เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา บรรดาเจ้าหน้าที่ พนักงาน และคณะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่างๆในประเทศและบรรดาข้าราชการทหาร ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ในการพบปะครั้งนี้ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายประเด็นหลักที่สำคัญในเรื่องปัญหาภายในและปัญหาต่างประเทศ และความพยายามที่สลับซับซ้อนของหลายฝ่ายในการสร้างความระส่ำระสายและรบกวนในกระบวนการคิดคำนวณของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของสาธารณรัฐอิสลาม อันเป็นเป้าหมายปัจจุบันที่สำคัญของมหาอำนาจโดยเฉพาะอเมริกา พร้อมกันนั้น ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงเหตุการณ์ที่อ่อนไหวในเขตภูมิภาคและระดับโลกซึ่งตั้งอยู่บนบิดที่เป็นข้อเท็จจริงของประวัติศาสตร์
พร้อมกับกล่าวย้ำว่า สาธารณรัฐอิสลาม วางอยู่บนองค์ประกอบหลักของการคิดคำนวณที่มีเหตุผลของตนเอง กล่าวคือ “เชื่อมั่นในพระผู้อภิบาลและประเพณี(ซุนนะห์)ของการสร้าง” และ “ รู้จักศัตรูและไม่ไว้วางใจต่อพวกเขา” และก้าวเดินบนแนวทางแห่งความภาคภูมิใจของตน ด้วยการพึงพาอาศัยประชาชน ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ต่างๆ มีความเพียรพยายาม และบากบั่นต่อสู้ในการติดตามเป็นที่ตั้ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและอุดมการณ์แห่งชาติ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เดือนรอมฎอนอันจำเริญ เป็นฉากเวทีแห่งการต่อสู้และการเผชิญหน้าระหว่าง “ชัยฎอนและพฤติกรรมของชัยฎอน” กับ “ความยำเกรง การเคารพภักดี และพฤติกรรมแห่งความสูงส่งด้านจิตวิญญาณ ” โดยท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ในฉากเวทีที่ตรงกันข้ามนั้น ชัยฎอนมีเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญ และความยำเกรงก็มีฟังก์ชั่นหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน ชัยฎอนพุ่งเป้าเพื่อแสวงหาและทำการก่อกวนในหน่วยงานและกระบวนการคิดคำนวณของมนุษย์ และฉุดกระชากพวกเขาสู่ความผิดพลาดทางการคำนวณ และลงมือทำในสิ่งที่วางอยู่บนความผิดพลาดเหล่านี้ ในขณะที่ความยำเกรง เป็นปัจจัยสร้างความรอบรู้ ความเข้าใจและวิทยาทานให้กับมนุษย์อีกทั้งเป็นตัวแยกแยะระหว่างสัจธรรมกับอธรรม
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การข่มขู่และให้ความหวัง เป็นสองเครื่องมือหลักของชัยฎอนในการสร้างความผิดพลาดทางกระบวนการคิดคำนวณในตัวมนุษย์ พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ด้านหนึ่งชัยฎอนจะทำการข่มขู่ เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับมนุษย์ และอีกด้านหนึ่งจะให้คำมั่นสัญญาที่จอมปลอม หลอกลวง อันเป็นอนาคตที่โกหก จอมปลอมและเลื่อนลอย เฉกเช่นแอ่งน้ำในทุ่งทะเลทรายที่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงประเด็นที่สำคัญ โดยเฉพาะในประเด็นการรู้จักพฤติกรรมของอเมริกาและบรรดามหาอำนาจโลกผู้ล่าอานานิคม ว่า พฤติกรรมของอเมริกาและมหาอำนาจผู้ล่าอานานิคมนั้นเหมือนกับพฤติกรรมของชัยฎอน เพราะพวกเขาจะเพียรพยายามอยู่ตลอดเวลาให้ชาติต่างๆเชื่อฟังและตกอยู่ภายใต้การครอบงำของตน โดยใช้วิธีการข่มขู่และการให้ความหวังโดยเฉพาะความหวังที่พวกเขาไม่มีวันจะทำตาม ส่วนชัยฎอนก็เช่นกัน มีความเพียรพยายามด้วยการข่มขู่และการให้ความหวัง และทำให้หน่วยความจำและการคำนวณของมนุษย์ไม่ทำงาน และในที่สุดทำให้เขาต้องพบกับการคำนวณที่ผิดพลาด
