ในวาระคล้ายวันครบรอบ แห่งภารกิจการปฏิบัติการที่สร้างความยิ่งผยองเขตพื้นที่ปฏิบัติการบัยตุลมุก็อดดิส และวันพิชิตโครัมชาห์ ซึ่งตรงกับวันที่สาม โครดอด ของทุกปี เมื่อเช้าวันพุธที่ผ่านมา ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดและผู้บัญชาการสูงสุดของสามเหล่าทัพ ได้เข้าร่วมในพิธีเฉลิมฉลองวันจบหลักสูตรของนักศึกษาเตรียมทหารแห่งมหาวิทยาลัยอิมามฮูเซ็น(อ)
ช่วงแรกหลังจากท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามเข้าสู่สนาม ท่านได้เข้าเยี่ยมสุสานของบรรดาชะฮีด นิรนาม พร้อมกับอ่านฟาติฮะห์ และวิงวอนขอให้พระองค์ทรงประทานฐานันดรของบรรดาชะฮีดผู้ปกป้องพิทักษ์การปฏิวัติให้สูงส่งยิ่งขึ้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เยี่ยมชมพิธีสวนสนามในครั้งนี้ด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ถามทุกข์สุขของบรรดาทหารผ่านศึกผู้ทรงเกียรติที่เข้าร่วมอยู่ในสนามครั้งนี้ด้วยในพิธีครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวบรรยาย ซึ่งได้ถือว่า การอบรมสั่งสอนบรรดาเยาวชนผู้ศรัทธา ผู้มีความเคร่งครัดในอุดมการณ์ นักปฏิวัติ นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในมหาวิทยาลัยทหารท่านอิมามฮูเซ็น(อ)นั้น เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดและชัดเจนที่สุดของการเจริญเติบโตและก้าวหน้าของการปฏิวัติอิสลาม พร้อมกับได้ชี้ถึงการยืนหยัดเผชิญหน้าของประชาชาติอิหร่านกับจักรวรรดินิยม และการแบ่งโลกออกเป็นจักรวรรดิและผู้อยู่ภายใต้จักรวรรดิ ว่า ในวันนี้แนวรบของมหาอำนาจมีความแค้นเป็นอย่างมาก ในความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติอิหร่านและระบอบอิสลาม ที่ไม่ต้องพึ่งพาอเมริกาและมหาอำนาจตะวันตกแต่อย่างใด โดยอาศัยศักยภาพ ขีดความสามารถภายใน ซึ่งเราจะขอตอบโต้พวกเขาและกล่าวย้ำด้วยสำนวนประโยคคำพูดที่เลื่องลือของ ชะฮีด เบเฮชตี้ อีกครั้งว่า “ขอให้พวกเขาจงตายในสภาพแห่งความเคียดแค้น”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า “การเจริญเติบโตด้วยวิธีที่ทันสมัย” เป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญและประเด็นหลักของสาธารณรัฐอิสลาม พร้อมกับชี้ถึงความหวาดวิตกบางอย่าง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นการพัฒนาและการเจริญเติบโต ว่า เหมือนดังที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวไว้ในสมัยก่อนนั้น ซึ่งในวันนี้ การเจริญเติบโตของการปฏิวัติอิสลามสามารถมีอิทธิพลเหนือการเจริญเติบโตใดๆแล้ว และบรรดาเยาวชนรุ่นใหม่ผู้มีอุดมการณ์ปฏิวัติที่อาศัยอยู่ทั่วประเทศก็เป็นอีกหนึ่งความหวังที่มีอนาคตอันสดใสและควบคู่กับความก้าวหน้า
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวย้ำถึงประเด็นหนึ่ง กรณีที่บรรดาเยาวชนผู้เคร่งครัดและยึดมั่นในอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติอิสลาม พร้อมกับกล่าวเสริมว่า เยาวชนรุ่นใหม่เหล่านี้จำต้องมุ่งเน้นยังขอบฟ้าอันยาวไกลและอนาคต ในการจัดตั้ง “อารยะธรรมใหม่แห่งอิสลาม” และอย่าได้มองเพียงแค่อนาคตอันใกล้และสิ่งที่ใกล้ตัวเพียงอย่างเดียว
