เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา บรรดาปัญญาชนดีเด่นระดับประเทศจากมหาลัยต่างๆจำนวน สองพันกว่าคน ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม โดยใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ในการพบปะครั้งนี้ ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดได้อธิบายมุมมองต่างๆและความท้าทายต่างๆของตน อีกทั้ง ท่านผู้นำสูงสุดได้นำเสนอประเด็นความจำเป็นในขอบขีดความสามารถ “ ความต่อเนื่องของความเจริญก้าวหน้า และการก้าวกระโดดภายในเชิงวิทยาศาสตร์” ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นประเด็นหัวข้อหลักในการไปถึงจุดสูงสุด “แห่งความเจริญก้าวหน้า เกียรติยศศักดิ์ศรีและความสมบูรณ์” ของอิหร่าน
ในการพบปะระหว่างท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กับปัญญาชนที่รักยิ่งครั้งนี้ ฯพณฯ ถือว่า ปัญญาชนเสมือนดังปัจจัยสร้างแห่งความหวานชื่นอยู่เสมอ สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นปัจจัยสร้างแห่งการปฏิบัติ การกระทำในเวทีทางการเมืองและการกำหนดวางแผนนโยบายต่างๆ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า บรรดาปัญญาชนระดับเยาวชนของชาติ คือโปรแกมเมอร์ และวิศวกรแห่งความก้าวหน้าล้ำยุคของประเทศ
ท่านผู้นำสูงสุด ย้ำถึงนโยบายแห่งความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และการก้าวกระโดด นั้นเป็นรากฐานหลักของแผนนโยบายของระบอบอิสลาม พร้อมกับกล่าวย้ำว่า บรรดาเยาวชนระดับมันสมองของประเทศและผู้บริหารระบอบอิสลาม ได้บทสรุปและผลลัพธ์ ที่ว่า หากการฝ่าฝันอุปสรรค์ปัญหา ภัยอันตราย และความสั่นคลอนต่างๆนานา จำต้องพึ่งรากฐานบางประการแล้ว แน่นอนยิ่ง หนึ่งในรากฐานอันนั้นก็คือความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นั้นเอง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงความสามารถพิเศษที่เหนือชั้นของเยาวชนภายในประเทศว่า ปัญญาชนระดับเยาวชนชาวอิหร่าน สามารถนำพาประเทศชาติและประชาชาติอิหร่านไปถึงจุดสูงสุดและจุดสุดยอดแห่งความเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้าน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ความสามารถพิเศษของปัญญาชนชาวอิหร่าน นั้น อยู่ในระดับขั้นที่สามารถบรรลุผลตามเป้าหมายแห่งวิทยาศาสตร์และความเจริญก้าวหน้าที่มีอยู่ในโครงสร้างขั้นพื้นฐานของประเทศ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า เหตุผลที่ “ ความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์” เป็นวาทะกรรมหลักของประเทศนั้น เพราะว่า ความเจริญก้าวหน้าที่แท้จริง จะไม่มีวันบังเกิดเป็นจริงได้ หากปราศจากความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ทั้งนี้ ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์จำต้องพึ่งพาอาศัยความสามารถและภูมิปัญญาภายในประเทศ เพราะ การขับเคลื่อน การก้าวกระโดดและความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ภายใน นั้น เป็นปัจจัยเหตุในการสร้างความแข็งแกร่ง ความเชื่อมั่น คุณค่า ศักดิ์ศรี ความยิ่งใหญ่และความโดดเด่นของประเทศ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำ ว่า การสร้างความเจริญก้าวหน้าจากภายในนั้น จะสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์และไมตรีสัมพันธ์ที่ดี อีกทั้งเป็นการปูทางในการกระชับความสัมพันธ์นานาประเทศในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี พร้อมกับกล่าวย้ำ ว่า บรรดาปัญญาชนระดับเยาวชนและคณะผู้บริหารประเทศทุกท่าน พึงรู้ว่า นโยบายหลักของกลุ่มแนวรบ ซึ่งในวันนี้กำลังเผชิญหน้าต่อสู้กับระบอบอิสลามนั้น คือ การสกัดกั้นและบั่นทอนอำนาจความแข็งแกร่งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของอิหร่าน