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความผิดพลาดในการคิดคำนวณคือความผิดพลาดที่อันตรายที่สุด พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ทุกคนควรระมัดระวังภัยอันตรายนี้ให้ดี เพราะข้อผิดพลาดในการคำนวณ จะเป็นเหตุให้ความพึงประสงค์และความสามารถต่างๆของมนุษย์ในการกำหนดทิศทางแห่งการตัดสินใจนั้นนำไปสู่ข้อผิดพลาดและการสูญเสีย
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การระมัดระวังในประเด็นนี้สำหรับบรรดาเจ้าหน้าที่นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่ง พร้อมกับกล่าวเสริมว่า หนึ่งในข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ทางการคำนวณ คือ มนุษย์ไม่มองเห็นปัจจัยด้านจิตวิญญาณและแบบอย่าง(ซุนนะห์)ของพระผู้อภิบาล จะคำนึงเพียงแค่กรอบปัจจัยสิ่งที่จับต้องได้ และด้านวัตถุเพียงด้านเดียวเท่านั้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ย้ำถึงเหตุผลแห่งความผาสุกและความอับโชค ความเจริญรุ่งเรืองและถอยหลัง นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่ในกรอบปัจจัยแห่งวัตถุเพียงอย่างเดียว พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ปัจจัยด้านจิตวิญญาณและซุนนะห์ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของพระผู้อภิบาล เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลกระทบได้เป็นอย่างดี และการไม่ให้ความสำคัญต่อสิ่งเหล่านี้ จะก่อให้เกิดความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขและทดแทนได้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายความสำคัญและบทบาทของปัจจัยด้านจิตวิญญาณ และซุนนะห์ของพระผู้อภิบาล โดยอาศัยบางโองการของอัลกุรอาน พร้อมกับยกข้อเท็จจริงที่ปรากฏเห็นในยุคสมัยเป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่ง ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า เององค์อัลลอฮ์ (ซบ) ทรงตรัสว่า หากพวกเจ้าขับเคลื่อนไปในหนทางของพระองค์และช่วยเหลือศาสนาของพระองค์ พระองค์ย่อมจะให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน และซุนนะห์ของพระผู้อภิบาล มันได้เกิดขึ้นมาหลายแล้วนับไม่ถ้วนในหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งเหตุการณ์ตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุด คือ ชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม อันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ชัดเจนที่สุดในห้วงเวลาของประวัติศาสตร์โลก
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า อย่าปล่อยให้ศัตรูอาศัยการข่มขู่และให้ความหวังที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานด้านคิดคำนวณของพวกท่านเป็นอันขาด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึง สงครามที่ไม่มีวันหยุดหย่อนและเข้มข้นระหว่างสาธารณรัฐอิสลามกับมหาอำนาจ นั้น เป็นการเจริญรอยตามบรรดาศาสนทูตของพระองค์ ที่ทำสงครามกับบรรดาฏอฆูต และชัยฎอนที่เป็นมนุษย์และญิน พร้อมกับกล่าวว่า แม้นว่าจะมีปัจจัยยังชีพและสิ่งอำนวยความสะดวกภายนอกและชัยฎอน ก็ตาม การขับเคลื่อนตามแบบอย่างของพระผู้เป็นเจ้าของประชาชาติอิหร่าน นับวันยิ่งหยั่งลึกและแพร่ขยายมากยิ่งขึ้น
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า สองเครื่องมือหลักของศัตรูที่ไร้ประสิทธิภาพ คือ “ การคุกคามทางทหาร” และ “การบอยค็อตร” อันเป็นปัจจัยเหตุที่ทำให้มหาอำนาจผู้อหังการกลับหันมาใช้รูปแบบการก่อกวนในระบอบหน่วยงานด้านความคิดและบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่าน พร้อมกับกล่าวย้ำว่า การขจัดการถูกคว่ำบาตรนั้น จำต้องอาศัยความเพียรพยายามอย่างหนักในด้านเศรษฐกิจแบบต้านทาน และการคุกคามทางทหาร ก็เช่นกัน มันเกิดขึ้นในช่วงที่พวกเขาขาดงบประมาณพอดี จึงเป็นเพียงแค่การคุกคามทางฝีปากเท่านั้น