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า อิสลามเป็นแนวทางเดียวที่นำเสนอทางรอดและสามารถปลดปล่อยมนุษยชาติให้หลุดพ้นจากการถูกเข่นฆ่า บาดเจ็บ และความเจ็บปวดจากเหตุการณ์การณ์ต่างๆในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นแนวทางเดียวที่จะบรรลุซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีที่แท้จริงของความเป็นมนุษย์ พร้อมกับกล่าวเสริมว่า บรรดาเยาวชนผู้ศรัทธาและผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ คือผู้สร้างอนาคตอันสดใสของประเทศนี้ และเป็นเมล็ดพันธุ์ใหม่ที่สำคัญในการสร้าง “อารยะธรรมใหม่แห่งอิสลาม”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงความท้าทายที่ระบอบอิสลามกำลังเผชิญหน้า ว่า การมีอยู่ของความท้าทาย จะไม่สร้างความกังวลและสะทกสะท้านใดๆต่อมนุษย์ผู้ที่มีความรู้แจ้ง รอบรู้และมีความกล้าหาญ แต่กลับเพิ่มมุมองและโลกทัศน์ให้กับพวกเขามากยิ่งขึ้นในด้านศักยภาพต่างๆที่มีอยู่ และขีดความสามารถที่หลงเหลืออยู่ภายใน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เหตุผลหลักของความท้าทายเหล่านี้ คือ ความสามารถของการพัฒนา ความเจริญก้าวหน้า การยืนหยัดและศักดิ์ศรีของระบอบอิสลามที่นับวันยิ่งเพิ่งความแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ประชาชาติอิหร่าน หลังจากที่การปฏิวัติอิสลามประสบกับชัยชนะ ซึ่งตลอดระยะเวลา 35 ปีมานั้น ได้ยืนหยัดเผชิญหน้ากับกมลสันดานชั่วของระบบจักรวรรดิ ที่ต้องการแบ่งโลกออกเป็นจักรวรรดิและผู้อยู่ภายใต้จักรวรรดิ ซึ่งด้วยเหตุผลนี้เอง มหาอำนาจที่เป็นพวกอันธพาล พวกอหังการ พวกขูดรีด และพวกกดขี่ของโลก โดยมีอเมริกาเป็นหัวโจ๊กนั้น จึงไม่พอใจและความเคียดแค้นต่อสิ่งนี้
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า ด้วยความยืนหยัดเช่นนี้ สร้างความฉงนใจต่อชนชาติต่างๆทั่วโลก และทำให้พวกเขาหันหน้าเข้ามาหาอิหร่าน แม้กระทั้งรัฐบาลต่างๆที่ไม่มีความอาจหาญในการยืนหยัดต่อสู้ต่อกรกับมหาอำนาจจักรวรรดิจอมอหังการ ก็ยังยอมรับและยกย่องเชิดชู การยืนหยัดของสาธารณรัฐอิสลาม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเปิดประเด็นปัญหานิวเคลียร์ เรื่องสิทธิมนุษยชน และประเด็นอื่นๆจากมหาอำนาจผู้อหังการ ที่เป็นปฏิปักษ์ต่ออิหร่านนั้น เป็นเพียงแค่ข้อกล่าวอ้างเท่านั้น พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ด้วยกับข้อกล่าวอ้างต่างๆเหล่านี้และการกดดันในรูปแบบต่างๆนั้น ก็เพื่อต้องการที่จะทำให้ประชาชาติอิหร่านล้มเลิกจากการยืนหยัด ในการเผชิญหน้ากับพวกอันธพาล พวกอหังการ พวกขูดรีด และพวกกดขี่ของโลก ทว่าเหตุการณ์เช่นนี้มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เป็นอันขาด
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ประชาชาติอิหร่านได้พิสูจน์ความสามารถของตนเองแล้วในสนามต่างๆ และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ต้องพึ่งพาอเมริกา ก็สามารถที่จะได้รับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้ สามารถที่จะได้รับความก้าวหน้าทางด้านสังคมได้ สามารถที่จะมีอิทธิพลในระดับนานาชาติได้ และสามารถที่จะมีอิทธิพลทางการเมืองในระดับโลกและศักดิ์ศรีและเกียรติยศทางด้านการเมืองได้ พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ชนชาติอิหร่านได้เลือกทางเดินที่ถูกต้องแล้ว และจะก้าวเดินในแนวทางนี้ต่อไป และชาวโลกส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือและอยู่กับประชาชาติอิหร่าน
