้ ก็จะพบกับความพ่ายแพ้ในขณะนั้นทันที หรือไม่ก็ในช่วงท้ายเกม
การขับเคลื่อนอย่างมากมายและต่อเนื่อง เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดได้อธิบายความจำเป็นของนักการทูตที่ประสบความสำเร็จพร้อมกับกล่าวเสริมว่า การขับเคลื่อนที่รวดเร็วอย่างสูงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจแยกจากการทูต และควรจะมีการพิจารณาอย่างจริงจังในท่ามกลางบรรดาเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานด้านการทูต
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ประเมินสถานการณ์ปัจจุบันนี้ว่า เป็นช่วงเวลาแห่งการก้าวข้ามสู่การจัดระเบียบโลกใหม่ และกล่าวเสริมว่า ในขณะที่มีตัวละครดั่งเดิมแล้ว ยังมีตัวละครใหม่เกิดขึ้นและเข้าสู่สนามในทวีปเอเชีย แอฟริกาและลาตินอเมริกา โดยมีความเพียรพยายามที่จะสร้างความมั่นคงให้กับสถานะภาพของตนในการจัดระเบียบโลกใหม่
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ในช่วงเวลานี้ การมีนักการทูตที่มีความแข็งแกร่ง และมีประสิทธิภาพนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ด้วยเหตุนี้ในวันนี้งานของกระทรวงต่างประเทศมีความสำคัญและมีความอ่อนไหวมากกว่าอดีตที่ผ่านมา
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า หากในห้วงเวลานี้หน่วยงานด้านการทูตสามารถปรากฏตัวโดยมีการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง มีความชาญฉลาดและมีเกียติยศศักดิ์ศรี จะทำให้สถานะภาพของสาธารณรัฐอิสลาม มีความแข็งแกร่ง มั่นคงและโดดเด่นมากยิ่งขึ้นในการจัดระเบียบโลกใหม่ในช่วงสิบปีข้างหน้า หากมิฉะนั้นแล้วก็จะไม่ได้รับสถานะภาพที่เหมาะสมและคู่ควรในโลกแห่งการพัฒนา
“การล่าโอกาสและใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องจากสิ่งเหล่านี้”เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้แนะให้กับเจ้าหน้าที่ทางการทูตในประเทศ
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาคและในระดับโลก กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากและจำเป็นจะต้องคอยเฝ้าติดตามมันแบบทุกชั่วขณะและวิเคราะห์ทุกๆ เหตุการณ์และสถานการณ์ด้วยการขับเคลื่อนที่รวดเร็วอย่างสูงและจะต้องทำความเข้าใจในเป้าหมายและอุดมคติต่างๆเพื่อกำหนดท่าทีของตนเองเกี่ยวกับมันได้อย่างถูกต้อง
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายและนโยบายต่างๆ ในท่ามกลางบรรดาเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานด้านการทูตว่า จำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้นยังเป้าหมายและนโยบายมหาภาคอยู่เสมอ ซึ่งจำต้องอยู่ในความสนใจของบรรดาเจ้าหน้าที่บริหารนโยบายต่างประเทศตลอดเวลา
ในเรื่องนี้ ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า“การทำให้ตรรกะของสาธารณรัฐอิสลามเป็นที่ถูกรู้จัก” ซึ่งหมายถึง“ประชาธิปไตยทางศาสนา” นั้นคือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ และกล่าวย้ำว่า ท่านทั้งหลายจงเข้าสู่ประเด็นนี้โดยอย่าได้ท้อถอยเพราะว่าเป้าหมายดังกล่าวนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอิสลามนั้นสามารถที่จะบรรลุผลได้อย่างแท้จริง
ท่านผู้นำการปฏิวัติ ถือว่า การทำให้โลกเห็นถึงจุดเด่นและลักษณะเฉพาะต่างๆทางด้านการทูตของอิหร่านคือหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่งของบรรดาเจ้าหน้าที่การทูตต่างประเทศ
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า การยึดมั่นในมาตรฐานต่างๆ ของบทบัญญัติแห่งอิสลามทั้งในพฤติกรรมส่วนบุคคลและสังคมและในแวดวงการทูตและความไม่เกรงกลัวต่อความน่าเกรงขามและการข่มขู่ของบรรดาประเทศมหาอำนาจอาทิเช่น อเมริกานั้นเป็นคุณลักษณะเฉพาะทางด้านการทูตของอิหร่านและควรให้ความสนใจอย่างจริงจัง