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า ในการวิเคราะห์ทุกปัญหาเหตุการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาตินั้น จำต้องมีมุมมองและโลกทัศน์แห่งข้อเท็จจริงและมหาภาคของผู้ปกครอง ซึ่งในโลกนี้ยังมีแนวรบของมหาอำนาจที่ไม่ปรารถนาให้อิหร่านแห่งอิสลาม กลายเป็นชาติมหาอำนาจ และมีความแข็งแกร่งในทุกๆด้าน โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง บทความของนักวิชาการบางท่าน ในระดับชั้นแนวหน้าของอเมริกาและชาติตะวันตก ซึ่งในช่วงเริ่มแรกในชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม ว่า ในบทความเหล่านี้ ได้มีการย้ำเตือนยังหน่วยงานทางการเมืองของตะวันตก ว่า การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน มิได้หมายถึงการเปลี่ยนระบบการปกครอง ทว่า ชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามนั้น มันหมายถึง การปรากฏขั้วมหาอำนาจใหม่ในเขตภูมิภาคตะวันตกของเอเชีย ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้ภูมิภาคนี้ซึ่งเป็นเขตพื้นที่สำคัญและมีความร่ำรวยอย่างมหาศาลนั้น ต้องหลุดมือจากอำนาจครอบครองของตะวันตกเป็นได้ หรือ อาจทำให้การครอบครองนั้นเริ่มมีความสั่นคลอน อีกทั้งจะทำให้โลกตะวันตกต้องเผชิญหน้าและพบกับความท้าทายในด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า สามทศวรรษที่ผ่านมานั้น ฝันร้ายของของตะวันตกและอเมริกาได้กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เนื่องจากได้ปรากฏชาติมหาอำนาจในภูมิภาค ซึ่งการกดดันในทุกรูปแบบไม่ว่า ด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคงและการโฆษณาชวนเชื่อ ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ชาติแห่งนี้ล้มสลายแต่ประการใด แต่ขณะเดียวกันชาติมหาอำนาจนี้กลับกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติในภูมิภาค อีกทั้งยังได้มอบคุณค่าแห่งความเป็นอัตลักษณ์ที่แท้จริงให้กับมวลมุสลิมอีกด้วย
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในภูมิภาค และแอฟริกาเหนือ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และปฏิกิริยาของอเมริกาและชาติตะวันตก ว่า การตื่นตัวของประชาชาติ และการยืนหยัดต่อสู้ด้วยมือที่ว่างเปล่า ในการเผชิญหน้าการพฤติกรรมและการกระทำในลักษณะดูหมิ่นและเหยียดหยามของตะวันตกและอเมริกา นั้น เป็นปรากฏการณ์และเหตุการณ์ครั้งใหญ่ ซึ่งมันได้เกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งค้านกับจินตนาการของตะวันตกอย่างสิ้นเชิง และสิ่งนี้มันยังไม่จบและไม่หยุดนิ่งเพียงเท่านี้
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ เสมือนเป็นเกลียวและวงล้อแห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งภูมิภาคนี้กำลังจะก้าวข้ามมัน โดยที่บทสรุปของมันนั้นยังไม่ถึงจุดสุดท้ายอีก และชาติตะวันตกทั้งหลายก็กำลังหวาดผวาต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากความบารอกัตของการปฏิวัติอิสลาม เพราะว่า เริ่มแรกและเริ่มต้นแห่งชัยชนะนั้น ก็ได้ประกาศแจ้งถึงข่าวดีในการปรากฏของมหาอำนาจแห่งชาติ ที่มีความลุ่มลึก ศรัทธามั่น ยืนหยัดมั่นคง มากความสามารถ และก้าวสู่การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองและสูงส่ง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงปัจจัยเหตุของความต่อเนื่องของมหาอำนาจแห่งชาติ ในการปกป้องวิทยาศาสตร์ของประเทศแบบก้าวกระโดดนั้น ถือเป็นพื้นฐานที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง พร้อมกับกล่าวย้ำว่า การบังเกิดและบรรลุซึ่งสาส์นครั้งประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติอิสลามนั้น จำต้องอาศัย การขับเคลื่อนแบบก้าวกระโดดในด้านวิทยาศาสตร์ และอย่าได้หยุดนิ่ง ลังเล และเกียจคร้าน เป็นอันขาด
