สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

เช้าวานนี้ ณ ฮูซัยนียะห์อิมามโคมัยนี(

ประชาชนชาวอาเซอร์ไบจานนับพันคน เข้าพบท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม

เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาประชาชนชาวเมืองตับริซ และประชาชนจากเมืองต่างๆแห่งแคว้นอาเซอร์ไบจานตะวันออกนับพันคน  เข้าพบกับท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม   โดยท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวขอบคุณอย่างล้นเหลือแด่พี่น้องประชาชนผู้ยิ่งใหญ่ของอิหร่านที่ได้สำแดงและฉายภาพแห่งความยิ่งใหญ่ของพลังอำนาจและศักดิ์ศรีของชาติ ในการเดินขบวนวันที่ 22   บะห์มัน และการเฉลิมฉลองครบรอบ 35    ปี แห่งการปฏิวัติอิสลาม  โดย ฯพณฯ ถือว่า “อิสติกอมัตและวะห์ดัต” คือสองสาส์นหลักของการเดินขบวนปีนี้   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ในการเดินขบวนประท้วงวันที่ 22   บะห์มัน นั้น ประชาชาติอิหร่านได้สำแดงและโต้ตอบในความหยิ่งยโส โอหัง ละโมบ ไร้มารยาทหยาบคายและความยิ่งผยองของเจ้าหน้าที่อเมริกา ด้วยการปรากฏตัวอย่างเนืองแน่น และมีความเร่าร้อนมากขึ้นกว่าเดิม  พร้อมกับประกาศก้องว่า เราไม่มีวันยอมจำนนต่อการข่มขู่ของอเมริกาเป็นอันขาด


ในการพบปะครั้งนี้มีขึ้นเนื่องในวาระคล้ายวันครบรอบสามสิบหกปีแห่งการลุกขึ้นกิยามครั้งประวัติศาสตร์ของประชาชนชาวตับรีซ ในวันที่ 29    เดือนบะห์มัน ปี 1356   

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้เริ่มการปราศรัยของท่าน ด้วยการกล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ออกมาร่วมเดินขบวนประท้วงในวันที่ 22   บะห์มัน ของปีนี้อย่างเร่าร้อนและแพร่หลายในวงกว้า


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า ไม่อาจที่จะกล่าวและเอื้อนเอ่ยคำขอบคุณใดๆด้วยวาจาจากประชาชาติผู้ยิ่งใหญ่ของอิหร่านได้ แต่ทว่า ในระดับขั้นแรก เราต้องสุญุดซุโกร ต่อหน้าพระองค์ที่พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงหัวใจ แปรผันเจตนารมณ์ที่ดี และความมุ่งมั่นทั้งหลายให้มั่นคง    ระดับขั้นต่อมา  ต้องขอขอบคุณอย่างล้นเหลือ หลังจากที่ประชาชาติอิหร่านจากทั่วทุกสารทิศของประเทศ อันเนื่องจากได้ฉายภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ยิ่งใหญ่และมีชีวิตชีวาของการปฏิวัติอิสลาม ในวันที่ 22   บะห์มัน ให้กับชาวโลกได้รับรู้


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงการลุกขึ้นกิยามครั้งประวัติศาสตร์ ของพี่น้องประชาชนชาวตับรีซในวันที่ 29   บะห์มัน   ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมีบทเรียนและอุทาหรณ์ต่างๆที่หลากหลาย   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  บทเรียนแรก ของการลุกขึ้นกิยาม วันที่29   บะห์มัน คือ “การสำแดงคุณสมบัติและคุณลักษณะต่างๆที่โดดเด่นของประชาชนชาวตับรีซและชาวอาเซอร์ไบจาน”


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า  ความศรัทธาที่ลุ่มลึกทางศาสนา  ฆัยรัตทางศาสนา  ความกล้าหาญ  รู้ทันสถานการณ์ และดำเนินการปฏิบัติในถ่วงที ก้าวล้ำ แข่งแกร่ง และคิดค้นนวัตกรรมเพื่อบรรลุซึ่งเป้าหมาย  เหล่านี้คือคุณสมบัติและและคุณลักษณะที่โดดเด่นของประชาชนชาวตับรีซและอาเซอร์ไบจาน  ซึ่งพวกท่านได้ปรากฏฉายให้เป็นรูปธรรมในเหตุการณ์  วันที่ 29   บะห์มันมาแล้ว  


