สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ผู้บัญชาการ ผู้บริหารและคณะข้าราชการของกองทัพอากาศ เข้าพบผู้บัญชาการสูงสุดแห่งสามเหล่าทัพ

เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา

เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ( 8   กุมภาพันธ์ )  ผู้บัญชาการ  ผู้บริหารและคณะข้าราชการกองทัพอากาศแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม   ซึ่ง ฯพณฯ ได้ชี้ถึงประเด็น อิสรภาพ และการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจที่เข้ามาแทรกแซง และแสวงหาอำนาจ เป็นหนึ่งในรากฐานหลักของการปฏิวัติอิสลาม  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  การออกมาแสดงทัศนะที่หยาบคายไม่สุภาพของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกานั้น เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน  และประชาชาติอิหร่านจำต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในการเจรจาครั้งล่าสุด ในคำพูดและทัศนะคติของอเมริกา 


ท่านผู้นำสูงสุดยังได้ชี้ถึง  ความจำเป็นในการสร้างความปลอดภัยและปกปักษ์รักษาความเป็นอิสรภาพ  การมีจุดยืนที่ชัดเจนและโปร่งใสปราศจากการปกปิดหมกเม็ด โดยเฉพาะประเด็นรากฐานและคุณค่าของการปฏิวัติอิสลาม และแนวทางหลักของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)   อาทิเช่น ทัศนะคติที่มีต่ออเมริกา      พร้อมกล่าวย้ำว่า  รหัสยะแห่งความอมตะและความมั่นคง เข้มแข็งและพลังอำนาจภายในระบอบอิสลาม คือ การที่ระบอบได้พึ่งพาอาศัยความศรัทธา  ความรักและความปรารถนาอันแรงกล้าของพี่น้องประชาชน และในการเดินขบวนวันที่ 22    บะห์มันปีนี้ ประชาชาติอิหร่าน จะป่าวประกาศสโลแกน คำขวัญแห่งการปฏิวัติอย่างหนักแน่น กึกก้อง  และจะแสดงพลังถึงความเข้มแข็งแห่งชาติและการยืนหยัดอย่างมั่นคง ของประชาชาติอิหร่านให้ชาวโลกทั้งหลายได้ประจักษ์เห็นอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน


การพบปะครั้งนี้ มีขึ้นเนื่องในวาระคล้ายวันสัตยาบัน (บัยอัต)ครั้งประวัติศาสตร์ของผู้บัญชาการ ข้าราชการของกองทัพอากาศ และเหล่าทหารอากาศ กับท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) เมื่อวันที่ 19   บะห์มัน ปี  1375 

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดของสามเหล่าทัพ ถือว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นมีมิติหลายๆด้านด้วยกัน และเปี่ยมด้วยความบารอกัต  พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งในวันที่ 19   บะห์มัน คือ  การจุดประกายความรู้สึกแห่งอิสรภาพในกองทัพอากาศในเบื้องต้น  ซึ่งต่อมาก็เกิดขึ้นในกองทัพบก  เพราะสิ่งนี้มันเกิดจากผลพวงของการปูพื้นฐานด้านจิตวิญญาณแห่งความเชื่อมั่น และการพึ่งพาศักยภาพและความสามารถภายในที่มีอยู่นั้นเอง 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้อธิบายความหมายของอิสรภาพ ตามวิธีและรูปแบบต่างๆของการล่าอานานิคมรูปแบบใหม่ โดยใช้บรรดาข้าสมุนที่อยู่ภายใต้อาณัติของตน เข้าแทรกแซงในประเทศต่างๆแทนที่การเข้าไปในลักษณะตรง    พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ในการเผชิญหน้ากับการล่าอานานิคมรูปแบบใหม่ นอกเหนือจาก ต้องเผชิญหน้าต่อสู้กับจอมเผด็จการ  และการปกครองแบบเผด็จการแล้ว จำต้องต่อสู้เผชิญหน้ากับนักล่าอานานิคมต่างชาติ และผู้สนับสนุนเผด็จการอีกด้วย  เพราะการเผชิญหน้าต่อสู้กับจอมเผด็จการ และผู้อหังการนั้น แต่ในขณะเดียวกันยังประนีประนอมกับมหาอำนาจ  ก็จะไม่บรรลุผลอย่างแน่นอน