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่อเมริกาบางคน ที่ยืนกรานในการคว่ำบาตรอิหร่าน ถึงแม้นว่าจะบรรลุข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ก็ตามที ว่า ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ว่า ประเด็นนิวเคลียร์เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น และหากไม่มีจริง ก็จะสรรหาและอุปโลกน์เรื่องอื่นตามมาอีก เช่น ประเด็นสิทธิมนุษย์ชน สิทธิสตรี และประเด็นอื่นๆ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงเครื่องมือหลักประการที่สองของอเมริกา คือ การคุกคามทางทหาร ว่า ประเด็นต่างๆ เช่น การเข่นฆ่าพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ การสังหาร การก่ออาชญากรรม และการปล้นสะดม ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาใช่เป็นปัจจัยแห่งการยับยั้งสำหรับอเมริกาไม่ ทว่า ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า การบุกโจมตีทางทหาร ในวันนี้สำหรับอเมริกามันต้องใช้งบประมาณอย่างมหาศาล ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้สังเกตการณ์และนักวิเคราะห์ระดับโลก จึงมีทัศนะเหมือนกับประชาชาติอิหร่านที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการคุกคามเช่นนี้ของพวกเขา
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง อเมริกาที่ให้การสนับสนุนหมาป่า ที่มีชื่อว่า ซัดดัม ในการโจมตีเครื่องบินโดยสารของอิหร่าน ฆ่าสังหารหมู่บรรดาพลเรือน เด็กสตรีผู้บริสุทธิ์นับพันคน สังหารพลเมืองผู้บริสุทธิ์นับพันคนทั้งในอีรัก อัฟกานิสถาน และสร้างวิกฤติเลือดในประเทศต่างๆภายใต้สโลแกนการปฏิวัติสี พร้อมกับกล่าวเสริมว่า สำหรับอเมริกาแล้ว การดำเนินชีวิต ที่มีความสงบสุข ความสันติของประชาชาติทั้งหลายนั้น มันไม่มีค่าใดๆเลย และหากคิดคำนวณว่ามีผลประโยชน์สำหรับตัวเองแล้ว ก็จะบุกโจมตีในทันทีโดยไม่รีรอแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง บางคำพูดที่กล่าวว่า อเมริกาขัดขวางไม่ให้บุกโจมตียิวไซออนิสต์ ว่า เหตุผลที่อเมริกาขัดขวาง เพราะถือว่าการโจมตีนั้นจะไม่เอื้อผลประโยชน์ให้กับตัวเอง และในที่นี้เราขอย้ำอย่างเด็ดขาดว่า การบุกโจมตีสาธารณรัฐอิสลามนั้น จะไม่เกิดผลดีสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้สรุปเนื้อหาในประเด็นดังกล่าวว่า มือของศัตรูจะว่างเปล่าและจะไม่ได้รับอะไรใดๆเลยจากการคว่ำบาตรและการคุกคาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมีเงื่อนไขว่า เราต้องเป็นผู้ศรัทธา และปรากฏตัวอย่างแท้จริงในภาคสนาม
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงประเด็นหลักที่สำคัญของการปราศรัยในครั้งนี้คือ ความพยายามของมหาอำนาจนักล่าอานานิคมโดยเฉพาะอเมริกา ในการสร้างข้อผิดพลาดทางการคิดคำนวณในการคิดของเจ้าหน้าที่อิหร่าน ซึ่งท่านได้อธิบายประเด็นนี้อย่างละเอียและสมบูรณ์
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ศัตรูรู้ว่า สาธารณรัฐอิสลามนั้น หากมีความปรารถนาที่จะบรรลุซึ่งเป้าหมายหนึ่งเป้าหมายใดแล้ว พวกเขาก็จะพยายามสร้างสิ่งก่อกวนต่อระบอบการคำนวณคิดของเจ้าหน้าที่อิหร่านให้ได้ และจะบรรจุในวาระของตนที่จะไม่ลงมือกระทำในเป้าหมายที่ไม่ได้มีความขัดแย้งกับผลประโยชน์ของอเมริกา ซึ่งสิ่งนี้คือสงครามเย็นนั้นเอง และข้าพเจ้าก็ได้อธิบายหลายปีมาแล้ว