ท่านผู้นำการปฏิวัติ ได้กล่าวว่า ความไม่เกรงกลัวอำนาจของระบบครอบงำ ภายหลังจากการปฏิวัตินั้นได้กลายเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นของนโยบายต่างประเทศของสาธารณรัฐอิสลาม โดยที่คุณลักษณะเฉพาะดังกล่าวนี้ยังได้สร้างแรงดึงดูดขึ้นในหัวใจของชนชาติทั้งหลายและบรรดานักการเมืองของโลกก็ได้แสดงการยกย่องให้เกียรติไม่ว่าพวกเขาจะพูดออกมาหรือปกปิดมันไว้ก็ตาม
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้แนะนำถึง“การปกป้องที่ชัดเจนหนักแน่นและอย่างแท้จริงต่อบรรดาผู้ถูกกดขี่” ว่า เป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะเฉพาะทางด้านการทูตของอิหร่านและกล่าวเสริมว่า คุณลักษณะเฉพาะนี้ในตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังการปฏิวัติ ได้ถูกสำแดงให้เห็นในการป้องกันประชาชนและบรรดานักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์และเลบานอนและในกรณีอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน
ท่านผู้นำการปฏิวัติถือว่า “การต่อต้านอย่างจริงจังต่อระบอบจักรวรรดินิยม” นั้น เป็นคุณลักษณะเฉพาะที่ชัดเจนของนโยบายต่างประเทศของสาธารณรัฐอิสลาม และท่านได้กล่าวเสริมว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ของเราจะต้องคัดค้านต่อต้านอย่างเต็มที่และมีเกียรติด้วยความกล้าหาญที่เด็ดเดี่ยวและไม่เกรงกลัวใดๆต่อการปรากฏตัวของพวกจักรวรรดินิยมในทุกที่ของโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า“การสนองตอบผลประโยชน์ของชาติ” คือหนึ่งในเป้าหมายร่วมกันของหน่วยงานทางการทูตทั้งหมดของโลก และกล่าวเสริมว่า ในการทูตของอิหร่านนั้นนอกเหนือจากความพยายามในการตอบสนองผลประโยชน์ของชาติแล้ว“การพิทักษ์ปกป้องแหล่งทุนของชาติ” ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะว่าถ้าหากแหล่งทุนของชาติสูญเสียไปจะทำให้หน่วยงานด้านการทูตขาดแรงบันดาลใจในการสนับสนุนและผลประโยชน์ของชาติก็จะไม่ได้รับการตอบสนอง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า “อัตลักษณ์แห่งชาติ อิสลาม ปฏิวัติและประวัติศาสตร์” นั้น เป็นแหล่งทุนแห่งชาติอิหร่าน พร้อมกับกล่าวเสริมว่า อิสรภาพได้มาด้วยการปฏิวัติอิสลาม ศาสนา ประชาชาติผู้ศรัทธา เยาวชนนักปฏิวัติ คำพูดที่เด็ดขาดในการเผชิญหน้ากับพวกสวาปาม นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ และนักกิจกรรมความเคลื่อนไหวทางวิทยาศาสตร์ อันเป็นองค์ประกอบของแหล่งทุนแห่งชาติ ซึ่งจำต้องมีการปกป้องรักษาให้มั่นในเวทีด้านการทูตเพื่อที่จะสนองตอบผลประโยชน์ของชาติ
ในช่วงท้ายของคำพูดของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในการพบปะครั้งนี้ท่านได้เน้นย้ำเป็นการเฉพาะถึงประเด็นการปฏิสัมพันธ์กับโลกพร้อมกับการสนับสนุนคำพูดในช่วงสองวันก่อนหน้านี้ของประธานาธิบดีอิหร่านในท่ามกลางบรรดาทูตและเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์กับโลกทั้งหมดนั้น ท่านได้กล่าวเสริมว่า ในกรณีนี้มีสองประเทศที่ถูกยกเว้นนั่นคือรัฐบาลยิวไซออนิสต์และอเมริกา
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายถึงเหตุผลและข้อพิสูจน์หลายประการเกี่ยวกับการปฏิเสธที่จะปฏิสัมพันธ์กับอเมริกาโดยย้ำว่า ความสัมพันธ์กับอเมริกาและการสนทนากับประเทศนี้ยกเว้นในกรณีเฉพาะเท่านั้นไม่เพียงแต่ไม่มีประโยชน์ใดๆแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังมีอันตรายอีกด้วยแล้วผู้มีสติปัญญาคนใดกระนั้นหรือที่จะมุ่งสู่การกระทำที่ไร้คุณประโยชน์เช่นนี้ !