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนของสื่อสารมวลชนของมหาอำนาจผู้อหังการ ในการสกัดกั้น ยับยั้งและไม่ต้องการที่จะปล่อยให้เสียงแห่งความก้าวหน้าและความสำเร็จของประชาชาติอิหร่าน กึกก้องและได้ยินไปถึงหูของประชาคมโลกทั้งหลาย ว่า แม้ว่าพวกเขาจะมีความพยายามมากสักขนาดไหนก็ตาม ทว่าในวันนี้ ประชาคมโลกทั้งหลาย ก็ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อประชาชาติอิหร่าน และทำการยกย่องเชิดชูประชาชาติอิหร่านอีกด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ทำการตำหนิการใช้ประโยคสำนวนที่โกหก “ประชาคมระหว่างประเทศ” ของศัตรูในการเผชิญหน้ากับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ว่า เราอย่าได้นำเอาสำนวนโกหกดังกล่าวมาใช้ตามที่บรรดาศัตรูได้ใช้เป็นอันขาด เพราะข้อเท็จจริงในเรื่องนี้คือ พวกเขาหาใช่เป็นประชาคมโลกไม่ แต่เป็นเพียงแค่รัฐบาลผู้อหังการบางชาติเท่านั้น ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลและถูกครอบงำโดยบริษัทต่างๆของยิวไซออนิสต์ผู้ฉาวโฉ่ในความชั่วร้ายป่าเถื่อน
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ประชาคมโลก คือ ชนชาติ ประชาชาติและรัฐบาลที่ถูกกดขี่ ซึ่งเนื่องจากถูกกดดันและบีบคั้นจากมหาอำนาจทั้งหลาย จึงไม่มีความสามารถที่จะแสดงออกถึงการปฏิปักษ์กับผู้อหังการเหล่านี้ได้ แต่หากว่าสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยแล้ว พวกเขาก็จะลุกขึ้นแสดงตนเพื่อทำการต่อต้านและยืนหยัดต่อสู้อย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า ประชาคมโลก คือ บรรดานักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ ผู้หวังดี และผู้เรียกร้องความเสรีภาพของโลก
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า มหาวิทยาลัยการทหารอิมามฮูเซ็น(อ) เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของการเรียนรู้ศาสตร์ การศึกษาวิจัยด้านต่างๆของการปฏิวัติ เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ และการแสวงหาบะศีรัตและจิตวิญญาณ
ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้แนะนำกำชับ แด่บรรดานักศึกษาเยาวชนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ให้ตระหนักและรู้ถึงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของครูบาอาจารย์ เจ้าหน้าที่ คณะผู้บริหาร อีกทั้งจงใช้โอกาสนี้ในการเก็บเกี่ยวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในช่วงท้าย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวกับบรรดาเยาวชนทั้งหลายว่า อนาคตของประเทศชาติ ขึ้นอยู่กับพวกท่าน ดังนั้นจงเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมในการพิชิตขอบฟ้าอันไกลพ้นและปฏิบัติภารกิจที่ยิ่งใหญ่ให้จงได้