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า แผนการเหล่านี้ของอเมริกาต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน พร้อมกับกล่าวเสริมว่า สาธารณรัฐอิสลาม ตั้งแต่แรกเริ่มวางอยู่บนพื้นฐานของหลักตรรกะแห่งภูมิปัญญา และพึ่งพาอาศัยยังสององค์ประกอบหลัก คือ “เชื่อมั่นในพระองค์และซุนนะห์แห่งการสร้าง” และ “รู้จักและไม่ไว้วางใจศัตรู” ซึ่งนโยบายต่างๆเหล่านี้และการปฏิบัติตนนั้นจะมุ่งเน้นไปยังพลังทางสติปัญญาและพลังทางความคิด และจากนี้ไปก็จะดำเนินไปในลักษณะเช่นนี้ตลอดไป
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายปัจจัยของสององค์ประกอบหลักทางภูมิปัญญา ว่า การไว้วางใจและเชื่อมั่นยังประชาชน ความรักความเมตตา และแรงจูงใจที่สัตย์จริง และบริสุทธิ์ใจ เชื่อมั่นต่อ “เราสามารถทำได้” พึ่งพาการปฏิบัติ และหลีกเลี่ยงจากการว่างงาน ความเกียจค้าน เชื่อมั่นในความช่วยเหลือจากพระองค์ มุ่งมั่นต่อสู้ในภาระกิจการงาน ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ ยืนหยัดบนความเป็นอิสระ เฝ้าระวังในพฤติกรรมของมหาอำนาจผู้อหังการที่มีต่อประชาชาติทั้งหลาย ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยเงื่อนไขที่เป็นแหล่งที่มาของพลังแห่งภูมิปัญญาของสาธารณรัฐอิสลาม กล่าวคือ เป็นระบบของโครงสร้างขั้นพื้นฐานและการกำหนดขั้นตอนนโยบายต่างๆนั้นเอง
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การที่มหาอำนาจผู้อหังการเป็นศัตรูกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านนั้น ในความเป็นจริงก็คือการปฏิปักษ์กับภูมิปัญญา หากมิเช่นนั้นแล้ว “เพียงแค่ชื่อนาม และพิธีกรรมต่างๆทางศาสนาแล้ว” ก็จะไม่ใช่เป็นเรื่องสำคัญและไม่ใช่ธุระสำหรับพวกเขาที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านในลักษณะเช่นนี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงคำพูดของผู้เชี่ยวชาญบางคนของอเมริกาที่กล่าวอ้าง ถึงความเป็นไปได้ในการประนีประนอมระหว่าง “อิหร่านกับอเมริกา” และความเป็นไปไม่ได้ในการประนีประนอมระหว่างอิหร่านกับอเมริกา ว่า คำพูดเช่นนี้ถือว่าเป็นสิ่งถูกต้อง เพราะอเมริกา ก่อนหน้านี้ในยุคสมัยทรราชย์ชาห์ปาห์ลาวี ก็มีความสัมพันธ์ที่ดี และไม่มีปัญหาอะไร แต่ในวันนี้ว่า พวกเขากลายเป็นศัตรูกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ที่ได้เชิญชวนสู่ “ความเป็นอิสรภาพ ความศรัทธา การยืนหยัดต่อสู้กับการกดขี่ และความเป็นเอกภาพของอิสลาม”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้แนะนำกำชับบางประเด็นที่สำคัญให้กับเจ้าหน้าที่และพนักงานของรัฐ
ซึ่งคำแนะนำแรก ที่ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง เหตุการณ์ที่ละเอียดอ่อน อ่อนไวและสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในเขตภูมิภาคและโลก พร้อมกับกล่าวย้ำถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ว่า จงวางตนอยู่บนบิดแห่งประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง และหากไม่แข็งแกร่งพอ ทุกคนก็จะหันมากดขี่เราในทุกด้าน ด้วยเหตุนี้จำต้องมีความแข็งแกร่งให้มากขึ้น
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายองค์ประกอบแห่งการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเข้มแข็งในประเทศ ว่า การมีจิตวิญญาณ การมีโลกทัศน์แห่งความหวัง การปฏิบัติงานและความเพียรพยายาม การรู้จักและเข้าใจปรากฏการณ์และวิกฤติทาง “เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ความมั่นคง และการสกัดกั้นวิกฤติเหล่านี้” อีกทั้งเพิ่มหน่วยงานต่างๆและเพิ่มหน่วยงานของรัฐกับประชาชน สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบแห่งการเพิ่งความแข็งแกร่งให้กับอิหร่าน