ในประเด็นนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงความล้มเหลวในการปฏิวัติต่างๆในเขตภูมิภาคว่า  การปฏิวัติที่จะประสบชัยชนะได้นั้น จะต้องมองเห็นอำนาจแทรกแซงที่อยู่เบื้องหลังจอมเผด็จการและจะต้องต่อสู้กับมันด้วย  แทนที่จะมีการประนีประนอม กลับต่อสู้และเผชิญหน้ากับมหาอำนาจผู้ล่าอานานิคมแทน


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า บนพื้นฐานนี้เอง หลังจากที่เข้าบุกยึดรังโจรกรรม สถานทูตสหรัฐอเมริกาในอดีตในกรุงเตหะราน โดยน้ำมือของบรรดาเยาวชนนักปฏิวัติ ซึ่งท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้เรียกว่า “นี่เป็นการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่กว่าการปฏิวัติครั้งแรก” เพราะ การเคลื่อนไหวเช่นนี้ บ่งชี้ว่าประชาชาติอิหร่าน หลังจากที่สามารถโค่นล้มรัฐแห่งทรราช ฏอฆูต สำเร็จ ประชาชนชาวอิหร่านได้แสดงให้เห็นว่า พวกเขารู้ถึงชั้นถัดไปของการครอบงำและความทุกข์ยาก และพวกเขาจึงได้จัดการและต่อสู้กับมัน


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า  การมองเห็นเช่นนี้ และการต่อสู้เผชิญหน้ากับมหาอำนาจที่เข้ามาแทรกแซง นั้น หมายถึงความเป็นอิสรภาพอย่างแท้จริง


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า  มหาอำนาจต่างชาติและผู้เข้ามาแทรกแซง จะมีความหวาดผวาและหวาดวิตกในการสัมผัสความเป็นอิสรภาพของทุกประเทศ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความพยายามอย่างเต็มที่ โดยใช้ทุกวิธีทางอันหลากหลาย ในการบั่นทอนความรู้สึกแห่งการสัมผัสซึ่งอิสรภาพในประเทศต่างๆให้เบาบางล


ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายถึง  หนึ่งในสูตรสำเร็จของสิ่งนี้คือ การกระพือหัวข้อประเด็น “ความขัดแย้งระหว่างอิสรภาพกับการพัฒนาและการเจริญเติบโต”  ว่า  หน่วยงานด้านสื่อและเครือข่ายการโฆษณาเชิญเชื่อของมหาอำนาจผู้ล่าอานานิคม และหน่วยงานภายในที่มีความพยายามสร้างภาพว่า การพึ่งพายังทรัพยากรและอัตลักษณ์ของชาตินั้น จะไม่สอดคล้องกับการพัฒนาและการเจริญเติบโต ด้วยเหตุนี้ หากชาติหนึ่งชาติใดต้องการที่จะพัฒนา ก็จำต้องผ่อนปรนความความรู้สึกและความต้องการอิสรภาพนี้ออกไปเสียก่อน 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า  คำพูดเช่นนี้คือความผิดพลาด  และเป็นการอุปโลกน์ขึ้นมาโดยกลุ่มบุคคลที่ต่อต้านความเป็นอิสรภาพของทุกประเทศ


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวย้ำว่า  อิสรภาพ หาใช่ความหมาย การไร้มารยาท และการทะเลาะเบาะแว้งกับโลกไม่    พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  อิสรภาพมันหมายถึงเขื่อนในการสกัดกั้นการแทรกแซงของต่างชาติที่ประสงค์จะยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศอื่นๆมาเป็นของตนเอง


