ในค่ำคืนวิลาดัต กะรีเมห์ อะห์ลุลบัยต์ ท่านอิมามฮะซัน มุจญตะบา(อ) ได้มีกลุ่มบรรดานักวัฒนธรรม อาจารย์ด้านวรรณกรรมและกวีเปอร์เซีย นักกวีระดับเยาวชนและระดับมืออาชีพ และบรรดานักกวีภาษาเปอร์เซียจำนนวนหนึ่งจากประเทศ ทาจิกีสถาน อินเดีย อัฟกานิสถาน และปากีสถาน ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม
ในการพบปะครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้แสดงความยินดี เนื่องวาระคล้ายันประสูติของท่านอิมามฮะซันมุจญตะบา (อ) พร้อมกับกำชับในการตักตวงโอกาสในสายลมแห่งจิตวิญญาณและความศักดิ์สิทธิ์แห่งค่ำคืนรัตติกาลอันจำเริญ (ลัยละตุลก็อรด์) พร้อมกับถือว่า ฟังก์ชั่นหลักและธรรมชาติของวรรณกรรมคือการตอบสนองความคิดอย่างเต็มรูปแบบ ความรู้สึกและความคิดถึงบทกวี โดยกล่าวเสริมว่า ฟังก์ชั่นหลักของวรรณกรรมคือการปรากฏและการมีอิทธิพลต่อความเงียบสงบของจิตใจและหัวใจของมนุษย์ และเป็นการบำรุงและเสริมสร้างอาหารทางความคิดแด่ผู้ฟัง
ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้ชี้ถึงความเพียรพยายามของชัยฎอน (มาร) ในการเข้าสู่ความเป็นส่วนตัวทางปัญญา ด้วยการฉีดค่านิยมแห่งคุณลักษณะของชัยฎอน ว่า นักกวีมีภาระหน้าที่ เหมือนกับบรรดานักกวีผู้ยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์เปอร์เซีย ด้วยการเข้าสู่ภาวะแวดล้อมนี้อย่างมีศิลปะ โดยสามารถเข้าสู่ความเป็นส่วนตัวทางปัญญาของผู้รับฟัง ด้วยการอัดฉีดเรื่องจิตวิญาณ สร้างแรงบันดาลใจด้านจิตวิญญาณแห่งความหวัง เสริมสร้างความเบิกบาน ความเคลื่อนไหวและความเจริญก้าวหน้า ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะสามารถเสริมสร้างความเข็มแข็งให้กับอัตลักษณ์ที่แท้จริงของประเทศ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปฏิรูป “ ความผิดปรกติทางสังคม” นั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิรูปภายในของมนุษย์ แรงบันดาลใจ ความหวังและความเบิกบานของพวกเขา พร้อมกับกล่าวถึงฟังก์ชั่นทางสังคมของบทกวี ว่า “คุณลักษณะทางวัฒนธรรม” และ “ความได้เปรียบทางวัฒนธรรม” จะเป็นตัวสร้างรูปลักษณ์แห่งอัตลักษณ์วัฒนธรรมของชาติ ซึ่งบทกวีจะต้องพิทักษ์รักษาเอกลักษณ์ประจำชาติ และสร้างความอุดมและความบริสุทธิ์นี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึง “อัตลักษณ์ด้านวัฒนธรรม” ว่า อัตลักษณ์ด้านวัฒนธรรม ในที่นี้หมายถึง “ภูมิปัญญาทางจิตวิญญาณ” และ “ ภูมิปัญญารวม” อันเป็นต้นกำเนิดของชีวิตและความได้เปรียบของประเทศชาติ และการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ผู้มีเกียรติของเรา ก็ถูกรังสรรค์จากอัตลักษณ์วัฒนธรรมเดียวกันที่เกิดจากภูมิปัญญาและความคิดที่เป็นเลิศนี้