คำแนะนำประการที่สองที่ท่านผู้นำกาปฏิวัติอิสลาม ให้ไว้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ คือ รู้คุณค่าแห่งโอกาสสำหรับการปฏิบัติงาน และการรับใช้พี่น้องประชาชน
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า อย่าได้เพียงแต่พูดว่า เราไม่มีวันยอม เพราะคำพูดเช่นนี้ในยุคสมัยที่ผ่านมาก็ได้กล่าวเอ่ยมาแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้ และจำเป็นต้องนำเอาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่มีอยู่มาใช้ และอย่าได้ปล่อยโอกาสและเวลาแห่งการทำงานต้องหลุดลอยไป
ท่านผู้นำสูงสุด ได้แนะนำประการที่สามให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่า จงกำหนดวางการขับเคลื่อนของตนอยู่บนพื้นฐานของหลักการปฏิวัติ และหลีกเลี่ยงจากการสร้างประเด็นข้อปลีกย่อย และมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นหลักการมีความคิดเห็นในแนวเดียวกันของเจ้าหน้าที่สามฝ่าย ก็เป็นอีกประเด็นที่สี่ ที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กำชับและแนะนำแก่เจ้าหน้าที่และคณะผู้บริหารประเทศ การจัดประชุมร่วมของสามฝ่าย การจัดตั้งการประชุมร่วมและทวีภาคีระหว่างสามฝ่าย การแลกเปลี่ยนทัศนะความคิดเห็นและใช้ประโยชน์จากการปรึกษาหารือระหว่างกัน และการบริหารจัดการแบบญิฮาดีย์ ก็เป็นประเด็นที่สำคัญของคำบรรยายของท่านผู้นำสูงสุดในครั้งนี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กำชับในประเด็นท่าทีที่มีต่อรัฐบาล และได้แนะนำบางอย่างให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ย้ำถึงท่าทีที่มีต่อรัฐบาลว่า ข้าพเจ้ายอมรับและให้การรับรองรัฐบาล และจะให้การสนับสนุนรัฐบาลเท่าที่มีความสามารถ และข้าพเจ้าเชื่อมั่นในตัวของบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงการสนับสนุนต่อรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยที่มาจากการเลือกของพี่น้องประชาชน ว่า ทุกๆรัฐบาลที่ผ่านมามีทั้งจุดแข็ง และจุดอ่อน และการวิพากษ์รัฐบาลต่างๆที่ผ่านมานั้น จำต้องให้ผู้ชำนาญการและผู้เชี่ยวชาญ และการวิพากษ์บทแท่นเทศนาธรรม และต่อสาธารณชนนั้นเป็นสิงที่ไม่ควรและไม่เหมาะสมยิ่ง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า ทว่าสำหรับรัฐบาลชุดนี้ การวิพากษ์ในลักษณะต่างๆนั้น จำต้องอาศัยหลักความเป็นธรรม ให้เกียรติ และมีความเอื้ออาทร และห่างไกลจากความอคติและรังแกต่อรัฐบาล
่ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กำชับแก่เจ้าหน้าที่รัฐ ให้มีความจริงจังในการดำเนินนโยบายต่างๆทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืน พร้อมกับกล่าวว่า ประธานาธิบดีที่เคารพรัก และบรรดาเจ้าหน้าที่บางท่าน พวกท่านได้เอ่ยกล่าวถึงการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจแบบยั่งยืนมาพอสมควรแล้ว ทว่าสิ่งที่สำคัญคือ การลงมือปฏิบัติ และอย่าได้เป็นไปในลักษณะที่ว่า ปากให้การสนับสนุนเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ทว่าในภาคปฏิบัตินั้นมีความเฉื่อยชา
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า พื้นฐานเศรษฐกิจแบบยั่งยืนนั้น คือการพึ่งพาการผลิตภายในและการสร้างความเข้มแข็งภายในทางเศรษฐกิจ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า เช่นเดียวกันความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ จะบังเกิดขึ้นด้วยการผลิตและการนำเอาความสามารถภายในต่างๆมาใช้งาน และหาใช่ด้วยสิ่งอื่นใดไม่