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง บทเรียนที่สอง ของการลุกขึ้นกิยาม วันที่ 29   บะห์มัน คือ การมีส่วนร่วมและสร้างสัมพันธ์ที่ดีของทุกภาคส่วนและชาติพันธุ์ต่างๆ   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ชาติพันธุ์ต่างๆที่เป็นชาวอิหร่าน อันเนื่องจากการปกครองของอิหร่านแห่งอิสลามและอยู่ภายใต้ร่มธงแห่งอิสลามและชื่ออันสวยงามของอิหร่าน ซึ่งทุกคนล้วนแล้วมีความเชื่อมโยง สายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และสิ่งนี้คือประเด็นที่ผู้ประสงค์ร้ายต่อประชาชาติอิหร่านให้ความสำคัญ และประสงค์ที่จะให้ประชาชนชาวอิหร่านเผชิญหน้าเป็นศัตรูระหว่างกัน


ท่านผู้นำสูงสุด ได้เรียกร้องให้ประชาชน และผู้บริหารมีความเฉลียวใจและระมัดระวังในประเด็นนี้ให้ดี   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  อย่าได้หลงลืมสาส์นแห่งเอกภาพ ความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียวของการลุกขึ้นกิยามวันที่  29   บะห์มันเป็นอันขาด


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม  ถือว่า “ปาฏิหาริย์แห่งความประสงค์ของประชาชาติ” คือสาส์นประการที่สามของการลุกขึ้นกิยามวันที่  29   บะห์มัน ของชาวตับรีซ   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า การลุกขึ้นกิยามครั้งนั้น บ่งชี้ว่า  ไม่ว่าพลังอำนาจใด ก็ไม่มีวันที่จะต้านความประสงค์อันแน่วแน่และมั่นคงของประชาชาติได้ 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ทำการวิเคราะห์ถึงเหตุผลของการเข้าร่วมอย่างแพร่หลาย และเนืองแน่นของประชาชนในการเดินขบวนประท้วงวันที่ 22   บะห์มันของปีนี้ และสาส์นของการเดินประท้วงในครั้งนี้


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงการคำนวณและการรายงานในเชิงลึกของผู้เชี่ยวชาญ ถึงยอดจำนวนการเข้าร่วมของประชาชนในการเดินขบวนประท้วงวันที่ 22   บะห์มันในทุกปี ว่า  ตามรายงานของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ และเป็นการรายงานเชิงละเอียด  พบว่า จำนวนของประชาชนในการเดินขบวนประท้วงวันที่ 22   บะห์มันของปีนี้ ทั่วประเทศ มีความเนืองแน่นกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งความจริงอันนี้ มันบ่งชี้ว่า การเฉลิมฉลองวันชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม นั้น เหมือนกับ เหตุการณ์การปฏิวัติ อันเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากยิ่งในโลกนี้


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การจัดงานเฉลิมฉลองวันครบรอบการปฏิวัติอิสลาม โดยพี่น้องประชาชนในทุกภาคส่วนของประเทศ  และเป็นการจัดงานครบรอบปีที่ 35   ของการปฏิวัติอันเป็นปรากฏการณ์ที่ปาฏิหาริย์และน่าทึ่งอย่างยิ่ง ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการจัดงานวันสำคัญและวันชาติของประเทศต่างๆที่ไม่มีชีวิตชีวา   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า มันค้านกับการโฆษณาเชิญเชื่อและการวิเคราะห์ที่เป็นเท็จของสื่อต่างชาติ ซึ่งในวันนี้หน่วยงานด้านสื่อของพวกเขาได้เข้าใจและประจักษ์ถึงสาส์นอันนี้ในการปรากฏตัว แรงจูงใจ ความศรัทธา และสโลแกนและคำขวัญต่างๆของประชาชนได้เป็นอย่างดี  


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า สโลแกนและคำขวัญของประชาชนในการเดินขบวนประท้วงวันที่ 22   บะห์มัน ซึ่งมีสาส์นหลักสองประการด้วยกัน คือ “อิสติกอมัตและวะห์ดัต”


ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายถึงสาส์น แห่งการอิสติกอมัต และการยืนหยัดบนอุดมการณ์ ว่า การปฏิวัติอิสลาม มี “อุดมคติเชิงบังคับ ” และ “อุดมคติเชิงละทิ้ง”  ซึ่งอุดมการณ์เชิงบังคับนั้นคือ การปฏิบัติตามหลักคำสอนอิสลาม การสร้างความยุติธรรมทางสังคม  การปรากฏตัวและเข้าร่วมของประชาชนในเวทีและเหตุการณ์ต่างๆ   เศรษฐกิจที่เป็นอิสระ วัฒนธรรมที่เป็นเอกเทศและมีอัตลักษณ์ของอิหร่าน- อิสลาม  การให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่ถูกกดขี่และเผชิญหน้าต่อสู้กับผู้กดขี่  ความก้าวหน้าของประเทศ ความโดดเด่นในด้านวิทยาศาสตร์ และก้าวล้ำในด้านศีลธรรมและจิตวิญญาณ


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การไม่ยอมจำนนต่อการกดขี่และการข่มขู่ของระบอบการปกครองที่ครอบงำ (มหาอำนาจ) ซึ่งภาพจำลองที่ชัดเจนของสิ่งนี้คือ อเมริกา และนี้คืออุดมคติเชิงละทิ้งของการปฏิวัติอิสลาม   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ในวันที่ 22  บะห์มันปีนี้ ประชาชนชาวอิหร่านได้ประกาศอย่างกึกก้องว่า เราไม่มีวันยอมจำนนต่อการข่มขู่ของอเมริกาเป็นอันขาด


 ท่านผู้นำสูงสุด ได้ทำการตำหนิบางกลุ่มที่มีความพยายามแนะนำภาพลักษณ์ที่บิดเบือนและเป็นเท็จของอเมริกาให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมกับกล่าวย้ำว่า บางกลุ่มและบางจำพวก มีความพยายามบิดเบือนลบล้างภาพลักษณ์แห่ง ความน่ากลัว ป่าเถื่อน และการสร้างความรุนแรงต่างๆของอเมริกา ให้เป็นภาพลักษณ์ที่เลอโฉม  พร้อมกับแนะนำอเมริกาว่าเป็นรัฐบาลที่มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อประชาชนชาวอิหร่านและมนุษยชาติ  แต่ทว่าความพยายามของกลุ่มดังกล่าวไม่ได้ผล


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงแฟ้มคดีอาชญากรรมอันมัวหมองของรัฐบาลอเมริกาในช่วง แปดสิบปี ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการจุดฉนวนสงครามนองเลือด เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ สนับสนุนทรราชและผู้ปกครองที่กดขี่ในทุกภาคส่วนของโลก  ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศ  ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายที่ตั้งตนเป็นรัฐบาล  คือ รัฐเถื่อน ผู้กดขี่ ป่าเถื่อน ยิวไซออนิสต์    การบุกโจมตีอีรัก และเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตนับหมื่นคน  การบุกโจมตีอัฟกานิสถาน  ก่อตั้งบริษัทและองค์กรฆ่ามนุษย์และลอบสังหาร ฆาตกรรม  อาทิเช่น องค์กรแบล็กวอเตอร์ จัดตั้งกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงตักฟีรีย์ และให้การสนับสนุนกลุ่มเหล่านี้  ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในผลงานด้านอาชญากรรมอันมัวหมองของรัฐบาลอเมริกา 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า จะมีความสามารถเช่นไร ในการที่จะเปลี่ยมโฉมหน้าอาชญากรที่น่าเกลียดให้กลายเป็นใบหน้าอันเลอโฉมต่อประชาชาติอิหร่าน 


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวชี้ถึง การปฏิบัติการที่ป่าเถื่อนของรัฐบาลอเมริกาในอดีต ที่ทำการต่อต้านประชาชาติอิหร่าน ว่า  นับตั้งแต่การก่อรัฐประหาร เมื่อวันที่ 28  เดือนมุรดอด ปี 1332  ถึง ปี 1357   และหลังจากการปฏิวัติอิสลามประสบชัยชนะ จนถึงวันนี้ ประชาชาติอิหร่านได้ต่อสู้เผชิญหน้ากับความป่าเถื่อน กดขี่ข่มเหง การใส่ร้ายป้ายสีและการคว่ำบาตรต่างๆนานา จากอเมริกาอยู่เสมอมา  ซึ่งเหตุการณ์ที่อัปยศครั้งล่าสุด กรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาให้การสนับสนุนกลุ่มสร้างฟิตนะห์ ปี 88   และล่าสุด ก็ได้ออกมาประกาศให้การสนับสนุนกลุ่มดังกล่าวอีกรอบ