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การมีแรงจูงใจที่สำคัญ “พิทักษ์รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม” เป็นปัจจัยพื้นฐานแห่งการสร้างความรู้สึก และความสำนึกในภาระหน้าที่ ในการเผชิญหน้ากับการคุกคามที่ชัดเจนของศัตรูที่มีต่อเอกลักษณ์ประจำชาติ พร้อมกับกล่าวว่า ประเด็นปัญหาของบางคนมีอยู่ว่า บุคคลเหล่านี้จะไม่มองเห็นประเด็นหลักของการคุกคามอย่างกว้างขวางของแนวรบแห่งศัตรูผู้สาบานตน ที่มีต่ออัตลักษณ์อิสลามและวัฒนธรรม แม้นว่ามันจะมีสัญลักษณ์ที่ชัดเจนก็ตาม ทว่าบรรดานักกวี จะต้องอาศัยจิตวิญญาณแห่งศิลปะ โลกทัศน์ที่กว้างไกลและลุ่มลึก และความห่วงใยแห่งตน ลุกขึ้นมาปกป้องอัตลักษณ์อันนี้
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ระลึกถึงความเป็นจริงที่ขมขื่นของโลกปัจจุบันที่รุกล้ำเข้าไปในอำนาจแห่ง “อิสรภาพ ความมั่นคั่ง ศาสนา จิตวิญญาณ เกียรติ และจริยธรรมของประชาชาติ” และการบิดเบือนความจริงโดยสื่อสารมวลชนของมหาอำนาจ ต่อเหตุการณ์แห่งโศกนาฏกรรมฉนวนกาซ่า พร้อมกับกล่าวเสริมว่า บางครั้งเหตุการณ์ที่สัตว์ตัวหนึ่งถูกฆ่าตายในมุมหนึ่งของโลก ก็ได้มีการโฆษณาให้เป็นประเด็นใหญ่โตอย่างอึกกะทึกครึกโครม ทว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด กรณีการบุกโจมตีฉนวนกาซ่า ที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปแล้ว มากกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กที่บริสุทธิ์และถูกกดขี่ ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่สนใจและไม่ให้ความสำคัญแล้ว ทว่าอเมริกา และอังกฤษ ยังได้ประกาศให้การสนับสนุนต่อการก่ออาชญากรรมและการโจมตีครั้งนี้อย่างชัดเจนและเปิดเผย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ความเป็นจริงของโลกปัจจุบัน คือ บรรดามหาอำนาจจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกความชั่วร้าย ความป่าเถื่อน ความเสื่อมทราม เลวทรามและความสกปรก โสโครก เพื่อเอื้อผลประโยชน์ของพวกเขา ในทางตรงกันข้าม พวกเขาจะทำการเผชิญหน้าอย่างรุนแรงและป่าเถื่อน กับทุกความบริสุทธิ์ และความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของพวกเขา
หลังจากที่ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายความจริงที่ขมขื่นเช่นนี้แล้ว ก็ได้ตั้งคำถามว่า บรรดานักกวีที่มี “ความรู้สึก ความสำนึก ภูมิปัญญา ความเข้าใจและความสามารถแห่งการอธิบาย” นั้น จะต้องมีภาระหน้าที่อันใดต่อข้อเท็จจริงอันนี้ และสถานการณ์เช่นนี้ ??
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวตอบว่า บรรดานักกวีที่มีคุณลักษณ์ที่ได้เปรียบเช่นนี้ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันคือความโปรดปราน นิอ์มัตและข้อพิสูจน์ของพระผู้อภิบาลที่จะต้องให้ความช่วยเหลือแนวรบของบรรดาผู้ถูกกดขี่ และนำเสนอความจริงและสัจธรรมผ่านบทกวีของตนเอง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้แสดงความชื่นชมและพอใจต่อความก้าวหน้าคาราวานแห่งบทกวีของประเทศ โดยเฉพาะบทกวีของนักกวีระดับเยาวชนและบทกวีด้านการปฏิวัติอิสลาม พร้อมกับกล่าวเสริมว่า เงื่อนไขหลักของความเป็นอมตะ และความยั่งยืนและทรงอิทธิพลของบทกวีนั้น นอกเหนือจากต้องมีบริบท และเนื้อหาที่ดีแล้ว จะต้องมีองค์ประกอบต่างๆทางศิลปะ และกำหนดการตั้งค่าทางศิลปะที่แข็งแกร่งด้วย