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงประเด็นของธนาคาร ว่า ธนาคารจำเป็นต้องดำเนินการตามนโยบายเศรษฐกิจแบบยั่งยืนเพื่อสามารถแสดงบทบาทในด้านนี้ และให้ตัวเองสอดคล้องและปรับให้เข้ากับนโยบายต่างๆเหล่านี้และการวางแผนของรัฐบาลในการดำเนินการ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้เน้นย้ำและกำชับถึงภาคส่วนด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ว่า จงขับเคลื่อนและเพียรพยายามให้เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะสำภาระหลักที่มีการส่งออกที่สร้างสถิตินั้น เป็นภาระหน้าที่ของภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ภาคส่วนของเกษตรกรรม ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน พร้อมกับย้ำให้เจ้าหน้าที่รัฐให้วางนโยบายในการการสนับสนุนภาคส่วนที่มีความสำคัญนี้ ว่า ในขณะที่ให้การสนับสนุนเกษตรกรรม ก็จำต้องขจัดอุปสรรค์ปัญหาให้กับเกษตรกรด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กำชับถึงสโลแกน คำขวัญของรัฐบาล โดยเฉพาะ “ความพอเหมาะ ความยุติธรรม” ว่า คำขวัญ อิอ์ติดาล ถือเป็นสิ่งที่ดีและก็เห็นชอบอย่างยิ่ง เพราะความสุดโต่งจะควบคู่กับการถูกประณามเสมอ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กำชับยังรัฐบาลโดยเฉพาะประเด็นสโลแกน “ความพอเหมาะ ความยุติธรรม” ว่า พึงระวัง บางกลุ่มในเวทีการเมืองของประเทศ จะผลักไซร้กลุ่มผู้ศรัทธา ด้วยกับสโลแกนอิอ์ติดาลนี้ เพราะกลุ่มผู้ศรัทธาเหล่านี้แหละ ที่จะเอาอกมาปกป้องยืดอกเป็นเกราะกันบังก่อนใคร เมื่อเกิดภาระฉุกเฉินและวิกฤติ และจะให้ความช่วยเหลือยังรัฐบาลอย่างแท้จริงในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค์ต่างๆ
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า อิอ์ติดาล คือ อิสลาม กล่าวคือ จะเผชิญหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวกับกุฟฟาร และมีความเมตตาซึ่งกันและกัน กล่าวคือ การปราบปรามสิ่งชั่วร้ายและกำชับในสิ่งดีงาม อิอ์ติดาล หาใช่ความหมายที่ว่า สกัดกั้นการงานของกลุ่มผู้ศรัทธาที่มีความสำนึกในภาระหน้าที่
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กำชับอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญให้กับกลุ่มนักการเมืองและสื่อสารมวลชน พร้อมกับกล่าวถึงพวกเขาว่า ความปลอดภัยทางความคิดและปัญญาสำหรับประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ และอย่าได้นำเสนอประเด็นที่ไร้ซึ่งหลักฐานความน่าเชื่อถือ และนำเสนอข่าวสารจากสื่อตะวันตก เพื่อละเล่นกับความรู้สึกนึกคิดและจิตวิทยาของประชาชน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงประเด็นนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญและอ่อนไหวเป็นอย่างมาก พร้อมกับรับรองและยืนยันในคำพูดของประธานาธิบดี ในประเด็นนิวเคลียร์ ว่า ข้อเท็จจริงคือ ในประเด็นนี้ฝ่ายตรงกันข้ามต้องการเอาให้ถึงตาย แต่เมื่อทำได้แค่เพียงแค่เพรี่ยงพล้ำก็พอใจ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงประเด็นสำคัญของศักยภาพของสมรรถนะยูเรเนียม ว่าเป็นหนึ่งในประเด็นข้อคัดแย้งกับฝ่ายตรงกันข้าม พร้อมกับกล่าวเสริมว่า พวกเขาต้องการให้เรายอมมีหน่วยปฏิบัติงานที่แยกจากกันไม่เกิน 10,000 หน่วย ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์รุ่นเก่า 10,000 ตัวที่เรามีอยู่แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเราจึงตอบกลับไปว่าเราต้องการ 190,000 ตัว