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า หัวข้อดังกล่าวเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของความเลวทรามของรัฐบาลอเมริกา ที่มีต่อประชาชาติอิหร่าน และปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่เช่นนี้เสมอมา 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ตอกย้ำและหวนรำลึกถึงคำพูดของท่านในช่วงต้นปีนี้ ณ. เมืองมัชฮัด ว่า บรรดาผู้บริหารรัฐบาลชุดก่อน และเช่นเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลชุดปัจจุบันบางคน คิดว่า  หากเราร่วมเจรจากับอเมริกาในประเด็นนิวเคลียร์  ประเด็นนี้ก็สามารถที่จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น  ซึ่งตัวของข้าพเจ้านั้น อันเนื่องจากการร้องขอจากคณะดังกล่าวหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในประเด็นนิวเคลียร์ ข้าพเจ้าขอกล่าวย้ำอีกครั้งว่า ข้าพเจ้าไม่คาดหวังอะไรกับการเจรจา และคงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ข้าพเจ้าก็ไม่คัดค้าน


ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า สัญลักษณ์ที่บ่งชี้ถึงความไม่เห็นด้วยและไม่คาดหวังต่อการเจรจา นั้น ขณะนี้มันกำลังเปิดเผยและกำลังเป็นที่ประจักษ์  และเหตุผลที่ชัดเจนที่สุดในการนี้ คือการออกมาแสดงทัศนะที่น่าเกลียด น่าสมเพชและลบหลู่ของคณะวุฒิสภาและเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกาที่มีต่อประชาชาติอิหร่าน


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า  ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการเดินขบวนวันที่ 22  บะห์มันปีนี้ ประชาชาติอิหร่านได้ตอบโต้คำลบหลู่ของพวกเขา แล้วเป็นการตบปากเจ้าหน้าที่คณะรัฐบาลอเมริกาอย่างสาสม 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า  หนึ่งในเหตุผลที่ประชาชนชาวอิหร่านออกมาร่วมเดินขบวนและปรากฏตัวกันอย่างเนืองแน่น เร่าร้อน และยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม ในวันที่  22  บะห์มัน  ก็เพื่อโต้ตอบในความหยิ่งยโส โอหัง ละโมบ ไร้มารยาท หยาบคายและความยิ่งผยองของเจ้าหน้าที่อเมริกา  อีกทั้งประชาชนมีความฆัยรัตทางศาสนาจึงได้ออกมาสู่เวทีแห่งนี้  เพื่อประกาศให้กับอเมริกา รับรู้ว่า อย่าได้คิดคำนวนผิด  เพราะพวกเราประชาชนจะคงอยู่ในภาคเวทีนี้ตลอดไป


ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า สาส์นของประชาชาติอิหร่านในการเดินขบวนวัน ที่ 22   บะห์มัน  ยังบรรดาคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศ  คือ ประชาชาติอิหร่านได้ยืนหยัดต่อสู้อย่างมั่นคง  ดังนั้นบรรดาคณะผู้บริหารก็อย่าได้ย่อท้อ และอ่อนข้อในการเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นอันขาด 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง คำตักเตือนที่กล่าวไปแล้วหลายต่อหลายครั้งที่มีมาก่อนหน้านี้ ที่ว่า ประเด็นนิวเคลียร์ เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  หากวันหนึ่ง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้   ประเด็นนิวเคลียร์สามารถบรรลุข้อตกลงตามความต้องการของอเมริกา  อเมริกาก็จะหาช่องทางและแนวทางอื่นอีกในการคว่ำบาตรและคุกคามอิหร่าน    ซึ่งในวันนี้ทุกท่านก็สามารถประจักษ์เห็นแล้ว ว่า โฆษกรัฐบาลอเมริกา ได้ออกมาจุดประเด็นใหม่ด้านสิทธิมนุษยชน และขีดความสามารถของขีปนาวุธปกป้องของอิหร่าน 


