สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

เมื่อเช้าวันพุธ

กองกำลังอาสาสมัครบาสิจญ์และผู้บัญชาการหลายหมื่นคนเข้าพบท่านผู้นำ

เมื่อช่วงเช้าวันพุธ ที่ผ่านมา ( 20  พฤศจิกายน)     ท่าน อยาตุลลอฮ์  คาเมเนอี  ได้กล่าวปราศรัยท่ามกลางการรวมพลครั้งยิ่งใหญ่ของกองกำลังอาสาสมัครบาสิญนับหมื่นคน  โดย ฯพณฯ ถือว่า บาสิญคือ มัศฮัร ฉายภาพลักษณ์แห่งความมั่นคง ความภาคภูมิใจ และความน่าเกรงขามของระบอบอิสลาม    อีกทั้ง ฯพณฯ ยังได้อธิบาย คุณลักษณะและรูปแบบในการหลอกลวงและการปฏิเสธสัจธรรมของมหาอำนาจโลก ซึ่งมีอเมริกาเป็นแกนนำ  โดยถือว่า การยืนหยัด และความองอาจที่แข็งแกร่งของชาติ คือหนทางเดียวที่จะทำให้ศัตรูต้องสิ้นหวัง พร้อมกับกล่าวย้ำในการสนับสนุนอย่างจริงจังและเด็ดขาดต่อรัฐบาลและคณะผู้บริหาร ว่า ในประเด็นนิวเคลียร์ จำต้องระมัดระวังเรื่องเขตสีแดง   อีกทั้งในการปกป้องสิทธิของชาติ จะต้องไม่ถอยไม่แต่ก้าวเดียว


ในการพบปะครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ถือว่า  บาสิญคือมัศฮัรแห่งความยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่านและเป็นหน่วยกองกำลังที่ทรงประสิทธิภายในประเทศ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  บาสิญ สำหรับมิตรสหายของระบอบ การปฏิวัติและประเทศชาติแล้วนั้น เป็นบ่อเกิดแห่งความภาคภูมิใจ ความหวัง  และการเชื่อมั่น    แต่สำหรับผู้ประสงค์ร้าย  ศัตรู และผู้มีความอคติต่อระบอบอิสลามแล้ว ถือเป็นบ่อเกิดแห่งความหวาดกลัว


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง การเวียนบรรจบพร้อมกันของสัปดาห์บาสิญกับวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของท่านหญิงซัยนับ(ซ)  ว่า  วีกรรมของท่านหญิงซัยนับ(ซ) เป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของวีรกรรมอาชูรอ  ซึ่งหมายความว่า  วีรกรรมของท่านหญิงซัยนับ(ซ) คือวีรกรรมแห่งการฟื้นฟู ปกปักษ์พิทักษ์รักษาวีรกรรมแห่งอาชูรอนั้นเอง


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ความยิ่งใหญ่ของภารกิจของท่านหญิงซัยนับ(ซ)นั้น ไม่อาจเปรียบเทียบกับสิ่งอื่นใดได้ เว้นแต่กับวีรกรรมแห่งอาชูรอเท่านั้น   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  วีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่ของอิสลามและมนุษยชาติท่านนี้  เสมือนดังภูผาที่สูงตระหง่าน และยืนหยัดอย่างมั่นคงในการเผชิญหน้ากับความทุกข์โศกทั้งปวง และเหตุการณ์อันข่มขื่น  อีกทั้งยังกลายเป็นแบบฉบับและแบบอย่างอันอมตะสำหรับมวลมนุษย์ชาติอีกด้วย


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง สุนทรพจน์อันเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด  ในสภาพแห่งความสงบมั่นทางจิตใจของท่านหญิงซัยนับ(ซ) ในการเผชิญหน้ากับชาวกูฟะห์ และในวังของอิบนู ซิยาด และยะซีด    ว่า สตรีผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้เป็นอนุสาวรีย์แห่งเกียรติยศ ศักดิ์ศรี  เสมือนกับท่านอิมามฮูเซ็น(อ)ในวันอาชูรอ

ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ผลลัพธ์แห่งการยืนหยัดของท่านหญิงซัยนับ(ซ) นั้น มันได้ปลุกกระแสตลอดหน้าประวัติศาสตร์สำหรับรูปแบบการเคลื่อนไหว  การขับเคลื่อนและการยืนหยัดอยู่บนแนวทางแห่งสัจธรรม   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า   ในการขับเคลื่อนและการกำหนดทิศทางของเรานั้นจำต้องมีแบบอย่างของท่านหญิงซัยนับ(ซ)คอยกำกับอยู่เสมอ  และเป้าหมายก็เพื่อเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของอิสลาม  สังคมอิสลาม และเกียรติยศศักดิ์ศรีของมนุษย์ชาติ


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงปัจจัยเหตุผลหลักที่ก่อให้เกิดจิตวิญญาณเช่นนี้ในตัวของท่านหญิ