ท่านกล่าวเสริมว่า คนบางคนพยายามที่จะแสดงให้เห็นว่า ถ้าหากเรานั่งร่วมโต๊ะเจรจากับอเมริกาปัญหาจำนวนมากก็จะได้รับการแก้ไขแต่เราทราบดีว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นและกรณีต่างๆในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์ถึงความจริงนี้อีกครั้งหลังจากหลายครั้งที่ผ่านมา
ท่านผู้นำการปฏิวัติได้กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมา ระหว่างเจ้าหน้าที่ของเราและเจ้าหน้าที่ของอเมริกาไม่มีการปฏิสัมพันธ์ใดๆต่อกันแต่ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาที่สำคัญเกี่ยวกับนิวเคลียร์และประสบการณ์ที่ถูกหยิบยกจึงได้มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ตามที่ได้ตกลงกันนั้นบรรดาเจ้าหน้าที่จะต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กันมีการประชุมและปรึกษาหารือกัน ถึงขั้นในระดับของกระทรวงการต่างประเทศแต่ทว่าในการปฏิสัมพันธ์ต่อกันเหล่านี้นอกจากจะไม่มีประโยชน์ใดๆเกิดขึ้นแล้วยิ่งไปกว่านั้นท่าทีของอเมริกากลับรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมและแสดงการดูถูกเหยียดหยามหนักกว่าเดิมและได้แสดงความคาดหวังต่างๆอย่างโอหังมากขึ้นกว่าเดิมทั้งในที่ประชุมเจรจาและในเวทีสาธารณะ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวว่า ทว่าในการเจรจานั้นเจ้าหน้าที่ของเรา ได้ตอบในการเรียกร้องของพวกเขา ด้วยคำตอบที่แข็งกร้าว หรือในบางครั้งเฉียบแหลมและเด็ดขาดมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป และในภาพรวมแล้วการเจรจาจะไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นซึ่งมันค้านกับความคาดหวังของบางคน
ในประเด็นนี้ ท่านผู้นำการปฏิวัติได้ชี้ถึงการยกระดับการคว่ำบาตรของอเมริกา และกล่าวว่า อเมริกาไม่เพียงแต่ไม่ได้ลดความเป็นศัตรูลงแต่พวกเขากลับยกระดับการคว่ำบาตรอีกด้วย ! กระนั้นก็ตามพวกเขากล่าวว่า การคว่ำบาตรนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ในความจริงแล้วมันคือมาตรการใหม่และการเจรจาในเรื่องของการคว่ำบาตรก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ท่านกล่าวเสริมว่า อย่างไรก็ตามในเรื่องของการดำเนินการเจรจาด้านนิวเคลียร์ต่อไปอีกนั้นเราก็จะไม่ห้ามและงานที่ดร.ซอรีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน และทีมงานของตนได้เริ่มต้นไว้จนถึงขณะนี้ก็ได้คืบหน้าไปด้วยดีก็ขอให้ดำเนินการต่อไปแต่สิ่งนี้มันคือประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับทุกคนที่จะทำให้เราได้เข้าใจว่าการนั่งเจรจา และการพูดคุยกับอเมริกานั้นจะไม่ช่วยลดความเป็นศัตรูของพวกเขาและจะไม่มีประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นในการอธิบายถึงความเสียหายต่างๆที่เกิดจากการเจรจากับอเมริกานั้นท่านผู้นำการปฏิวัติได้กล่าวเสริมว่า การเจรจานี้ได้ทำให้เราถูกตั้งข้อกล่าวหาอย่างประชดประชันในความคิดของสาธารณชนและรัฐบาลทั้งหลายและชาวตะวันตกเองก็ประโคมข่าวโฆษณาชวนเชื่ออย่างมโหฬารเพื่อแสดงให้เห็นว่าสาธารณรัฐอิสลามนั้นยอมจำนนแล้วและเป็นผู้กลับกลอก
นอกจากนี้ ท่านผู้นำสูงสุด ยังถือว่าความเสียหายอีกประการหนึ่งของการเจรจากับอเมริกานั้นจะทำให้พวกเขาสร้างความคาดหวังใหม่ๆขึ้น