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า สังคมแห่งความเบิกบานและความร่าเริงของปัญญาชน กระทรวงวิทยาศาสตร์ การศึกษาและเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และแพทย์ศาสตร์ และฝ่ายศึกษาธิการประจำทำเนียบประธานาธิบดี ล้วนแล้วเป็น 4 รากฐานหลักที่สำคัญของความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนด้านวิทยาศาสตร์แบบก้าวกระโดดในประเทศ และท่านผู้นำสูงสุด ยังได้ชี้ถึงความสำคัญของฝ่ายศึกษาธิการประจำทำเนียบประธานาธิบดี ว่า ตำแหน่งดังกล่าว และมูลนิธิปัญญาชนซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานดังกล่าวนั้น ต้องแบกรับภาระหน้าที่ที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในกระบวนการพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ของอิหร่าน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง การรับใช้ของ นาย วาอิศ ซอเดะห์ และ นาง สุลตอน ฆอห์ อดีตหัวหน้าของตำแหน่งดังกล่าว และการประกาศแต่งตั้ง นาย ซัตตารีย์ ให้ดำรงตำแหน่งฝ่ายศึกษาธิการคนใหม่ ว่า คณะผู้บริหารชุดใหม่ของฝ่ายการศึกษา อย่าได้เริ่มต้นภารกิจและกิจการงานด้วยการนับหนึ่งใหม่เป็นอันขาด ทว่า จำต้องยึดและอาศัยยังกิจการงานที่โดดเด่นที่ได้ปฏิบัติมาแล้ว และยึดในจุดแข็งที่มีอยู่ เพื่อสามารถขจัดข้อบกพร่อง และอุปสรรค์ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กำชับและชี้แนะ ยัง มูลนิธิปัญญาชนในการสานต่ออย่างจริงจังในกิจการงานและเอื้ออำนวย เตรียมความพร้อมในการสร้างความเบิกบานและความร่าเริงในด้านวิชาการให้มากขึ้น พร้อมกับกล่าวย้ำว่า หากเป้าหมายดังกล่าวบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เหล่าปัญญาชน และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและในประเทศ ต่างก็จะมุ่งหาอิหร่านในทันที และจะสามารถพัฒนากิจการความเคลื่อนไหวและความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การประดิษฐ์และการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆด้านวิทยาศาสตร์ จะก่อให้เกิดผลกระทบในกระบวนการพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดทางวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น พร้อมกับกล่าวเสริมว่า บรรดาคณะผู้บริหารกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง จำต้องมีความมุ่งมั่นและพยายามอย่างสุดความสามารถในการแพร่ขยายและส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆทางวิทยาศาสตร์ ให้บังเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า วิสัยทัศน์อันถาวรของการขับเคลื่อนด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ นั้น เพื่อสามารถค้นหาอุปสรรค์ปัญหา และนำมาแก้ไขปรับปรุง ซึ่งจะเป็นปัจจัยพื้นฐานในการเสริมสร้างความร่าเริงเบิกบานและการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศได้เป็นอย่างดี
ซึ่ง ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบในทุกภาคส่วน ทั้งในระดับศูนย์อำนวยการ วิชาการ และการบริหารจัดการ จำต้องทำลายและกำจัดระบบที่ไม่มีความสอดคล้องร่วมมือกัน แล้วร่วมผนึกกำลังในภาระหน้าที่ที่มีอยู่ในการสร้างระบบใหม่ที่มีความสามัคคีและร่วมมือร่วมใจกันให้เกิดขึ้น