ซัยนับ (ซ) ในบรรดาอัมบิยาอ์  เอาลิยาอ์ของพระองค์  และบรรดาผู้ศรัทธา นั้นเพราะ มีการเผชิญหน้าและปฏิบัติอย่างสัตย์จริงต่อพันธะสัญญาของพระผู้อภิบาล    พร้อมกันนั้น ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน  ถือว่า ความสัตย์จริงเช่นนี้ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบรรดาศาสนทูตผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์ บรรดาเอาลิยาอ์ บรรดาผู้ศรัทธา และ แม้แต่สามัญชนธรรมดา ก็ล้วนแล้วมีความสำคัญทั้งสิ้น  และเราทุกคนจำต้องตระหนัก   และในพันธะสัญญาเหล่านี้ที่เรามีไว้กับพระองค์นั้น  เราก็จะต้องตอบคำถามเหล่านี้ด้วย  


ท่านอยาตุลลฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า  ตามหลักฐานที่ชัดแจ้งของอัลกุรอาน  พันธะสัญญาอันนี้  คือ การยืนหยัดอย่างมั่นคงในการเผชิญหน้าต่อสู้กับศัตรูในเวทีทางทหาร การเมือง เศรษฐกิจ และการไม่หันหลังให้กับศัตรู


ท่านผู้นำสูงสุด  กล่าวเสริมว่า ตามพื้นฐานของพันธะสัญญาดังกล่าวแล้วนั้น  ที่ใดมีเวทีแห่งการกดขี่ ที่นั้นจำต้องยืนหยัดต่อสู้กับศัตรู  และบรรดาผู้ศรัทธาจำต้องมีเจตนารมณ์และความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการพิชิต กำราบและมีชัยเหนือศัตรู


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงประโยคคำพูดของตน ที่เคยกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ ในประโยค “ การอ่อนน้อมเยี่ยงวีรบุรุษ”  ว่า  บางคนถือว่า “ การอ่อนน้อมเยี่ยงวีรบุรุษ”   คือ การลดละจากรากฐานหลัก และอุดมการณ์ของระบอบอิสลาม   และศัตรูบางกลุ่ม ก็ได้นำเอาสิ่งนี้มาอ้างถึง ในการร่นถอยของระบอบอิสลามต่อรากฐานหลักดังกล่าว ในขณะที่ความเข้าใจในความหมายดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่ขัดแย้งและค้านกับข้อเท็จจริง และเป็นการเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำ ว่า การอ่อนน้อมเยี่ยงวีรบุรุษ หมายถึง การสนธิกำลังอย่างมีศิลปะ แล้วใช้ประโยชน์จากรูปแบบต่างๆที่หลากหลายเพื่อก้าวไปถึงยังจุดหมายและเป้าหมายและอุดมการณ์ต่างๆของระบอบอิสลาม


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวเสริม โดยชี้ ถึง เป้าหมายและวัตถุประสงค์อันหลากหลายของระบอบอิสลาม เพื่อการพัฒนา การเจริญเติบโตและการสรรสร้างอารยะธรรมอันยิ่งใหญ่ของอิสลาม  ว่า  เป้าหมายดังกล่าวจำต้องเป็นไปในรูปลักษณะที่ละก้าว และที่ละขั้นตอน   โดยมีผู้ชี้นำ  นักวิชาการระดับมันสมองและคณะผู้บริหารเป็นผู้ริเริ่มในการก้าวเดิน แล้วจากนั้นประชาชนทั้งหมดร่วมกันเคลื่อนไหวและก้าวเดินอย่างพร้อมเพรียงกัน


ท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า  ระบอบการปกครองที่ถูกต้องเช่นนี้ จะต้องขับเคลื่อนอย่างมีระบบและมีตรรกะ เพื่อก้าวไปถึงการพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าของระบอบอิสลาม  ซึ่งนักกิจกรรมความเคลื่อนไหวทางการเมือง  คณะผู้บริหารระดับประเทศ และนักกิจกรรมความเคลื่อนไหวในเวทีของกองกำลังอาสมัครบาสิญ์  ก็จำต้องตระหนักและให้ความสำคัญในสิ่งเหล่านี้ให้ดี 


จากนั้น ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ตั้งโจทย์คำถามบางประการ  ว่า  การตอกย้ำของระบอบอิสลามในการพัฒนา และความเจริญก้าวหน้านั้น มันหมายถึงการก่อสงครามของระบอบอิสลามกระนั้นหรือ???  ระบอบอิสลาม ต้องการที่จะเผชิญหน้า ท้าทายกับทุกรัฐบาลและประชาชาติทั้งหลายหรือ??  เหมือนดังที่บางเวลา บางครั้งได้ยินมาจากปากศัตรูของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านบางกลุ่ม   อาทิเช่น จากปากสุนัขอัปมงคล สุนัขโสมม สุนัขบ้าระดับภูมิภาค คือ รัฐเถื่อนยิวไซออนิสต์


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า  คำกล่าวอ้างของศัตรูเช่นนี้ มันเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับโลกทัศน์  วิสัยทัศน์ วิธีการและรูปแบบของอิสลามอย่างสิ้นเชิง  เพราะเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของระบอบอิสลาม นั้น วางอยู่บนพื้นฐานแห่งบทเรียน หลักคำสอนจากอิสลาม อัลกุรอาน ท่านศาสดาแห่งอิสลาม และบรรดาวงศ์วานผู้บริสุทธิ์ของท่านศาสดาทั้งสิ้น  ที่ได้มอบความยุติธรรม ความเมตตา และความดีงามให้กับประชาชาติทั้งหลาย


 ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  ผู้คุกคามโลกที่แท้จริง คือ กองกำลังแห่งความชั่วร้ายสามานย์ที่สร้างความเสื่อมเสียและความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน  ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ รัฐเถื่อนยิวไซออนิสต์และผู้สนับสนุนเขา

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ระบอบการปกครองอิสลาม ยังคงมีเจตนาในการสร้างความรัก ความเมตตา และการรับใช้มนุษย์ชาติ อีกทั้งยังต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชาติทั้งหลายอีกด้วย


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ระบอบการปกครองอิสลาม จะไม่ประกาศความเป็นศัตรูแม้แต่กับพลเมืองอเมริกา  ถึงแม้นว่ารัฐบาลอเมริกา จะมีความอหังการ  เป็นศัตรู  หยิ่งยโส ปองร้าย และมีอคติกับประชาชาติอิหร่านและระบอบอิสลามก็ตาม


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  สิ่งที่ตรงกันข้ามกับระบอบการปกครองอิสลาม และสิ่งที่ระบอบการปกครองอิสลามที่กำลังเผชิญหน้า นั้น คือมหาอำนาจผู้อหังการ


หลังจากที่ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ได้กล่าวย้ำในข้อเท็จจริงของเรื่องนี้แล้ว ท่านก็ได้กล่าวอธิบายเสริม ในคุณลักษณะต่างๆในเชิงประวัติศาสตร์ของมหาอำนาจผู้อหังการ   และกรณีตัวอย่างของพวกเขาในยุคสมัยปัจจุบัน ให้กับพี่น้องกองกำลังบาสิญ์นับหมื่นคนได้รับรู้

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า  มหาอำนาจผู้อหังการ เป็นศัพท์หนึ่งที่มีในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  โครงสร้างหลักของมหาอำนาจผู้อหังการยังคงอยู่เหมือนเดิมตลอดหน้าประวัติศาสตร์ แต่ทว่ารูปแบบต่างๆของพวกเขานั้น จะมีความแตกต่างกัน และมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ย้ำถึง การคัดค้านไม่เห็นด้วยในการเผชิญหน้าในลักษณะที่ไร้สติปัญญา ในทุกเวทีและทุกด้าน  พร้อมกับกล่าวย้ำ  ว่า  ในทุกภาคส่วนและในทุกเวที อาทิเช่น การต่อสู้ และการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจผู้อหังการ นั้น  จะต้องมีการวางแผน ใช้สติปัญญาไตร่ตรอง และมีวิทยะปัญญา


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ยุทธ์วิธีในการบรรลุซึ่งการบริหารจัดการและการมีวิทยปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพในการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจผู้อหังการ นั้น   คือ  การรู้จัก “ คุณลักษณะพิเศษ  ปฏิกิริยา และทิศทางของระบอบมหาอำนาจ”  ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า หากปราศจาก การรู้จัก การเข้าใจที่ถูกต้องถึงคุณลักษณะพิเศษของระบอบล่าอาณานิคม เหล่านี้แล้ว ก็จะไม่สามารถที่จะกำหนดวาง และกำหนดแผนงานอย่างมีวิทยปัญญาในการเผชิญหน้ากับพวกเขาได้เป็นอันขาด


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง คุณลักษณะในเชิงพฤติกรรมของระบอบมหาอำนาจผู้อหังการ ว่า   พวกเขาจะยึดมั่นในคุณลักษณะหลักของตนเอง คือ ถืออภิสิทธิ์และถือตนเหนือกว่าผู้อื่นใด


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า เมื่อประเทศหนึ่ง ได้เผชิญหน้ากับระบอบระหว่างประเทศ โดยถือตนเองเป็นแกนหลัก และถือว่าตนมีความเหนือกว่าผู้อื่นแล้ว สมการแห่งความน่าหวาดกลัวและภัยอันตรายต่อการมีปฏิสัมพันธ์ระดับนานาชาติก็จะปรากฏขึ้นในทันที   


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า  การถืออภิสิทธิ์และความชอบธรรมในการแทรกแซงและคุกคามชาติอื่นๆ  การกำหนดคุณค่าต่างๆที่ตนเองปรารถนายังประเทศอื่นๆ  และการแอบอ้างในอำนาจการบริหารจัดการโลก ก็เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ ของการถืออำนาจและถืออภิสิทธิ์เหนือผู้อื่นใดอย่างเบ็ดเสร็จของระบอบล่าอาณานิคม    ซึ่ง ฯพณฯ   ผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า นักการเมืองอเมริกาบางคน  ได้เอ่ยพูด   เสมือนกับว่าตนเอง เป็นเจ้าของประเทศ  เป็นเจ้าของโลก และเป็นเจ้าของเขตภูมิภาคนี้ เสียเอง


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การไม่ยอมรับสัจธรรมก็เป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์  อันเป็นคุณลักษณะหนึ่งของความถือตนเป็นใหญ่ของมหาอำนาจผู้อหังการ 


