สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำเตือนกับข้าราชการ

เจ้าหน้าที่และข้าราชการระดับสูงเข้าพบท่านผู้นำ

เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (๒๑)  เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสาธารณรัฐอิสลามเข้าพบ   ฯพณฯ อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม    ซึ่ง ฯพณฯ ถือว่า การส่งมอบหน้าที่การงานให้กับฝ่ายบริหาร นั้น เป็นโอกาสที่จำเริญยิ่ง  สำหรับการสานต่อในการกำหนดแผนงานและวางแผนที่สอดคล้องกับทักษะการอ่านของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ในทุกประเด็นเรื่องภายในประเทศ    พร้อมกันนั้น ฯพณฯ ได้อธิบายข้อเท็จจริงในด้านประวัติศาสตร์และข้อเท็จจริงในวันนี้ภายในประเทศ ว่า  ประเด็นเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องนั้น  จำต้องเป็นภารกิจที่เร่งด่วนและจัดอยู่ในลำดับต้นๆในภาระกิจหน้าที่ของบรรดาผู้บริหารระดับสูงของประเทศ


ในช่วงแรกของการปราศรัย   ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมนอี  ได้ขอบคุณเอกองค์องค์อัลลอฮ์(ซบ)  อันเนื่องจากสามารถสัมผัสกับเดือนรอมฎอนอันจำเริญอีกครั้งหนึ่งในปีนี้  และสามารถใช้ประโยชน์จากความจำเริญของเดือนนี้     โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวว่า   หนึ่งในพันธะกิจของมนุษย์คือ  หลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือและความโปรดปรานจากพระองค์แล้ว จำต้องมีการเพิ่มพูนความนอบน้อม ถ่อมตน  และตะวัซซุล ยังพระองค์มากยิ่งขึ้น


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง การช่วยเหลือของพระองค์อย่างต่อเนื่องที่มีเหนือประชาชาติอิหร่าน  ว่า   การช่วยเหลือและความโปรดปรานจากพระผู้อภิบาลครั้งล่าสุด นั้น  คือ การช่วยเหลือครั้งยิ่งใหญ่ในการรังสรรค์ วีรกรรมการเมืองในการเลือกตั้งประธานาธิบดี  ซึ่งผลกระทบของวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้  จะค่อยๆทยอยปรากฏในทุกภาคส่วนของสังคมอย่างแน่นอน


ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมนอี  ถือว่า   การขับเคลื่อนทางการเมืองของประชาชาติอิหร่านครั้งยิ่งใหญ่  ซึ่งเกิดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันในวาระเข้าสู่เดือนรอมฎอนอันจำเริญนั้น เป็นความโปรดปรานหนึ่งจากพระองค์อัลลอฮ์(ซบ)   ซึ่ง ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า   เดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งรอฮ์มัต  เป็นเดือนแห่งความเมตตา และเป็นเดือนแห่งมัฆฟิรัต เดือนแห่งการอภัยโทษจากพระองค์   เดือนแห่งการเตาบะห์และเดือนแห่งการคืนกลับสู่พระองค์   และด้วยกับความบารอกัตทั้งหลายของเดือนนี้   การวิงวอนขอดุอาอ์ และการปฏิบัติอะมั้ลของตัวเองนั้น  จะเป็นการปูทางในการสร้างความตะวัชชุห์  ความนอบน้อมให้กับมนุษย์มีความใกล้ชิดกับเอกองค์อัลลอฮ์(ซบ) ได้มากยิ่งขึ้น   ซึ่งทุกคนล้วนแล้วจำต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสอันมีค่า  ที่ยิ่งใหญ่  และพิเศษ เช่นนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้


  ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การรำลึกถึงพระองค์อย่างเนืองนิจ ไม่ว่าจะยามทุกข์สุก หรือในยามเดือดร้อน คือหลักประกันที่ดียิ่งในการจารีตจิตวิญญาณของมนุษย์    ซึ่ง ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  ทั้งนี้ การตะวัชชุห์ และการตะวัซซุล จำต้องนำมาซึ่งภาคปฏิบัติ   ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว   ความเมื่อยล้า   ความเฉื่อยชา ความหยุดนิ่ง   ความสิ้นหวัง และการกลับคืนสู่ความล้าหลัง ก็จะไม่หลงเหลือและจะถูกขจัดไปอย่างหมดสิ้น


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ทั้งนี้การปรากฏของอะมั้ลเช่นนี้ จำต้องอาศัยความขันติ ความอดทน และการมอบหมายหมายตนยังอัลลอฮ์(ซบ)เท่านั้น     โดยกล่าวย้ำว่า   ความอดทนและขันติ ในที่นี้คือ การยืนหยัด  มั่นคง และการไม่ลืมเป้าหมาย   และ การตะวักกัล การมอบหมายตนยังอัลลอฮ์ คือ การปฏิบัติภารกิจ แล้วมอบหมายการงานที่ได้ปฏิบัติและผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นยังพระองค์

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายถึงบทบาทของการอดทนและการตะวักกัล ในการงานส่วนตัวปัจเจกบุคคล  และเช่นเดียวกันในกิจการงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ อันมีองค์ประกอบหลักและองค์ประกอบขั้นพื้นฐานที่เป็นสององค์ประกอบหลักที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทาง    โดย กล่าวย้ำว่า  องค์ประกอบแรก คือการเลือกทิศทางที่ถูกต้อง  และการปกปักษ์รักษาทิศทางอันนั้นให้ถูกต้องตลอดไป 

 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า   หากมีการเลือกทิศทางที่ผิดและไม่ถูกต้อง   ไม่ว่าเราจะมีความพยายามมากเป็นทวีคูณก็ตามแต่  ก็จะไม่ทำให้เราไปถึงยังเป้าหมายได้ มิหนำซ้ำมันจะยิ่งห่างไกลจากเป้าหมายมากยิ่งขึ้น


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ได้อธิบายในการเลือกและกำหนดทิศทางที่ถูกต้องในการบริหารประเทศ ด้วยการทบทวนคำปราศรัยของท่าน ที่มีขึ้นในงานวันอสัญกรรมของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ในปีนี้  ว่า  เหมือนดังที่เคยกล่าวย้ำมาแล้วในวันนั้น  ว่า การกำหนดทิศทางที่ถูกต้องของการปฏิวัติและการบริหารประเทศนั้นจำต้องวางอยู่บนพื้นฐานของทักษะการอ่านที่เป็นสิ่งที่ถูกยอมรับของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)    และมันชัดเจนและชัดแจ้งในทุกๆด้านและทุกๆภาคส่วน  โดยไม่จำเป็นต้องมีการพิจารณาทบทวนอีกครั้งในการกำหนดทิศทางเหล่านั้น 


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) คือ นักปราชญ์  นักนิติศาสตร์ที่มีความสมถะ ช่ำชองเฉลียวฉลาด  ปรีชาญาณ และรู้แจ้ง  โดย กล่าวย้ำว่า  ทักษะการอ่านของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ในด้านคำปราศรัย บทประพันธ์ และผลงานต่างๆ  อาทิเช่น พินัยกรรมของท่านนั้น เป็นสิ่งที่ชัดเจนและชัดแจ้ง   ซึ่งถือเป็นฮุจญัต ข้อพิสูจน์สำหรับทุกคน  และเป็นดัชนีชี้วัดที่ถูกยอมรับของเหล่าปัญญาชน   เหล่าอัจฉริยะ  คณะผู้บริหาร และประชาชนในประเทศทุกคน   ทั้งนี้ในบางครั้งก็มีการอธิบายทัศนะของท่านอิมามโคมัยนีในทิศทางที่ผิด  ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เลวร้าย และอันตรายอย่างยิ่งยวดที่จะติดตามมา 



