สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ข้าราชการระดับสูงของประเทศและคณะทูตานุทูตประเทศอิสลามเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด เนื่องในวันอีดมับอัษ

เนื่องในวาระวันอีดมับอัษและวันแห่งการเทิดเกียรติท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล)

เนื่องในวาระวันอีดมับอัษและวันแห่งการเทิดเกียรติ์ท่านศาสดามุฮัมมัด(ซลบรรดาคณะผู้บริหารประเทศ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  คณะทูตานุทูตประเทศอิสลาม และครอบครัวชูฮะดาอฺผู้ทรงเกียรติ์ ได้เข้าพบกับ ฯพณฯ อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม


ในการพบปะครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวันอีดมับอัศ  พร้อมกับถือว่า  ในภาวการณ์ปัจจุบันพันธะกิจและภาระหน้าที่ที่สำคัญของอุมมัติอิสลาม  คือ ความชาญฉลาด  รู้จักแผนปฏิบัติงานของตัวเองและของศัตรู   โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  แผนการหลักของศัตรูคือ สร้างความขัดแย้งและความแตกแยกระหว่างพี่น้องมุสลิม  ดังนั้นสิ่งจำเป็นและเร่งด่วนที่สุดของโลกอิสลามในวันนี้ คือ การสร้างเอกภาพ ภารดรภาพ  ร่วมมือร่วมใจซึ่งกันและกัน


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง สิ่งคุกคามและการต่อต้านในรูปแบบต่างๆในการเผชิญหน้ากับบรรดาศาสนทูตแห่งพระผู้เป็นเจ้า  และการเผชิญหน้าต่อสู้กับการเรียกร้องสู่ทางนำที่ยังคงมีอยู่เสมอ    ซึ่ง ท่านผู้สูงสุดกล่าวว่า  การต่อต้านและการเผชิญหน้าในรูปแบบต่างๆ ต่อการเผยแผ่และเชิญชวนของท่านศาสดาแห่งอิสลามนั้น มันหนักยิ่งกว่าศาสดาท่านอื่นๆ  และมันมีในทุกรูปแบบ และทุกด้าน  และจนถึงช่วงท้ายของชีวิตอันประเสริฐของท่านก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในหลากหลายรูปแบบ  


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวย้ำว่า ในวันนี้ก็เช่นกัน ยังคงมีการต่อต้านและประกาศความเป็นศัตรูกับเสียงอันบริสุทธิ์ของอิสลาม   โดย ฯพณฯ กล่าวว่า  หลังจากที่คำเชิญชวนเรียกร้องของมักตับอุดมการณ์ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า  ไม่ว่าจะเป็นการเชิญชวนเรียกร้องของอุดมการณ์มาร์กซ์  และเสรีนิยมที่ประสบกับความล้มเหลวและไม่สามารถเอื้ออำนวยสวัสดิการต่างๆให้กับมนุษย์ชาติ   ซึ่งในวันนี้สายตาและหัวใจทั้งหลายพากันเฝ้ามองและถวิลหาศาสนาอิสลามกันทั่วหน้า  ดังนั้นการเป็นศัตรูกับอิสลามจึงเป็นการประกาศศัตรูกับศูนย์กลางแห่งความคิดแห่งการเรียกร้องความยุติธรรมและเกียรติ์ยศศักดิ์ศรีของมนุษย์ชาติ


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การลบหลู่และหมิ่นท่านศาสดาเป็นกรณีตัวอย่างแห่งการประกาศความเป็นศัตรู   โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวว่า  เราไม่สามารถเชื่อได้ว่า เหตุการณ์หมิ่นศาสนาอิสลามและโรคกลัวอิสลามที่เกิดขึ้นในโลกในขณะนี้ ปราศจากการวางแผนโดยหน่วยสืบราชการลับของมหาอำนาจและการสนับสนุนทางการเงินจากพวกเขา 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ย้ำว่า  พฤติกรรมบางอย่าง และการปฏิบัติของพี่น้องมุสลิมบางประการ อาทิเช่น การก่อเหตุการณ์ความรุนแรง และการแสดงความป่าเถื่อนในรูปลักษณะต่างๆ  เพียงแค่คำกล่าวอ้างโรคกลัวอิสลามนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้กับมหาอำนาจผู้ล่าอานานิคมได้เป็นอย่างดี  โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำ ว่า  มวลมุสลิมจำต้องเชิญชวนเรียกร้องสู่ศาสนาอิสลามด้วยกับความจริงอันชัดแจ้ง กล้าหาญ สัตย์จริง และมีความยุติธรรม เพื่อสามารถดึงดูดหัวใจทั้งหลายมายังเขา