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ ถึง  การยืนหยัดต่อสู้ของมหาอำนาจผู้อหังการและอเมริกาในการเผชิญหน้ากับสิทธิของประชาชาติทั้งหลายว่า   ประเด็นนิวเคลียร์อิหร่าน ก็เป็นกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ของการต่อต้านและคัดค้านจากกลุ่มล่าอาณานิคมและในการเผชิญหน้ากับสิทธิอันชอบธรรมของประชาชาติทั้งหลาย

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ผู้ใด หรือชาติใดที่เป็นชนชาติที่มีตรรกะ และใช้หลักเหตุและผล ในการเผชิญหน้ากับสัจธรรม ล้วนแล้วต้องยอมสิโรราบ  ทว่า มหาอำนาจผู้อหังการนั้น จะไม่มีวันยอมรับคำพูดที่เป็นสัจธรรม และสิทธิอันชัดเจนของบุคคลอื่นๆ และจะมีความพยายามอย่างมาก เพื่อเหยียบย่ำและทำลายล้างสิทธิอันชอบธรรมของผู้อื่น


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การอนุญาต ให้ก่ออาชญากรรมยังประชาชาติอื่น นั้น ก็เป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะอันโดดเด่นของมหาอำนาจผู้อหังการ   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  ระบอบล่าอาณานิคม จะไม่ให้การเคารพ และจะไม่ให้คุณค่าใดๆ สำหรับประชาชาติที่ไม่ยอมปฏิบัติและนอบน้อมและสิโรราบต่อพวกเขา  และการก่ออาชญากรรมในสิทธิของพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่อนุญาตให้พึงกระทำได้


ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้กล่าวเสริม กรณีตัวอย่าง ที่ไร้คำบรรยายในประเด็นนี้ในจุดยืนแห่งความชั่วร้าย และความน่ารังเกียจของมหาอำนาจผู้อหังการ ที่ได้ก่อกรรมต่อพี่น้องชาวพื้นเมืองในอเมริกา   การก่ออาชญากรรมของอังกฤษต่อสิทธิพลเมืองผู้ดั่งเดิมชาวออสเตรเลีย  และการจับชนผิวดำชาวแอฟริกามาเป็นแรงงานทาสด้วยน้ำมือของอเมริกา  เป็นต้น


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า   การที่อเมริกาใช้ระเบิดปรมาณูนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ถือเป็นการก่ออาชญากรรมครั้งร้ายแรงในหน้าประวัติศาสตร์แห่งยุคสมัย  พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ในโลกนี้ ได้มีการใช้ระเบิดปรมาณูนิวเคลียร์เพียงแค่สองครั้งสองหนเท่านั้น  ซึ่งทั้งสองครั้งนั้น อเมริกาเป็นผู้นำมาใช้ในการสังหารพี่น้องชาวญี่ปุ่น  แม้นว่าจะด้วยการก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงครั้งนี้   แต่ ตนเองก็ยังแนะนำและถือว่า ตนเป็นผู้พิทักษ์ดูแลรักษาประเด็นนิวเคลียร์ในแผ่นดินนี้


ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้เอ่ยถึงเหตุการณ์ สังหาร และการทารุณกรรมพี่น้องประชาชนในเวียดนาม อีรัก ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน  ว่า  การทรมาน และการทารุณกรรมที่น่ารังเกียจ และน่าสลดใจใน กัวเตนาโมและอะบูฆอรีบนั้น   จะไม่มีวันลบเลือนความทรงจำอันนี้ไปจากประชาชาติทั้งหลายได้อย่างแน่นอน

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวถึงกรอบและขอบข่ายที่จำเป็นในการรู้จักคุณลักษณะของมหาอำนาจผู้อหังการในการเผชิญหน้าอย่างมีวิทยปัญญากับระบอบล่าอาณานิคม โดยถือว่า คุณลักษณะอีกประการหนึ่งของมหาอำนาจล่าอาณานิคม คือ การหลอกลวงและการปลิ้น ปล้อน กลับกลอก

ท่านผู้นำสูงสุด  กล่าวเสริมว่า  การก่ออาชญากรรมในคราบของผู้รับใช้บริการ  ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายของมหาอำนาจผู้อหังการ


 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้พิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงต่อกรณีข้อกล่าวอ้างในการบุกโจมตีญี่ปุ่นด้วยอาวุธปรมาณูในการโฆษณาของอเมริกา ว่า  อเมริกากล่าวอ้างว่า  หากการใช้ระเบิดปรมาณูในฮิโรชิมาและนางะซากิ   ไม่อาจทำให้ ชาวญี่ปุ่น จำนวนสองแสนคน เสียชีวิตได้แล้ว  สงครามโลกก็จะไม่มีวันยุติลง  และสังคมมนุษย์ชาติ ก็จำต้องทนรับการสังหารพี่น้องประชาชนอีก สองล้านคน  ด้วยเหตุนี้ การที่อเมริกา บุกโจมตีญี่ปุ่น ในความเป็นจริงแล้ว ก็คือการรับใช้มนุษย์ชาตินั้นเอง