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การรักษาและปกป้องอิสรภาพนั้นจำต้องอาศัยและพึ่งพาข้อชัดแจ้ง โปร่งใส บนพื้นฐานของรากฐานและคุณค่าศักดิ์ศรีของการปฏิวัติอิสลาม


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงแบบฉบับของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ที่ได้อธิบายจุดยืนที่ชัดเจนตรงไปตรงมา ปราศจากข้อคลุมเครือ ว่า  ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้อธิบายจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจน  โดยเฉพาะประเด็น รัฐบาลแห่งทรราช ฏอฆูต สืบทอดอำนาจแห่งเผด็จการและระบอบกษัตริย์   ซึ่งท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้อธิบายทัศนะของตนเองอย่างชัดเจนในประเด็นความจำเป็นของการจัดตั้งระบอบที่วางอยู่บนพื้นฐานอิสลามและคุณค่าแห่งอิสลาม   และท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ไม่เคยอ้อมค้อมและประนีประนอมแม้แต่น้อย ในการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนต่อเครือข่ายของยิวไซออนิสต์ ที่เป็นภัยคุกคามต่อผู้ปกครองโลก และรัฐเถื่อนอิสราเอล


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าว ว่า  ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)  ได้ปฏิเสธอย่างชัดแจง กรณีระบอบล่าอานานิคม ซึ่งมันคือระบอบสากลที่มีความเชื่อในเรื่องการแบ่งแยกโลก ให้กลายเป็น “มหาอำนาจและสมุนรับใช้มหาอำนาจ” พร้อมกับ ได้แสดงจุดยืนที่ชัดแจน โปร่งใส่ ในการเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวอย่างแท้จริงของระบอบล่าอานานิคม นั้นคือ รัฐบาลอเมริกา


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำ กรณีดังกล่าวนั้นว่า มันคือรากฐานและเสาหลักของการปฏิวัติอิสลาม และหลังจากวันเวลาผ่านพ้นไป 35    ปี แล้วก็ตาม รากฐานและเป้าหมายดังกล่าวยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  และระบอบอิสลามก็จะยืนหยัดบนรากฐานอันนี้ และขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุซึ่งการพัฒนาและการเจริญเติบโตที่น่าทึ่งในภาคส่วนต่างๆ อีกทั้งสามารถสร้างให้อิหร่านกลายเป็นมหาอำนาจในภูมิภาค และเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีบทบาทและอิทธิพลในเวทีระดับนานาชาติอีกด้วย


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  การยืนหยัดอย่างชัดเจน และมั่นคงของประชาชาติอิหร่าน บนรากฐานหลักและเงื่อนไขของการปฏิวัติ  อันเป็นปัจจัยเหตุ  แม้นว่าจะมีนโยบาย “โรคกลัวอิหร่าน” หรือ “อิหร่านโพโมเบีย”  ที่เผยแพร่โดยหน่วยงานด้านการโฆษณาเชิญเชื่อที่อยู่ภายใต้มหาอำนาจที่เข้ามาแทรกแซงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  แต่วันนี้ชาติต่างๆของโลก แม้กระทั้งปัญญาชนที่ไร้ซึ่งจุดยืนก็ยอมรับแล้วว่า อิหร่านเป็นประชาชาติที่มีความกล้าหาญ สัตย์จริง เฉลียวฉลาด ยืนหยัด และมีความอดทนอย่างแท้จริง 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า  ในวันนี้ ไม่เพียงแต่ความชื่นชอบ และเกียรติยศของอิหร่านจะลดน้อยลง แต่ทว่า มันกลับเพิ่มเกียรติยศ ศักดิ์ศรีและความชื่นชอบมากยิ่งขึ้น แต่ฝ่ายตรงกันข้าม บรรดาชาติต่างๆยิ่งมีความเกลียดชัง เคียดแค้นและประณามอเมริกาเพิ่มมากยิ่งขึ้น