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงการกระทำที่คัดแย้งกับหลักสิทธิมนุษยชนของอเมริกา อาทิเช่น เหตุการณ์ในคุกกวนเตนาโม อะบูฆอรีบ   ให้การช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้ายชื่อดังระดับโลก ละเมิดพันธะสัญญาและพูดโกหกมดเท็จ  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  อเมริกาน่าจะละอายแก่ใจที่จะเอ่ยพูดในประเด็นสิทธิมนุษยชน ด้วยแฟ้มคดีอาชญากรรมที่แน่นหนาและโหดร้ายเช่นนี้  แต่ทว่ากลับอุกอาจเรียกร้องสิทธิมนุษยชน

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงประเด็นการเจรจานิวเคลียร์ ว่า  สิ่งที่กระทรวงต่างประเทศและคณะผู้บริหารได้ดำเนินการไปแล้ว ก็จงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะประเด็นนิวเคลียร์  และอิหร่านจะไม่เป็นชาติที่ละเมิดในการงานที่ได้ดำเนินการปฏิบัติมาแล้วเป็นอันขาด แต่ทว่า ทุกท่านพึงรู้ว่า  อเมริกาเป็นศัตรูกับรากฐานการปฏิวัติอิสลามและศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ และการเป็นศัตรูเช่นนี้ จะไม่มีวันจบลงด้วยการเจรจา


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า แนวทางเดียวในการเยียวยาจากศัตรู คือ การพึ่งพายังเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของชาติ  ศักยภาพและความสามารถภายใน และมีความมั่นคงในระบบโครงสร้างภายในให้แข็งแกร่งมากขึ้น

ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายและนำเสนอนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืนในอนาคตอันใกล้นี้ ว่า  แนวทางในการแก้ไขอุปสรรค์ปัญหาภายในประเทศ  คือ การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบยั่งยืนและพึ่งพาอาศัยศักยภาพและความสามารถภายในและอย่าคาดหวังในความช่วยเหลือจากภายนอก


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรมนุษย์ที่มากมายเหลือล้นของประเทศ โดยเฉพาะ น้ำมัน ก๊าซ  และความต้องการของชาวโลกต่ออิหร่าน  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ทุกท่านล้วนได้เห็นแล้วว่าต่างชาติ เพียงแค่เห็นรอยยิ้มในอิหร่าน ก็จะหลั่งไหลเข้ามาในอิหร่านในทันที ด้วยเหตุนี้อเมริกาไม่สามารถที่จะยืนหยัดอยู่บนความโอหังได้ตลอดไป และหากเราพึ่งพายังศักยภาพและความสามารถของตนเองเช่นนี้ แน่นอนยิ่งความแข็งแกร่งของพวกเขาต้องล่มสลาย


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ตราบใดที่เรายังหวังในความช่วยเหลือจากผู้อื่น หรือหวังที่จะได้รับการผ่อนปรนในการถูกคว่ำบาตร  หรือหวังในคำพูดของทางการอเมริกาแล้ว แน่นอนยิ่งเราจะไม่บรรลุและไปถึงยังจุดหมายปลายทางได้เป็นอันขาด


ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า  ข้าพเจ้าขอย้ำเตือน ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ต้องพึ่งพาศักยภาพภายในและมีความเชื่อมั่นยังพี่น้องประชาชน  เพื่อจะเป็นบ่อเกิดแห่งความโปรดปรานและทำให้ทรัพยากรภายในที่ไม่มีวันหมดสิ้นได้พวยพุ่ง โชติช่วงเปล่งประกายอย่างเหลือล้น


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า หากมีการดำเนินการปฏิบัติสิ่งเหล่านี้   ประตูต่างๆที่ถูกปิดก็จะเปิดออกมาอย่างแน่นอน อีกทั้งจำต้องเคลื่อนไหว ขับเคลื่อนและปฏิบัติตามแนวทางนี้


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวในช่วงท้ายว่า ด้วยเตาฟิกจากพระผู้อภิบาล เป้าหมายของอเมริกาและมหาอำนาจโลก ที่มีต่อประชาชาติอิหร่านและระบอบอิสลามนั้น ต้องพบกับความล้มเหลว และประชาชาตินี้จะเฉลิมฉลองชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าสายตาของผู้ประสงค์ร้ายทั้งมวล  


700 /