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า คำพูดของอเมริกา โดยกล่าวอ้างถึงความน่าวิตกของอาวุธนิวเคลียร์ จึงได้ออกมาคัดค้านเรื่องวิทยาศาสตร์และพลังงานเทคโนโลยีพื้นบ้านนิวเคลียร์อิหร่าน นั้น เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผล พร้อมกับกล่าวย้ำว่า หลักประกันสำหรับการสกัดกั้นจากการบรรลุซึ่งอาวุธนิวเคลียร์ นั้น มีแนวทางที่ชัดเจนอยู่แล้ว และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรงอยู่แล้ว ซึ่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านถือว่าในเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น อีกทั้งยังให้หลักประกันอีกด้วย ส่วนอเมริกาก็ไม่มีสิทธิที่จะแสดงออกถึงความวิตกกังวลในประเด็นความเป็นไปได้ที่บางประเทศจะบรรลุซึ่งอาวุธนิวเคลียร์ เพราะอเมริกาเองก็ได้ใช้อาวุธนี้ และตอนนี้ยังถือครอบครองระเบิดนิวเคลียร์หลายพันลูกด้วย
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงชาวอเมริกัน ว่า จากการที่พวกคุณเองมีประวัติการถือครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้นความวิตกกังวลในประเด็นนิวเคลียร์จึงไม่เกี่ยวข้องใดๆกับพวกคุณ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า เราเชื่อมั่นในทีมงานเจรจาของเรา และมีความมั่นใจว่า พวกเขาไม่มีวันพึงพอใจต่อการลิดรอนสิทธิของประเทศ และเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศอิหร่านอย่างแน่นอน และจะไม่อนุญาตให้กระทำการนี้เป็นอันขาด
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การวิจัยและการพัฒนาในประเด็นนิวเคลียร์ เป็นประเด็นหนึ่งที่ ฯพณฯ ท่านผู้นำสูงสุด กำชับให้มีการระมัดระวังในการเจรจา พร้อมกับกล่าวเสริมว่า หนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่ฝ่ายตรงกันข้ามพึ่งพาอาศัยและมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมาก คือ การรักษาองค์กร ซึ่งการทำลายองค์กรเหล่านี้สำหรับศัตรูนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึง พวกเขา(อเมริกา)ที่ได้มีการพูดถึงโรงงานฟิรโด เพราะโรงงานดังกล่าวพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้และไม่สามารถเข้าไปทำลายได้ ดังนั้นจำต้องปิด ปิดโรงงานเสีย ซึ่งคำพูดเช่นนี้เป็นเรื่องตลกและน่าขัน !
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงเหตุการณ์ในภูมิภาค โดยเฉพาะฟิตนะห์ที่เกิดขึ้นในอีรัก ว่า ด้วยความโปรดปรานของพระผู้อภิบาล ประชาชนชาวอีรักผู้ศรัทธา จะสามารถดับภัยฟิตนะห์นี้ลงได้ และประชาชาติในเขตภูมิภาคนี้ นับวันก็จะสามารถก้าวสู่ความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาในด้านวัตถุและจิตวิญญาณที่สูงส่งและดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความประเสริฐของเดือนรอมฎอน อันเป็นเดือนแห่งการเตาบะห์ เป็นปัจจัยพื้นฐานในการเสริมสร้างการขับเคลื่อนตนเองให้หลุดพ้นจากความประพฤติที่ไม่ดีงาม หัวใจที่สกปรก และความคิดที่ชั่วร้าย สู่สวรรค์แห่งความประพฤติตนที่ดี คิดดี และมีพฤติกรรมที่ดี พร้อมกับกล่าวย้ำว่า หนึ่งในเนื้อหาสำคัญที่สูงส่งในบทดุอาอ์ของเดือนรอมฎอน ที่ได้สอนมนุษย์ คือ การปฏิบัติอะมั้ลจะต้องควบคู่กับมะอ์รีฟัตและรู้ถึงเป้าหมาย หลีกเลี่ยงความเกียจคร้าน ว่างงาน หลีกเลี่ยงจากความท้อแท้ ความมักง่าย หัวใจที่หยาบกระด้าง ความดื้อรั้น ความคลั่ง และความเพิกเฉย ซึ่งการระมัดระวังเนื้อหามะอารีฟที่สูงส่งและมีค่าเช่นนี้เป็นภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งสำหรับเจ้าหน้าที่ และมีความอยากลำบาก และมีความหนักอึ้งกว่าสามัญชนทั่วไป