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า   การโกหก ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ และการหลอกลวงครั้งใหญ่เช่นนี้ ก็กำลังเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งหนึ่งในขณะนี้  ซึ่งตามข้อมูลและหลักฐานที่มีอยู่นั้น  ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน ก่อนการก่ออาชญากรรมของอเมริกาในญี่ปุ่น   ฮิตเลอร์ ในฐานะ ผู้วางรากฐานและปัจจัยหลักที่สำคัญของสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ฆ่าตัวตาย     เช่นเดียวกัน  มูสาลีนีย์ ในฐานะเป็น ผู้วางรากฐานและปัจจัยอื่นๆในสงคราม  ซึ่งก่อนที่จะมีการบุกถล่มนั้น ก็ถูกจับกุมตัว  และก่อนหน้านี้สองเดือน ชาวญี่ปุ่นเอง ก็ได้ออกมาประกาศขอยอมแพ้ ขอยุติสงครามแล้ว 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงเหตุผลที่แท้จริงของอเมริกาในการบุกถล่มญี่ปุ่น ว่า  ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ คือ อเมริกา ต้องการที่จะทำการทดสอบอาวุธชนิดใหม่ของตน คือ อาวุธปรมาณูนิวเคลียร์ ในภาคสนามจริง  ซึ่งการทดลองครั้งนี้ นำมาซึ่งการเข่นฆ่า การสูญเสีย และการเสียชีวิตของพี่น้องผู้บริสุทธิ์ชาว ฮิโรชิมา และนางะซากิ จำนวนมาก    แต่ทว่า ในวันนี้ ในการโฆษณาของตนเอง  กลับอ้างว่า การก่ออาชญากรรรมของตนนั้นอยู่ในคราบและรูปแบบของการบริการรับใช้มนุษย์ชาติ


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ถือว่า ปฏิกิริยาและการเผชิญหน้าอย่างผู้กลับกลอกในเหตุการณ์ ใช้อาวุธเคมีในซีเรีย ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ในการหลอกลวงของระบอบมหาอำนาจผู้อหังการ


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  ประธานาธิบดี และคณะผู้บริหารของอเมริกา ได้ประกาศถึงเส้นสีแดงและขีดอันตรายของการใช้อาวุธนิวเคลียร์หลายต่อหลายครั้งมาแล้ว  ทว่า รัฐบาลอเมริกา เอง ยังได้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วยการมอบให้กับซัดดัมในการบุกโจมตีอิหร่าน ซึ่งมันไม่เพียงแต่ที่เขาจะคัดค้านแต่กลับให้การสนับสนุนส่งเสริม ด้วยการมอบวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอนุภาพทำลายลายล้างสูงจำนวน ห้าร้อยตัน ให้กับซัดดัม จอมเผด็จการแห่งแบกแดด เพื่อนำมาใช้ในการผลิตแก็สพิษในการสังหารพี่น้องชาวอิหร่าน ผู้ปกป้องแผ่นดินอันทรงเกียรติของตนเอง 


ท่านผู้นำสูงสุด ยังถือว่า การสังหารผู้โดยสารจำนวน สามร้อยกว่าคน บนเครื่องบินโดยสารของอิหร่านโดยอเมริกา  และการสนับสนุนในด้านข้อมูลเชิงลึกอย่างเต็มที่ให้กับซัดดัม ก็เป็นหนึ่งผลงานในการก่ออาชญากรรมของอเมริกา    โดย ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า การจุดไฟสงคราม และการสร้างความแตกแยก ก็เป็นอีกคุณลักษณะหนึ่งของระบอบมหาอำนาจผู้อหังการ


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง การเผชิญหน้าระหว่างแนวรบแห่งธรรมะกับแนวรบแห่งอธรรมของมหาอำนาจผู้อหังการตลอดหน้าประวัติศาสตร์  โดยมีการตั้งโจทย์คำถามหลัก ว่า อะไรคือเหตุผลหลักของอเมริกาในการใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนาๆ ต่อสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน??? 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ตอบคำถามดังกล่าว ได้ชี้ถึงปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการก่อตัวของการปฏิวัติอิสลาม  ว่า การปฏิวัติของประชาชาติผู้ยิ่งใหญ่อิหร่าน  และระบอบการเลือกสรรของประชาชาตินี้ ได้ก่อตัวขึ้น ด้วยการประท้วงต่อต้านมหาอำนาจผู้อหังการ และปัจจัยอื่นๆอีกหลายด้าน  มีการพัฒนา และเจริญก้าวหน้า  ด้วยเหตุนี้ มหาอำนาจผู้อหังการ ด้วยคุณลักษณะที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  ไม่อาจที่จะทนรับสภาพของระบอบนี้ได้  เว้นแต่จะต้องพบกับความสิ้นหวังอันเป็นความปราชัยที่เจ็บปวดเท่านั้น

