เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรี ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงเนื้อหามาอารีฟที่เต็มไปด้วยสารัตถะอันสูงส่งของนะฮ์ญุลบะลาฆอฮ์ และบางส่วนของเรื่องอัคลาค
ในช่วงแรกของการบรรยาย ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้อธิบายถึงเศษเสี้ยวหนึ่งของสารัตถะของนะฮ์ญุลบะลาฆอฮ์ อันเป็นจดหมายที่ท่านอิมามอะลี(อ)เขียนถึงมาลิกอัชตัร ซึ่งได้กำชับแนะนำโดยรวมในประเด็น การระมัดระวังในเรื่องบัยตุลมาล ความละเอียดอ่อนในการใช้จ่ายเงินบัยตุลมาล หลีกเลี่ยงความรีบเร่งยามเกิดความโกรธเคือง อัคลาคที่รุนแรง ปากจัด ความเย่อหยิ่งและความทระนง พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ท่านอิมามอะลี(อ) ถือว่า หนทางเดียวที่จะกำจัดและหลุดพ้นจากคุณลักษณะและพฤติกรรมที่ไม่ดีงามและไม่เหมาะสม คือ การถือกรรมสิทธิ์และถือครองตนเหนือตัวตน โดยอาศัยแนวทางแห่งการสร้างสัมพันธ์ด้านจิตใจ จิตวิญญาณและการปฏิบัติกับพระผู้เป็นเจ้า
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่ควบคู่ด้วยกับการพินิจพิเคราะห์ ไตร่ตรอง(ตะดับบุร) และการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากเดือนรอมฎอนอันจำเริญ และการปฏิบัติอะมั้ลในเดือนนี้ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สำคัญในการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์และสามารถมีชัยเหนือนัฟซูแห่งตน
หลังจากได้อธิบายประเด็นของอัคลาคบางอย่างแล้ว ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงประเด็นวัฒนธรรมและความท้าทายต่างๆด้านวัฒนธรรม พร้อมกับกำชับและย้ำถึงข้อผิดพลาดด้านวัฒนธรรมที่ไม่อาจชดเชยได้ง่าย โดยกล่าวว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นในเวทีด้านวัฒนธรรมที่จะต้องทำความเข้าใจนโยบายต่างๆของระบอบให้ถูกต้องและนำมาปฏิบัติใช้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆในทิศทางของวัฒนธรรมที่ออกจากกรอบของระบอบอิสลามแล้ว มันจะนำไปสู่ความปั่นป่วนและการหยุดชะงักในวินัยทางปัญญาและอัตลักษณ์ที่แท้จริงของสังคม
จากนั้นท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความสำคัญของเกษตรกรรม พร้อมกับแสดงออกถึงความกังวลในการแปรสภาพและเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินทางการเกษตร ว่า การทำลายพื้นที่การเกษตรเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงที่ไม่สามารถเรียกคืนและแก้ไขได้ ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม จำเป็นต้องจัดการกับปรากฏการณ์นี้อย่างจริงจัง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงโศกนาฏกรรมในกาซ่า ซึ่งมีการเข่นฆ่าพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างป่าเถื่อน โดยเฉพาะบรรดาเด็กๆและสตรีชาวปาเลสไตน์ และถือว่า จุดยืนของประธานาธิบดีและการกระทำของรัฐบาลนั้นถูกต้องและเหมาะสมยิ่ง พร้อมกับกล่าวย้ำว่า เหตุการณ์ในฉนวนกาซ่าถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง และยิวไซออนิสต์ก็ได้ฉวยโอกาสที่โลกอิสลามกำลังละเลย ก่ออาชญากรรมที่ป่าเถื่อนและร้ายแรงครั้งนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า การเข่นฆ่าพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวกาซ่า โดยน้ำมือของยิวไซออนิสต์นั้น รัฐบาลอิสลามและประชาชาติอิสลามจำต้องตื่นจากความหลับใหลและลุกขึ้นมาหยุดความขัดแย้งต่างๆแล้วหันมาสร้างความเป็นเอกภาพความเป็นหนึ่งเดียว
ช่วงแรกของการพบปะครั้งนี้ ท่านฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลีมีน โรฮานีย์ ประธานาธิบดี ได้กล่าวสรุปรายงานผลงานของรัฐบาลชุดนี้ในรอบ 11 เดือนที่ผ่านมา
ช่วงท้ายของการพบปะ ได้มีพิธีนมาซญะมาอะฮ์ร่วมกัน โดยการนำของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี และจากนั้นร่วมละศีลอดพร้อมกัน