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำ จงสร้างเวทีการแข่งขันที่จริงจัง ยิ่งใหญ่ และจริงแท้ ในประเด็นการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนี้คือแผนงานสำคัญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ในวิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาเอก นั้น จงมีความสร้างสรรค์และให้ความสำคัญอย่างแท้จริงในประเด็นนวัตกรรม และการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ และให้ถือสิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นหลักการประเมินพิจารณาและให้คะแนนเป็นที่ตั้งการไม่หยุดนิ่งและเพียงพอในด้านการพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าที่มีอยู่นั้น เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้อธิบายในการพบปะครั้งนี้
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า การเจริญเติบโตและการก้าวกระโดดทางวิทยาศาสตร์ของอิหร่านนั้น หากเปรียบเทียบกับสถิติระดับโลกนั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์และระดับที่ดี แต่ทว่าสิ่งนี้ มิได้หมายความว่า ได้ก้าวถึงยังเป้าหมายหรือใกล้ชิดยังเป้าหมายแล้ว เพราะในอดีตนั้นเราตกอยู่ในความล้าหลังและตกขบวนของคาราวานด้านวิทยาศาสตร์ระดับโลกมากพอสมควร อีกทั้งชาติต่างๆก็ยังมีการพัฒนาและก้าวสู่ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวสรุปผลลัพธ์โดยอาศัยการกล่าวอ้างยังข้อเท็จจริง ว่า จำต้องรักษาการก้าวกระโดดที่มีอยู่ แล้วก้าวพัฒนามุ่งสู่ระดับแนวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของโลกให้ได้ และด้วยความช่วยเหลือของพระผู้อภิบาล ด้วยความเพียรพยายาม และความมุ่งมั่นของเหล่าปัญญาชนระดับมันสมองของประเทศที่มากด้วยความสามารถ และนักกิจกรรมความเคลื่อนไหวของประเทศ เพียงแค่ระยะเวลา 4 หรือ 5 ทศวรรษ ก็จะสามารถทะยานขึ้นเป็นมหาอำนาจและศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์ของโลกอย่างแน่นอน
ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวเสริมว่า จงมุ่งคิดในอนาคตอันเจิดจรัสและในสิ่งที่สามารถก้าวและเอื้อมถึง อันจะผลักดันให้อิหร่านสามารถไปถึงจุดสูงสุดระดับวิทยาศาสตร์ และผู้ใดที่ประสงค์จะศึกษาค้นคว้าในด้านวิทยาศาสตร์ชนิดใหม่ๆแล้ว เขาจำต้องเรียนรู้ภาษาเปอร์เซียเสียก่อนเป็นอันดับแรก
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ตำหนิในประเด็นการไม่สัมฤทธิ์ผลอย่างแท้จริงในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์กับอุตสาหกรรม ว่า สืบเนื่องจากความต้องการอันสำคัญและกว้างขวาง อีกทั้งความจำเป็นอย่างแท้จริงในการพึ่งพาซึ่งกันและกันระหว่างมหาวิทยาลัยกับสถาบันอุตสาหกรรม นั้น ทว่า จนถึงขณะนี้ ความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ และความสัมพันธ์ในเชิงตรรกะ ระหว่างสถาบันการศึกษาวิจัยและวิทยาศาสตร์ กับโรงงานต่างๆ และสถาบันการผลิตภายในประเทศนั้นยังไม่บังเกิดและก่อรูปร่างขึ้นมาอีก แต่ประการใด
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเข้าหาซึ่งกันและกัน ระหว่างบริษัท โรงงาน และสถาบันการศึกษาวิจัยและมหาวิทยาลัยนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับกล่าวเสริมว่า หากในทุกปี สามารถประจักษ์เห็นถึงการบริหารและดำเนินการในโครงการต่างๆนับร้อยโครงการ ด้านการศึกษาวิจัยภายในประเทศที่เป็นที่ต้องการของสถาบันอุตสาหกรรม ภายในมหาวิทยาลัยแล้ว แน่นอนยิ่งความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็จะบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
ในช่วงท้ายของคำปราศรัยครั้งนี้ ท่านผู้นำสูงสุด ได้ กำชับแด่สังคมแห่งปัญญาชน ให้มีความยำเกรง และให้ความสำคัญในเรื่องจิตวิญญาณให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ความสะอาดบริสุทธิ์ของหัวใจ และความเจิดจรัส สง่างามของเยาวชนในระดับปัญญาชนนั้น จะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ดีที่สุดในการดึงดูดความเมตตาของพระองค์ และเป็นแนวทางที่ง่ายดายอย่างยิ่งต่อการพัฒนา และความเจริญก้าวหน้าในการยกระดับคุณภาพทางวิทยาศาสตร์ได้เป็นอย่างดี