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ถือว่า สืบเนื่องจากความสิ้นหวังของศัตรู   ซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานหลักของความปราชัยของมหาอำนาจผู้อหังการในการดำเนินการใส่ป้ายป้ายสีประชาชาติอิหร่าน อย่างต่อเนื่อง      โดย ฯพณฯ กล่าว ย้ำว่า  ประชาชาติอิหร่านทุกภาคส่วน  บรรดาเยาวชน และทุกคนไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด แม้แต่คนต่างศาสนิกที่มีความรักและเคารพมั่นในแผ่นดินบ้านเกิด จำต้องกระทำและปฏิบัติทุกวิธีทางเพื่อสร้างความสิ้นหวังในใจของศัตรู อีกทั้งให้พวกเขาต้องพบกับความสิ้นหวังในการใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนาๆ ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวชี้ถึง ความเป็นศัตรูอย่างต่อเนื่องของศัตรูในระดับผู้บริหารระดับสูงของอเมริกา ตั้งแต่วันแรกของการปฏิวัติจวบจนวันนี้  ว่า  การปลุกระดมเผ่าพันธุ์  การวางแผนก่อรัฐประหาร  การยุยงซัดดัม และการให้ความช่วยเหลืออย่างไร้ขอบเขตแก่อีรัก  การบอยคอรต์ และการคว่ำบาตรในรูปแบบต่างๆ  เป็นตัวอย่างที่บ่งชี้ในความเป็นศัตรูอย่างต่อเนื่องของอเมริกากับประชาชาติอิหร่าน  โดย เมื่อสามสิบห้าปีที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวโดยตรงในเขตพื้นที่ที่ละเอียดอ่อนของเอเชียตะวันตก   กระนั้นก็ตาม  แม้นว่าจะมีศัตรูรายล้อมอยู่อย่างมากมาย แต่อิหร่านก็ยังสามารถพัฒนาและมีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นแบบอย่างสำหรับประชาชาติทั้งหลายในภูมิภาคอีกด้วย


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ บทบาทของประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน ในการก่อฟิตนะห์ ในปี 88    ว่า   ในสมัยนั้น มีเครือข่ายสื่อสารมลชนแห่งหนึ่ง ที่สามารถให้การช่วยเหลือบรรดาผู้สร้างฟิตนะห์   ซึ่งมีความต้องการในการปรับปรุงซ่อมแซม   แต่ทว่า รัฐบาลอเมริกาชุดนี้แหละที่มิได้ยับยั้ง และสกัดกั้นให้หยุดการดำเนินการดังกล่าว


ท่านผู้นำสูงสุด  กล่าวเสริมว่า  พวกเขายังคงตั้งความหวังอันเลื่อนลอยและมีความโง่เขลาสิ้นดี  ที่คิดว่า โชเซียลมิเดีย  ทวิตเตอร์ และเฟสบุกส์ นั้น สามารถที่จะโค่นล้มและทำลายระบอบอิสลาม นี้ได้ และด้วยเหตุผลอันนี้ จึงได้ทุ่มความสามารถทั้งหมดในการดำเนินการนี้


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การคว่ำบาตร ในรูปแบบต่างๆนาๆนั้น ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของศัตรูในการทำลายอิหร่าน    ซึ่ง ฯพณฯ กล่าวย้ำว่า ปัญญาของพวกเขาคือ  พวกเขายังไม่รู้จักประชาชาตินี้ดีพอ  ไม่รู้จักพลังความศรัทธา และไม่รู้จักความสามัคคี  อีกทั้ง พวกเขาไม่ได้นำเอาความผิดพลาดและความพ่ายแพ้ในอดีตเหล่านั้นมาเป็นบทเรียนและอุทาหรณ์แต่ประการใด


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงนิพจน์อันถาวรของประเทศและระบอบอิสลาม ในช่วง 35  ปีที่ผ่านมา   ว่า  ทุกๆความสำเร็จของเรา และความพ่ายแพ้ปราชัยของมหาอำนาจผู้อหังการ ได้บ่งชี้และพิสูจน์ว่า  พลังอำนาจ และการยืนหยัด คือวิธีการและหนทางเดียวในการคลี่คลายการถูกคุกคามและการร่นถอยของศัตรู ซึ่งประชาชาตินี้ ก็ย่อมรู้ดีในประเด็นข้อเท็จจริงประการนี้ 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงประเด็นการเจรจานิวเคลียร์ และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ ว่า ข้าพเจ้าขอสนับสนุนรัฐบาล  คณะผู้บริหารภายในประเทศ และเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการเจรจาครั้งนี้ อย่างจริงจัง  เพราะการให้การสนับสนุนยังทุกรัฐบาลนั้น ถือเป็นกิจของข้าพเจ้า


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  ข้าพเจ้าเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหาร มาหลายสมัย  ซึ่งได้สัมผัสและลิ้มรสแห่งความหนักอึ้งและความยากลำบากของงานบริหารมาแล้ว และข้าพเจ้าเองก็ย่อมรู้ดีว่า บรรดาคณะผู้บริหารต้องการความช่วยเหลือและแรงสนับสนุน  และด้วยเหตุนี้เองข้าพเจ้าขอสนับสนุนอย่างจริงจังต่อรัฐบาลและคณะผู้บริหารชุดปัจจุบัน


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ทว่า  อีกด้านหนึ่งนั้น  ข้าพเจ้าขอกำชับในการพิสูจน์และยืนหยัดในสิทธิของประชาชาติอิหร่าน รวมทั้ง ประเด็นสิทธินิวเคลียร์ด้วย  และขอย้ำว่า อย่าได้ละเลยและล่าถอยในสิทธิของประชาชาติอิหร่านแม้แต่ก้าวเดียว