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า  “รหัสยะแห่งความอมตะ ของระบอบสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน อยู่บนครรลองของการปฏิวัติและดำเนินไปตามแนวทางหลักของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)   อีกทั้ง “มีความชัดเจนในการประกาศรากฐานและจุดยืน”     พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  ไม่ว่ากรณีใด อย่าได้ปล่อยให้ความชัดเจนและความโปร่งใส่ หลุดลอยไปจากประชาชาติอิหร่านในการเผชิญหน้ากับมิตรและศัตรูของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเป็นอันขาด ซึ่งจุดยืนของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านนั้นจำต้องโปร่งใส และชัดเจนเสมอ 


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  ยุทธ์วิธีและรูปแบบในการดำเนินการ สามารถเปลี่ยนแปลงได้  แต่ทว่า “รากฐานและพื้นฐานหลัก” จำต้องมั่นคงและคงอยู่ตลอดกาล เช่นเดียวกัน รากฐานและพื้นฐานนั้นยังเป็นรหัสยะที่มั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามยังได้ประเมิน การรู้จักมิตรและศัตรูของการปฏิวัติอิสลามนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง  พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  ศัตรูของการปฏิวัติ จะมีเพียงแค่บางประเทศเท่านั้นและเป็นประเทศที่เสื่อมอำนาจและไร้ซึ่งศักดิ์ศรีเกียรติยศในโลกเสียแล้ว  แต่ทว่า มิตรของการปฏิวัติอิสลาม คือชาติต่างๆทั้งหลาย ที่เข้าใจ และรับรู้คำขวัญสโลแกนของการปฏิวัติ อีกทั้งยืนหยัดเคียงคู่กับความเป็นมัศลูม(ถูกกดขี่) ของประชาชาติอิหร่านอีกด้วย


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า “รหัสยะของความมั่นคงและพลังอำนาจ ศักดิ์ศรีของระบอบอิสลาม” คือแรงสนับสนุนของประชาชาติจากระบอบอิสลามและมีความผูกพันและสัมพันธ์กับระบอบอย่างแน่นเฟ้น  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า คณะเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอเมริกา ได้กล่าวในการเจรจากับคณะผู้บริหารประเทศของเรา ว่า เราไม่ได้ต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองของอิหร่าน แต่หารู้ไม่ว่าเขากำลังพูดโกหก เพราะ หากพวกเขามีความสามารถในการล้มล้างระบอบดังกล่าวนี้แล้ว พวกเขาจะไม่มีวันนิ่งเฉยและปล่อยเวลาให้หลุดมือในการทำลายล้างระบอบนี้เป็นอันขาด


ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่อเมริกาไม่สามารถเปลี่ยนระบอบอิสลามได้ เพราะ ระบอบนี้ได้พึ่งพาความศรัทธา ความรักและความปรารถนาอันแรงกล้าของประชาชนเป็นที่ตั้ง  


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปรากฏตัวและการเข้าร่วมของประชาชนในเวทีภาคสนาม และในการสนับสนุนปกป้องการปฏิวัติ สโลแกนและคุณค่าต่างๆของการปฏิวัติ หลังจากผ่านพ้นมาหลายสิบปีนั้น เป็นสิ่งที่หาเทียบไม่ได้ในโลกนี้ พร้อมกับกล่าวย้ำ ว่า ในวันที่ 22    บะห์มัน ทุกคนสามารถประจักษ์เห็นว่าประชาชาติอิหร่าน ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองใด จะออกมาแสดพลังอันแข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่งในเวทีนี้ พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีเกียรติยศของชาติให้เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสายตายของสาธารณชนทั่วโลก


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ยังถือว่า  “สูตรลับแห่งคามสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าของประชาชาติอิหร่าน” คือ การยืนหยัด และ “สูตรลับแห่งความมั่นคงแห่งชาติ” คือการแสดงถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีแห่งชาติ   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  หนึ่งในความหมายของพลังอำนาจและเกียรติยศศักดิ์ศรีแห่งชาติ  คือการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชน เฉกเช่น การเดินขบวนในวันที่ 22  บะห์มัน อีกทั้งในการเลือกตั้งที่หลากหลาย และเมื่อประชาชนได้สร้างความน่าเกรงขามและอำนาจศักดิ์ศรีเพื่อตอกย้ำให้กับศัตรูแล้ว ไม่ว่ากรณีใดศัตรูก็ไม่สามารถกระทำการใดๆได้อีกเป็นอันขาด