ท่านผู้นำการปฏิวัติกล่าวเสริมว่า  การกำหนดทิศทางที่ถูกต้องนั้น ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้กำหนดมาแล้วทั้งสิ้น    ซึ่งจำเป็นต้องมีการแสดงบทบาทที่โดดเด่นและบทบาทหลักที่สำคัญทั้งในด้านนโยบายมหาภาคและจุลภาคในการบริหารประเทศให้เป็นที่ประจักษ์ชัดเท่านั้น 


ท่านผู้นำการปฏิวัติ กล่าวเสริม ถึงองค์ประกอบร่วมที่มีส่วนสำคัญและเกี่ยวข้องกับความอดทนและการตะวักกัลในการบริหารประเทศนั้น   คือการประยุกต์ใช้สื่ออุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ และพลังงาน อีกทั้งให้ความสำคัญในการจัดลำดับความสำคัญ   และจากนั้น ก็ทำการพิจารณาข้อเท็จจริงในภาพรวมที่มีอยู่ในประเทศ


 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี    ได้กล่าวในปฐมบทส่วนหนึ่งของการปราศรัยครั้งนี้  ซึ่งฯพณฯ ถือว่า  ห้วงเวลาแห่งการส่งมอบตำแหน่ง และอำนาจในการบริหารรัฐนั้น เป็นห้วงเวลาที่ดีงามและจำเริญยิ่ง      โดย กล่าวย้ำว่า  การเข้ามามีส่วนรวมขององค์สมาชิกที่หลากหลาย  มุมมองทัศคติ  การคิดค้นประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ และรสนิยมที่ทันสมัย ภายใต้ “ เวทีแห่งการถ่ายโอนอำนาจ”  นั้น  เป็นวันอีด วันแห่งการเฉลิมฉลอง   และเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง ถูกวิธีและเหมาะสม


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า อัลฮัมดุลิลลาห์  ในการถ่ายโอนอำนาจการบริหารประเทศในสาธารณรัฐอิสลามนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่น  ความปิติสุข และความดีงามควบคู่เสมอ   เว้นแต่ในปี  88   เท่านั้น ที่บางคนได้กระทำในสิ่งที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง ที่ต้องการนำประเทศสู่ความหายนะ 


ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า องค์สมาชิกและกลุ่มบุคคลผู้มีภูมิปัญญา มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่ก้าวสู่เวทีแห่งนี้ จำต้องอาศัยการงานที่ได้กระทำและปฏิบัติมาแล้ว  และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของประเทศให้สูงขึ้นกว่าเดิม

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึง  การปฏิบัติงานต่างๆที่มากมายและกิจการงานที่โดดเด่นของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ว่า  ทุกคณะสมาชิก จำต้องเลี้ยวมองยังคณะชุดก่อนหน้าตัวเอง ซึ่งจำต้องเป็นการมองในเชิงบวก   และช่างเป็นสิ่งที่ทรงค่ายิ่ง หากรัฐบาลชุดต่อไป มีความพยายามที่เท่าเทียมกันหรืออาจจะมีความพยายามที่มากไปกว่านี้ ในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ 


 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม   ได้ทำการพิจารณาในประเด็นมุมมองเชิงมหาภาค ในสถานการณ์ข้อเท็จจริง 7    ประการ  ภายในประเทศ    “ตำแหน่งด้านภูมิศาสตร์ที่โดดเด่น”  “ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์และอารยะธรรมเก่าแก่โบราณและหยั่งรากลึก”    “ความมั่นคั่ง และทัพยากรธรรมชาติ และขีดความสามารถอันโดดเด่นของมนุษย์ชาติ ”     คือ สามข้อเท็จจริงที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ให้เห็นในการปราศรัยครั้งนี้


 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายและชี้ถึงข้อเท็จจริงประการที่สี่ ว่า  อิหร่านในสองสามทศวรรษล่าสุด ซึ่งในภาค “ การปกครองแบบเผด็จการในประเทศ”  “การแทรกแซงและการรุกรานทางวัฒนธรรมและการเมืองต่างประเทศ”  ได้รับผลกระทบอย่างหนัก  ซึ่งควรที่จะทำการวิเคราะห์และพิจารณาในระดับมหาภาคของทุกเงื่อนไข


 ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายถึงข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่ง  ของการตื่นตัวแห่งชาติและประชาชนในสามห้วงเวลาแห่งยุคสมัย มัชรูอียัต   – ขบวนการน้ำมันแห่งชาติ และการปฏิวัติอิสลาม  ว่า  การลุกขึ้นกิยามแห่งชาติในยุคสมัยแห่งมัชรูอียัต และยุคสมัยขบวนการแห่งชาตินั้น ประสบกับความพ่ายแพ้   ทว่าขบวนการปฏิวัติอิสลามประสบกับความสำเร็จและได้รับชัยชนะในที่สุด และการสถาปนารัฐอิสลามคือคำตอบที่ที่หนักหน่วง ที่สุดอันเป็นการโต้ตอบ  จากการที่อิหร่านได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการรุกรานของชาวต่างชาติ


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  ประสบการณ์แห่งการขับเคลื่อนที่ประสบความสำเร็จอย่างสง่างามในภาคส่วนต่างๆ  ไม่ว่า ด้านการเมือง  เศรษฐกิจ   วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม นั้นเป็นข้อเท็จจริงประการที่หก   ซึ่งจำต้องนำมาพิจารณาในการมองเชิงมหาภาคในประเทศ


ท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า   ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่ง – สามารถสร้างผลกระทบที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในประเด็นต่างๆที่สำคัญในภูมิภาค   อีกทั้งจะส่งผลประเด็นปัญหาระดับโลก – ความก้าวหน้าที่น่าทึ่งในการพัฒนา  และการหมุนเชิงมหาภาค และ  การหมุนรอบในลักษณะ  180    องศา ด้านวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นเหนือ ยุคสมัยทรราชแห่งรัฐบาลฏอฆูตนั้น    คือกรณีตัวอย่างของการขับเคลื่อนที่ประสบชัยชนะอย่างสง่างามในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามถือว่า  ประชาธิปไตยแบบศาสนา และการปกครองแบบประชาธิปไตยที่สันติและสงบสุขนั้น คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนโยบายภายในประเทศ   โดย ฯพณฯ กล่าวย้ำว่า  การถ่ายโอนอำนาจที่เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ปลอดภัย  และอำนาจการบริหาร และนิติบัญญัติที่แท้จริง  โดยไม่มีอุปสรรค์สิ่งกีดขว้างใดๆเกิดขึ้น   และนำเสนอรูปแบบใหม่ที่มีค่า มาทดแทนรูปแบบที่นิยมกันในหมู่ตะวันตก  คือสิ่งที่ระบอบอิสลามนำเสนอให้กับทั่วโลกในวันนี้   


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงประเด็นความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองภายในประเทศ   ซึ่งในอนาคต อันเต็มไปด้วยความหวังและมีบรรดาเยาวชนหนุ่มสาวที่ร่าเริงและเบิกบานในประเทศ โดยกล่าวย้ำว่า  ประเด็นของชนรุ่นใหม่ เป็นภัยคุกคามที่น่าอันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งตามคำกล่าวของคณะผู้เชี่ยวชาญ นั้น อิหร่านกำลังประสบปัญหาผู้คนส่วนใหญ่เข้าสู่วัยชรา  และสิ่งนี้ที่จะสร้างอุปสรรค์ปัญหาต่างๆนาๆที่ติดตามมา   ซึ่งจำต้องมีการยับยั้งและแก้ไขเป็นการด่วน

 ข้อเท็จจริงประการสุดท้ายที่ ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด ชี้ให้เห็นในการมองเชิงมหาภาค คือ  แนวรบทั้งในแนวกว้างและแนวยาวของบรรดาศัตรูและผู้อหังการของสาธารณรัฐอิสลาม


  ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า ปฏิกิริยาของจักรวรรดินิยม อาทิเช่น ผู้นำของชาติตะวันตก  และผู้นำที่อ่อนแอของบางประเทศในเขตภูมิภาค ในการเผชิญหน้ากับอิหร่านนั้น มี การสร้างแนวรบใหม่ขึ้นมาอย่างแพร่หลายและวงกว้าง  ซึ่ง ถือว่าในวันนี้ยังไม่เคยปฏิบัติกับชาติอื่นใดมาก่อนในลักษณะเช่นนี้  เว้นแต่กับชาติอิหร่านเท่านั้น  หลังจากที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้อธิบาย ข้อเท็จจริง 7   ประการ แล้ว  ก็ได้กำหนดแนวทางในอนาคต  ซึ่งกล่าวย้ำว่า  ข้อเท็จจริงที่กล่าวมาแล้วนั้น บ่งชี้ว่า ในสิบ ทศวรรษล่าสุดนี้ สามารถที่จะเปลี่ยนไปสู่การพัฒนาการสู่ความเจริญก้าวหน้าและความยุติธรรมอย่างแท้จริง   ซึ่งในประเด็นนี้ การมีความคิดสร้างสรรค์  กิจกรรมความเคลื่อนไหวของคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ล้วนแล้วเป็นโอกาสและ นิอฺมัต ความโปรดปรานของพระองค์ที่ได้ประทานมา


ท่านผู้นำได้สรุปคำปราศรัยของท่าน ว่า  เพื่อดำเนินการอย่างต่อเนื่องของการพัฒนาและการเจริญเติบโต และการเคลื่อนไหวสู่เป้าหมายและอุดมการณ์อันสูงส่งยิ่งนั้น จำต้องอาศัยพึ่งพาความขันติ อดทน การตะวักกัล  การเผชิญหน้าต่อสู้กับแนวรบ ฝ่ายศัตรู  และเสริมสร้างพลังอำนาจแห่งชาติและภายในให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น


ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายและชี้ถึง การสร้างพลังอำนาจภายใน ด้วยการตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ของประชาชน และคณะผู้บริหาร อีกทั้งไม่สั่นคลอน หวั่นไหวในการเผชิญหน้ากับอุปสรรค์ปัญหาและบรรดาศัตรู   โดย กล่าวย้ำว่า  บรรดาคณะผู้บริหารไม่ควรที่จะแสดงท่าทีหวั่นไหวและสั่นคลอนในการเผชิญหน้ากับความหน้าไหว้หลังหลอกของบรรดาศัตรู ในด้านการเมือง เศรษฐกิจและการโฆษณาชวนเชื่อ


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำในการจัดลำดับความสำคัญของประเทศในวันนี้ ว่า   บรรดาคณะผู้บริหารระดับสูง   บรรดานักการเมืองและบรรดาผู้บริหารในประเทศทั้งหลาย  ในวันนี้จำต้องพุ่งเป้าโพกัสยังสองลำดับความสำคัญอันเป็นรากฐานหลักอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม คือ ประเด็นเรื่องเศรษฐกิจและการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์


ท่านผู้นำการปฏิวัติ กล่าวเสริมว่า  วีรกรรมทางเศรษฐกิจคือหนึ่งในคำขวัญของปีนี้  และหวังว่า เหมือนดังที่เคยสร้างวีรกรรมทางการเมืองให้เกิดขึ้นมาแล้ว   จะสามารถสร้างวีรกรรมเศรษฐกิจให้บังเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งได้อย่างแน่นอน ด้วยยความพยายามและมุมานะของบรรดาคณะผู้บริหารประเทศ