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวย้ำว่า มวลมุสลิมจำต้องเผชิญหน้าต่อสู้กับบรรดาศัตรูด้วยสาสน์แห่งอิสลาม   และจงยืนหยัด เหมือนดั่งที่ศาสดาแห่งอิสลามท่านนบีมุฮัมมัด(ซล) และบรรดาศรัทธาชนในอิสลามที่ได้ยืนหยัดอย่างเข้มแข็งตลอดช่วงประวัติศาสตร์


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ประชาชาติอิสลามจำต้องมีบาศีรัต   รู้จักบทบาทและแผนงานของพี่น้องมุสลิม อีกทั้งรับรู้ถึงแผนงานของบรรดาศัตรู  


  โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า  บทบาทหลักของศัตรูอิสลามคือสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องมุสลิม  สร้างความอคติและสร้างความบาดหมางซึ่งกันและกันในนิกายต่างๆของอิสลาม  เพื่อสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของพี่น้องมุสลิมต่อศูนย์กลางแห่งบัญชาการของศัตรู  ด้วยการปกปิดและบิดเบือนระบอบทุนนิยมที่ทุจริต  และความป่าเถื่อนและอำมหิตของยิวไซออนิสต์ 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า  อุมมัติอิสลามทั้งหลาย รวมทั้ง ประชาชน นักการเมือง  และปัญญาชน จำต้องรับรู้และเข้าใจในแผนงานทิศทางและบทบาทของศัตรูอิสลาม เพื่อสามารถต่อกรกับพวกเขาได้อย่างถูกต้องถูกวิธีและถูกทางและไม่นำมาซึ่งความผิดพลาดในปฏิกิริยาตอบโต้พวกเขา  


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวเสริมว่า  มหาอำนาจผู้ล่าอานานิคม ต้องการหว่านความขัดแย้งและสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องมุสลิม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในประเด็นหลักของตน และสร้างความเพิกเฉยต่อการพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าที่จำเป็น 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า   ในอดีตชาติตะวันตกใช้แนวทางในการล่าอานานิคมเพื่อบรรลุผลประโยชน์ของตนเอง และในวันนี้ก็เช่นกันพวกเขายังคงแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองบนพื้นฐานของการสร้างความแตกแยกในหมู่พี่น้องมุสลิม 


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า จะอย่างไรก็ตาม  การที่ตะวันตกใช้สโลแกนต่างๆเพื่อพิทักษ์ปกป้องสิทธิมนุษยชน และให้การสนับสนุนประชาธิปไตยนั้น ก็จะยังไม่สามารถลบล้างมลทินและความอัปยศอดสูในการล่าอานานิคมให้สะอาดบริสุทธิ์จากตักพวกเขาได้หรอก


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้สรุปคำปราศรัยของท่านว่า  ด้วยการพินิจพิจารณาแผนการของศัตรู   มวลมุสลิมทุกคนจำต้องมีบาศีรัต รู้จักศัตรูและแผนการของศัตรู และเรียนรู้เข้าใจอย่างถูกต้องในการดำเนินตามแผนงานของตน ด้วยการสร้างเอกภาพ ภราดรภาพ และร่วมมือร่วมใจซึ่งกันและกัน


ช่วงแรกของการพบปะครั้งนี้  อะห์มาดี เนจาร์ด ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลาม ได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวาระคล้ายวันอีดมับอัศ  โดยถือว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) เสมือนเป็นคลังสมบัติแห่งรหัสยะและความเร้นลับต่างๆของพระองค์   และยังได้กล่าวชี้ถึงความประเสริฐของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซลว่า   สาส์นสำคัญและสาสน์หลักของท่านศาสดา(ซล)ก็คือ การชี้นำมวลมนุษยชาติ  และในการประกาศสาสน์นี้จำต้องทนทุกข์และทนความยากลำบากนานับปการอย่างมากมาย 


เขากล่าวเสริมว่า เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของสาสน์ท่านศาสดามุฮัมมัด() คือ การทำให้ศีลธรรมและจริยธรรมสมบูรณ์แบบ  โดยสาสน์อันนี้มันคลอบคลุมมวลมนุษย์ชาติทั้งมวล และสาสน์อันนี้ก็จะนำพาให้มนุษย์ชาติพัฒนาไปสู่มนุษย์ผู้สมบูรณ์


ประธานาธิบดี ถือว่า การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ภายใต้การนำของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) นั้น เป็นการขานรับแนวทางแห่งความผาสุกและแนวทางอันรุ่งโรจน์ของศาสานทูตของพระองค์   โดย กล่าวว่า  หลักเอกภาพแห่งเตาฮีดและความยุติธรรมที่สมบูรณ์แบบในโลกนี้ ซึ่งตามพันธะสัญญาอันสัจธรรมของพระองค์แล้ว จะบังเกิดขึ้นด้วยการปรากฏตัวของสิ่งสุดท้ายที่เหลือของพระองค์ นั้นคือ ท่านอิมามซะมาน(


700 /