 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ข้าพเจ้าจะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวในรายละเอียดของการเจรจา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีเขตเส้นสีแดง ที่จำต้องพึงระมัดระวังไว้จงดี  และบรรดาเจ้าหน้าที่ก็จำต้องระมัดระวังในเขตเส้นสีแดงอันนี้ด้วย   และอย่าได้หวาดกลัวและหวาดผวาต่อการสร้างภาพบรรยากาศแวดล้อมและแรงคุกคามของของศัตรูเป็นอันขาด 


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า เหตุผลหลักของการคว่ำบาตรและการปฏิปักษ์ต่ออิหร่าน  คือ ความอาฆาตพยาบาทของมหาอำนาจผู้อหังการอเมริกา   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ความอาฆาตพยาบาทของอเมริกาที่มีต่อประชาชาติอิหร่านนั้น เสมือนการอาฆาตพยาบาทของอูฐ  และเป้าหมายในการกดดันและคว่ำบาตรอิหร่าน ก็เผื่อประชาชาติอิหร่านจะยอมสยบแก่พวกเขาเท่านั้น   แต่ทว่า พวกเขาคิดผิดแล้ว   เพราะ แม้นว่าจะถูกแรงกดดันและคว่ำบาตรมากสักเพียงใดก็ตาม ประชาชาติอิหร่านก็จะไม่มีวันยอมสยบให้กับผู้ใดเป็นอันขาด

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า จากของการถูกคว่ำบาตรครั้งนี้   ด้วยความโปรดปรานและพระกรุณาธิคุณของพระผู้อภิบาล  ประชาชาติอิหร่านจะสามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงจุดอ่อนของประเด็นการตัดสินใจ และการกำหนดแผนงานด้านเศรษฐกิจในประเทศ อีกทั้งความคาดเดาของศัตรูที่อาศัยจุดอ่อนนี้ในการทำลาย   ว่า  มันเป็นสิ่งที่ค้านกับความคาดเดาของศัตรู  เพราะในแรงกดดันและการถูกคว่ำบาตรครั้งนี้ มันเป็นโอกาสสำหรับเราที่จะกำจัด ปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  การคว่ำบาตรไม่อาจส่งผลกระทบแต่ประการใด  และอเมริกาเองก็ได้ตระหนักและรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี  เพราะ ในขณะที่มีการคว่ำบาตรนั้น ก็ได้ใช้มาตรการคุกคามทางทหารควบคู่ไปด้วย และสิ่งนี้บ่งชี้ว่า การคว่ำบาตรนั้นไม่บรรลุผลตามเป้าหมายที่วางไว้ 



ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ว่า การคุกคามทางทหารนั้น  ประธานาธิบดีและคณะผู้บริหารอเมริกา ได้เอ่ยพูดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  อันเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยงและต่ำทรามที่สุด


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ประธานาธิบดีอเมริกา และคณะผู้บริหารประเทศอเมริกา แทนที่จะมาคุกคามทางทหารต่อสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ควรที่จะกลับไปคิดใคร่ครวญในเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังจะล่มสลาย และทฤษฎีของตนเองเสียดีกว่า กลับไปคิดเสียเถอะว่า จะทำอย่างไรให้รัฐบาลนั้นไม่ต้องเจอกับสภาวะการประกาศหยุดราชการมากไปกว่าสองสัปดาห์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว  


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ประชาชาติอิหร่านจะให้การเคารพแก่ประชาชาติและประเทศทั่วโลก แต่สำหรับประเทศที่ประกาศศัตรูกับอิหร่าน แล้วนั้น ก็จะทำการตอบโต้พวกเขาอย่างสาสมและจะต้องเสียใจที่สุด และจะโต้ตอบเสมือนกับการตบหน้าที่จะฝากรอยแผลเป็นไปยังศัตรูตลอดชั่วกัลปาวสาน 


 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า คณะผู้บริหารอเมริกาที่มีความระมัดระวังเป็นพิเศษต่อท่าทีคำพูดในการแสวงหาความพึงพอใจของเครือข่ายนายทุนยิวไซออนิสต์ นั้น พึงรู้ว่า ซึ่งสิ่งนี้ เป็นบ่อเกิดแห่งความคาดเดา ต่ำต้อย และไร้ศักดิ์ศรีและเกียรติยศสิ้นดี   โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  รัฐเถื่อนไซออนิสต์ ถูกตราหน้าและถึงวาระที่ต้องล่มสลาย   เพราะรัฐเถื่อนไซออนิสต์ผู้น่าอนาถ ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยการใช้อำนาจบาตรใหญ่และการกดขี่  ซึ่งทุกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการกดขี่และถืออำนาจบาตรใหญ่ ล้วนแล้วจะไม่ยั่งยืน 