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวย้ำว่า   ทว่า การสร้างวีรกรรมทางเศรษฐกิจหาใช่เป็นภารกิจระยะสั้น แต่จำต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำ ในการจัดลำดับความสำคัญอีกเรื่องหนึ่งในเชิงการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ ว่า   การพัฒนาการ และการเจริญเติบโตทางด้านวิทยาศาสตร์ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก และอย่าชะลอตัวและเฉื่อยชาเป็นอันขาด เพราะในการก้าวไปสู่เป้าหมายอันสูงสุดและก้าวถึงระดับชั้นแนวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในเวทีระดับโลกนั้น   จำต้องรักษาความสมดุลและความรวดเร็วแห่งการพัฒนาให้คงประสิทธิภาพตลอดไป


   ประเด็นช่วงท้ายที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ในการปราศรัยครั้งนี้ คือ การมีปฏิสัมพันธ์กับทั่วโลก

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า  เรายอมรับในประเด็นการสร้างปฏิสัมพันธ์กับทั่วโลกอยู่เสมอทั้งในอดีตและปัจจุบัน  แต่ประเด็นสำคัญในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับทั่วโลกในที่นี้คือ  ต้องรู้จักฝ่ายตรงกันข้าม  และเข้าใจถึงเป้าหมายและแผนการของบรรดาศัตรู  เพราะหากไม่รู้จักเขาดีพอ  เราจะเป็นผู้แพ้


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า การมีปฏิสัมพันธ์กับทั่วโลกนั้น ต้องไม่ลืมปฏิกิริยาของบรรดาศัตรู  ถึงแม้นว่าจะไม่ได้ผลประโยชน์ดั่งใจปรารถนาก็ตามที

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง  นักการเมืองอเมริกาที่ออกมาแสดงทัศนะในการเจรจากับอิหร่าน ว่า   ในช่วงต้นปี ข้าพเจ้าก็ได้กล่าวมาแล้ว ว่า เราไม่ไว้วางใจในการพูดคุยโดยตรงกับสหรัฐฯ เพราะจะไม่ช่วยให้มีอะไรดีขึ้นมา  แม้นว่าในปีที่ผ่านมานั้น ข้าพเจ้าไม่เคยห้ามปรามในการเจรจาในประเด็นเฉพาะ  เช่นกรณีของอีรัก ก็ตาม


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  เราไม่สามารถไว้วางใจอเมริกาได้ และเป็นผู้ที่ไร้ซึ่งตรรกะ ซึ่งในการแสดงออกทางภาคปฏิบัตินั้นไม่เคยซื่อสัตย์เลยแม้แต่น้อย


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า  ปฏิกิริยาและจุดยืนของคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของอเมริกาเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้  เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่า เราไม่ควรคาดหวังอะไรดีๆทั้งนั้น อีกทั้งได้ตอกย้ำและยืนยันในความไม่น่าเชื่อถือและความไม่น่าไว้วางใจของพวกเขาเลย 


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  การมีปฏิสัมพันธ์กับทั่วโลก นั้น คือความสามารถและการมีทักษะในลักษณะที่ว่า สามารถเดินอยู่บนเส้นทางได้อย่างต่อเนื่อง  โดยที่ฝ่ายตรงกันข้ามไม่สามารถที่จะทำการขัดขวางการขับเคลื่อนได้  และหากการมีปฏิสัมพันธ์กับทั่วโลกแล้ว เป็นเหตุให้ต้องพลิกกลับสู่เส้นทางเดิมแล้วไซร้ ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียและเสียหายอย่างร้ายแรงยิ่ง


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ประเมินพิจารณาและชี้ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในภูมิภาค  ว่า ประเด็นต่างๆเหล่านี้ คณะผู้บริหารทั้งหลายจำต้องใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

  

ก่อนหน้าที่ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามจะกล่าวปราศรัย  อะห์มาดีเนจาร์ ประธานาธิบดี ได้กล่าวสรุปรายงานกิจกรรมและผลงานต่างๆในรอบแปดปีแห่งการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี   โดยมีการรายงานในลักษณะการตั้งคำถาม 21    ข้อ แล้ว อธิบายตอบในแต่ประเด็น   ทั้งนี้การเปรียบเทียบผลงานของตนกับรัฐบาลก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธผลงานที่ดีๆของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ 


 





700 /