ในการสรุปคำพูดส่วนนี้ ท่านผู้นำการปฏิวัติได้ถือว่า การปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลไซออนิสต์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และเกี่ยวกับอเมริกานั้นก็ได้กล่าวเช่นกันแล้วว่า ตราบเท่าที่สภาพการณ์ขณะนี้หมายถึงความเป็นศัตรูของอเมริกาและการแสดงความคิดเห็นที่เป็นปฏิปักษ์ของรัฐบาลและรัฐสภาของอเมริกาที่มีต่ออิหร่านยังคงดำเนินอยู่การปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาก็จะไม่มีเหตุผลใดๆและจะไม่มีวันเกิดขึ้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติได้ชี้ถึงความเกลียดชังที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นของชนชาติทั้งหลายที่มีต่ออเมริกาเนื่องจากความร่วมมือต่อการก่ออาชญากรรมของพวกไซออนิสต์ในฉนวนกาซ่า พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ไม่มีใครในโลกที่จะเชื่อว่าอเมริกาจะเป็นผู้บริสุทธิ์จากการมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของรัฐบาล “ผู้ฉกชิงดินแดนผู้มีลักษณะเยี่ยงหมาป่าผู้เป็นฆาตกรผู้ปฏิเสธและผู้กดขี่แห่งไซออนิสต์” ในฉนวนกาซ่าดังนั้นในขณะนี้อเมริกากำลังอยู่ในตำแหน่งของความอ่อนแอมากยิ่งขึ้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติได้ชี้ถึงสถานการณ์ในขณะนี้ของประชาชนผู้ถูกกดขี่ในฉนวนกาซ่า โดยกล่าวว่า ตรรกะของชาวปาเลสไตน์ในประเด็นของการหยุดยิงนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องพวกเขากล่าวว่าการยอมรับข้อตกลงหยุดยิงนั้นหมายความว่ารัฐบาลผู้กระหายเลือดและดุร้ายแห่งยิวไซออนิสต์นั้นทุกโศกนาฏกรรมที่พวกเขาต้องการ พวกเขาก็จะก่อขึ้น และหลังจากนั้นเมื่อพวกเขาไม่ได้ถูกลงโทษใดๆสถานการณ์ก็จะกลับไปสู่ช่วงเวลาก่อนการโจมตีอีกหมายถึงการปิดล้อมที่รุนแรงและการกดดันต่างๆนานา
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวเสริมว่า ดังเช่นที่ชาวปาเลสไตน์ได้กล่าวไปนั้น สำหรับอาชญากรรมทั้งหมดเหล่านี้จำเป็นจะต้องมีการลงโทษแลกเปลี่ยนซึ่งนั่นก็คือการยุติการปิดล้อมฉนวนกาซ่าและคนมีใจเป็นธรรมใดๆก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธสิทธิข้อเรียกร้องที่เป็นสิทธิอันชอบธรรมนี้ได้
ในช่วงท้าย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีได้กล่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิรักว่า อินชาอัลลอฮ์ ด้วยกับการกำหนดตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิรักปมปัญหาต่างๆจะคลี่คลายลงและรัฐบาลจะได้รับการจัดตั้งเพื่อที่จะสามารถดำเนินงานต่อไปได้และจะสอนบทเรียนที่ดียิ่งแก่บรรดาผู้ที่มีเจตนาที่จะสร้างวิกฤตในอิรัก
ท่านผู้นำสูงสุด ได้อวยพรให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่และผู้มีความเคลื่อนไหวในด้านการทูตให้ประสบความสำเร็จในการงาน พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ข้าพเจ้าภาวนาและวิงวอนขอจากเององค์อัลลอฮ์(ซบ)อยู่เสมอ ให้ทรงประทานเตาฟิกแก่รัฐมนตรีต่างประเทศที่เคารพรัก และเพื่อนร่วมงานของท่าน
ก่อนที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามจะกล่าวปราศรัย ดร ซอรีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ได้กล่าวสรุปรายงานความเคลื่อนไหวของการจัดสัมมนาคณะทูตและเจ้าหน้าที่อิหร่านในต่างประเทศ และรายงานความเคลื่อนไหวอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกด้วย