ท่านยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวเสริม  โดย แสดงความน่าเวทนา จากการประจบสอพลอ ของรัฐบาลแห่งชาติยุโรปบางประเทศที่มีต่อยิวไซออนิสต์    ซึ่ง ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาหาใช่มนุษย์      โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า ในห้วงเวลาหนึ่ง  ชาติฝรั่งเศสได้รับเกียรติและความไว้วางใจทางการเมือง  ด้วยเหตุผลแห่งการยืนหยัดของประธานาธิบดีในประเทศในการเผชิญหน้ากับอังกฤษ และอเมริกา   แต่ทว่าในวันนี้ นักการเมืองฝรั่งเศส ไม่เพียงแต่จะแสดงความต่ำต้อยกับอเมริกาเท่านั้น ในการเผชิญหน้ากับ สุนัขอัปมงคล สุนัขโสมม ยิวไซออนิสต์ ก็แสดงออกถึงความต่ำต้อยอัปยศเช่นกัน  อันเป็นความล้มเหลวของรัฐบาลฝรั่งเศสอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจำต้องหาแนวทางในการเยียวยารักษาในสิ่งนี้



ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงความหมายที่แท้จริงของ บาสิญ ว่า บาสิญคือ การปรากฏตัวของพี่น้องประชาชนในทุกภาคสนาม   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า สิ่งนี้เป็นเรื่องหลักที่ชัดแจ้งไม่มีข้อครางแคลนสงสัยใดๆ ว่า ที่ใดที่พี่น้องประชาชนได้ออกมามีส่วนร่วมในภาคสนาม อีกทั้งมีความสามัคคีและความเป็นเอกภาพแล้ว ย่อมประสพชัยชนะอย่างแน่นอน


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า บาสิญ คือการฉายภาพลักษณ์แห่งการปรากฏอันจำเริญ  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า บาสิญสามารถก้าวผ่านบททดสอบแห่งความซื่อสัตย์ในทุกขั้นตอนและในทุกสมัยอย่างดีเยี่ยม

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ผู้ใดที่เชื่อมั่นในคุณค่าของอิสลาม  อีกทั้งให้การเคารพและให้เกียรติในความเหน็ดเหนื่อย ความอุตสาหะวิริยะ  การต่อสู้ต่างๆ และการบริการรับใช้ของบาสิญ  ถือว่าเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกบาสิญเช่นกัน    แม้นว่าเขาจะเป็นสมาชิกขององค์กร เครือข่ายของบาสิญ หรือไม่ใช่สมาชิกองค์กรของบาสิญก็ตาม


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า พลังความสามารถของบาสิญ สามารถที่จะคลี่คลายกิจการงานในทุกภาคสนาม พร้อมกับชี้ถึงการเข้าร่วมอย่างแพร่หลายของพี่น้องประชาชนจากทุกภาคส่วนในกองกำลังบาสิญ ทั้งในระดับบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์  วัฒนธรรม บันเทิง การเมือง และสังคม    ว่า ความสามารถของบาสิญ จำต้องมีการยกระดับและพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า  การยึดมั่น ใน “ข้อปฏิบัติด้านศีลธรรม การปฏิบัติและสังคม” นั้น เป็นบ่อเกิดแห่งการพัฒนา การเจริญเติบโต และความก้าวหน้าอันสูงสุดของบาสิญอย่างต่อเนื่อง   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า การเสริมสร้างความอดทน การเสียสละ การนอบน้อม  การเพิ่มพูนความสามารถภายใน  การมีทิศทาง  การเผชิญหน้ากับพี่น้องประชาชนอย่างมีเมตตาธรรม  และการมีปฏิสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับแวดล้อมและสังคม  และความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อรับใช้ประเทศชาติ  ก็เป็นอีกหนึ่งความจำเป็นที่จะสามารถพัฒนากองกำลังอาสาสมัครบาสิญในประเทศให้ก้าวถึงยังเป้าหมาย และจะสามารถส่งผลกระทบที่น่าทึ่งได้อย่างมากมายยิ่งนัก


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า ด้วยคุณลักษณะเช่นนี้ของบาสิญ จะสามารถเป็นพลังแห่งการยืนหยัด  ความมั่นคง ความน่าเกรงขาม และความภาคภูมิใจของระบอบอย่างแน่นอน  และขอสรรเสริญพระองค์ ที่บาสิญของเราก็มีคุณลักษณะเช่นนี้

ในช่วงท้ายของการปราศรัยครั้งนี้ ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงบรรดาเยาวชน ว่า  เป็นที่ชัดเจนว่า อนาคตอันสดใสของประเทศชาติ และความหวังของประเทศและระบอบอิสลามนั้น ขึ้นอยู่กับพวกท่านทั้งหลาย  และพวกท่านที่เป็นเยาวชนทั้งหลาย สามารถที่จะนำพาประเทศชาติสูจุดสูงสุดและความสำเร็จอย่างแน่นอน  อีกทั้งสามารถจัดตั้งแบบอย่าง ต้นแบบที่สมบูรณ์แบบของอารยะธรรมอิสลามสมัยใหม่ได้เป็นแน่แท้


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า สิ่งจำเป็นในการปฏิบัติภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งเช่นนี้จากพวกท่านบรรดาเยาวชนทั้งหลาย นั้น คือ การเสริมสร้างความศรัทธาทางศาสนา  ความยำเกรง ความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ ความรู้ความสามารถ  ความร่าเริงและเบิกบานในการงาน  ความซื่อสัตย์สุจริต  การรับใช้สังคม และการกีฬา 


700 /