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง การแสดงทัศนะและจุดยืนล่าสุดของคณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกา ว่า  ทัศนะคติเช่นนี้ มันเป็นอุทาหรณ์สำหรับประชาชาติอิหร่านของเรา   ประชาชาติอิหร่าน จะคอยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อการเจรจาครั้งล่าสุด และการออกมาแสดงทัศนะที่หยาบคาย ไม่สุภาพของคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกาครั้งนี้ จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน ในการรู้จักความป่าเถื่อนของศัตรูได้เป็นอย่างดี


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ชี้ถึง ความพยายามของบางกลุ่ม ในการ “เปลี่ยนแปลงทัศนะคติของประชาชน” โดยเฉพาะการเป็นศัตรูกับอเมริกา ว่า  ในการแสดงทัศนะคติเช่นนี้ เป็นการประจักษ์เห็นการเป็นศัตรูกับศัตรูและการตีสองหน้าของอเมริกา    คณะผู้บริหารอเมริกาได้แสดงทัศนะคำพูดอีกแบบหนึ่งในการเจรจากับคณะผู้บริหารของเรา  และเมื่อเสร็จสิ้นการเจรจาก็ออกมาแสดงทัศนะอีกอย่างในทิศทางตรงกันข้าม และนี้คือการตีสองหน้า การโกหก และเจตนาร้ายของศัตรู  ซึ่งประชาชาติอิหร่านจำต้องมีความระมัดระวังในเรื่องนี้เป็นพิเศษ


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  จุดยืนและทัศนะคติเช่นนี้ มันบ่งชี้ถึงความถูกต้อง ดังเช่นที่ข้าพเจ้าได้กำชับตักเตือนยังคณะผู้บริหารอยู่เสมอ  กล่าวคือ “ ความจำเป็นในการปกปักษ์รักษาพลังอำนาจภายใน” และเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งที่คณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายเศรษฐกิจได้บทสรุปที่ว่า แนวทางในการแก้ไขอุปสรรค์ปัญหา คือ การเสริมสร้างอุตสาหกรรมภายใน อีกทั้งยังได้เริ่มดำเนินการในขั้นตอนเบื้องต้นที่สำคัญมาแล้ว   


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำอีกครั้ง ว่า แนวทางเดียวในการแก้ไขอุปสรรค์ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ คือการมีวิสัยทัศน์ยังศักยภาพภายในที่ไร้ขีดจำกัด และการมีวิสัยทัศน์เชิงภายนอก และการปลดแอกจากการถูกคว่ำบาตรต่างๆ  ไม่ยื่นมือและไม่คาดหวังในความช่วยเหลือจากบรรดาศัตรู


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงทัศนะคติและการแสดงจุดยืนของคณะผู้บริหารอเมริกา กรณีแสดงเจตจำนงในการเป็นมิตรกับอิหร่าน ว่า  ในประเด็นนี้ก็เช่นกัน พวกเขาได้พูดโกหก  ด้านหนึ่งพูดว่า เป็นมิตรกับอิหร่าน แต่อีกด้านหนึ่ง กลับข่มขู่อิหร่าน อีกทั้งยังคาดหวังว่าสาธารณรัฐอิสลามจะลดการสร้างขีปนาวุธในการปกป้องตนเองให้น้อยลง  ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ตลกขำๆสิ้นดี


ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสามเหล่าทัพ กล่าวย้ำว่า ประชาชาติอิหร่านและคณะผู้บริหารประเทศ ในภาคส่วนต่างๆโดยเฉพาะกองกำลังติดอาวุธ กองทัพอากาศ  ด้วยความโปรดปรานของพระผู้อภิบาล นับวันแสนยานุภาพแห่งการป้องกันตนยิ่งมีความเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า “การพึ่งพายังกองกำลังภายใน” เป็นสิ่งที่จะนำพาประเทศชาติและเป็นการปูฐานในการแก้ไขอุปสรรค์ปัญหาต่างๆที่หลากหลายในประเทศ อาทิเช่น ด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรม  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  แผนนโยบายเศรษฐกิจที่ยั่งยืนจะมีประกาศในอนาคตอันใกล้นี้ และจากนี้เป็นต้นไป ก็จะก้าวสู่การดำเนินการและการสร้างปัจจัยสิ่งต่างๆที่จำเป็นสำหรับการทำให้เป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืน


ท่านผู้นำสูงสุดยังได้กล่าวตักเตือนประชาชนและคณะผู้บริหารประเทศบางประการดังนี้ 

ประการแรก  ย้ำถึงการรักษาความเป็นเอกภาพ และภราดรภาพของพี่น้องประชาชน คณะผู้บริหาร และปัญญาชน   และจำต้องป้องกันการบิดเบือนแบบแผนสู่ประเด็นข้อปลีกย่อย

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าว ว่า  ในวันนี้แบบแผนในการเคลื่อนไหวของประชาชาติอิหร่าน คือ การสร้างความเข้มแข็งภายใน และยืนหยัดในการเผชิญกับพายุมรสุมของความขัดแย้งและความต้านทาน  และด้วยความโปรดปรานของพระผู้อภิบาล ประชาชาติอิหร่านจะสามารถฝ่าฝันและสกัดพายุมรสุมนี้ได้เป็นอย่างดี เหมือนดัง 35  ปี ที่ผ่านมา

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า  ความสามัคคีในหมู่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำต้องอาศัยแนวทางแห่งความวางไว้ใจและความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่และคณะผู้บริหารต่อประชาชน  และเช่นเดียวกัน จำต้องเพิ่มความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่รัฐให้มากขึ้น

ประการต่อมา ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ทำการตักเตือนบรรดานักวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและคณะผู้บริหารรัฐ   


 ซึ่งท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เรียกร้องบรรดานักวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายให้มีความยุติธรรมและเปิดใจกว้าง  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า รัฐบาลเพิ่งเข้ามารับหน้าที่ได้เพียงไม่กี่เดือน  จำต้องเปิดโอกาสให้กับคณะผู้บริหารได้ทำงานด้วยความสามารถในการก้าวไปสู่ข้างหน้า ซึ่งบรรดานักวิพากษ์วิจารณ์เองก็ควรเปิดโอกาสให้กับรัฐบาลและมีความใจกว้างเสียบ้าง 


ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้เรียกร้องคณะเจ้าหน้าที่รัฐและคณะผู้บริหารให้เปิดใจกว้างต่อบรรดานักวิพากษ์วิจารณ์  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ทุกคนจำต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงปัจจัยบางอย่างของศัตรูภายในประเทศ  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า อย่าได้เพิกเฉยในปัจจัยดังกล่าว ในการยินยอมให้พวกเขาเหล่านั้นเอามาใช้ประโยชน์จากจุดอ่อน และสร้างความปั่นป่วนในการขับเคลื่อนประเทศ


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า ทุกคนจำต้องให้การช่วยเหลือกันในการก้าวเดินบนแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) และก้าวเดินตามแนวทางแห่งความแข็งแกร่งในประเทศ และด้วยความโปรดปรานของพระผู้อภิบาล ประชาชาตินี้จะประสบความสำเร็จเป็นแน่แท้ และกิจการงานก็จะบรรลุและก้าวสู่ทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน


ในช่วงท้ายของการปราศรัยครั้งนี้ ท่านผู้นำการปฏิวัติ ได้มอบความหวังและความเชื่อมั่น ว่า ประชาชาติอิหร่านจะสามารถบรรลุและประสบความสำเร็จในประเด็นนิวเคลียร์ และประเด็นอื่นๆเหนือบรรดาศัตรูอย่างแน่นอน 


700 /