สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

แกนนำสตรีจากสถาบันศึกษาศาสนาและมหาวิทยาลัยเข้าพบผู้นำสูงสุด

ความสำคัญของการเสวนาวาทกรรมอิสลามในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสตรี

เนื่องในการมาเยือนของเดือนรอญับ บรรดาสตรีดีเด่นและนักกิจกรรมเคลื่อนไหวในภาคส่วนต่างๆจากมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาศาสนา องค์กรสตรีและครอบครัว องค์กรการบริหารจัดการ นักกิจกรรมเคลื่อนไหวด้านกุรอาน สื่อสารมวลชนและองค์กรภาคเอกชน จำนวนนับร้อยคน เข้าพบกับ ฯพณฯ ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งในการพบปะครั้งนี้


ในการพบปะครั้งนี้ ท่านผู้นำสูงสุด ได้ย้ำถึง ความสำคัญของการการเสวนาวาทกรรมอิสลามในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสตรี ในเชิงรุกและตระหนักในภาระหน้าที่ในระดับเวทีนานาชาติ  “การเสริมสร้างความเข้มแข็งในสถาบันครอบครัว” และ “การเคารพและให้เกียรติ์สตรีในสภาพแวดล้อมภายในบ้าน” ถือเป็นสิ่งสำคัญสองประการและวาระเร่งด่วนของสังคม   โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำ ว่า บรรดาสตรีที่เป็นนักกิจกรรมความเคลื่อนไหวและมีส่วนร่วมในสนามแห่งการปฏิวัติอิสลาม นั้น จำต้องแสดงวีรกรรมและปรากฏตนในการพิทักษ์การปฏิวัติให้ประจักษ์ชัดและเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม


 ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความล้าหลัง โดยเฉพาะในการนำเสนอรากฐานแห่งอุดมการณ์ของอิสลามโดยเฉพาะสำหรับสตรีในระดับเวทีนานาชาติ   ซึ่ง ฯพณฯ กล่าวย้ำว่า “ด้วยความสิริมงคลของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน และนามของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ได้มีการปฏิบัติในสิ่งที่ดีงามต่างๆอย่างมากมาย โดยเฉพาะในประเด็นของสตรี  แต่ทว่าก็ยังมีความต้องการมากกว่านี้อีก  อีกทั้งต้องการการจัดตั้งแนวรบ และการปกป้องการถูกรุกรานจากผู้อื่น

 

ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า ไม่ว่ากรณีใด จะต้องไม่มีคำว่าหยุดนิ่ง ไร้การเคลื่อนไหวในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับการการตื่นตัวสำหรับบรรดาสตรี   โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดกล่าวว่า ทำไม ขณะที่เรามีวาทกรรมอันสมบูรณ์แบบและวาทกรรมที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างดียิ่งของอิสลามในประเด็นสตรี ทว่าในการเผชิญหน้ากับวาทกรรมของตะวันตกต้องตกอยู่ในสภาพที่ต้องยอมสิโรราบโดยดุษณี??? 


ท่านผู้การปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วาทกรรมของตะวันตก โดยเฉพาะในประเด็นของสตรีนั้น ล้วนเป็นวาทกรรมที่ถูกวางแผนมาอย่างแยบยล และเป็นวาทกรรมเชิงการเมือง   ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า แม้นว่าวาทกรรมดังกล่าว ในรูปลักษณ์ภายนอกอาจจะไปถึงจุดสูงสุดของมันก็ตาม  แต่ทว่าในเส้นทางของวาทกรรมตะวันตกโดยเฉพาะในประเด็นของสตรีนั้น กำลังดิ่งสู่ความตกต่ำ ความล่มสลาย ความหายนะ และความอัปยศ


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง  " เปรียบสถานของสตรีเหมือนบุรุษเพศ และการแสวงหาอารมณ์ทางเพศของบุรุษต่อสตรีนั้น คือสองวาทกรรมสำคัญของชาวตะวันตกต่อสตรี”   โดยท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า    ตะวันตกมีความพยายามแสวงหาในสิ่งเหล่านั้น  ซึ่งการประกอบอาชีพที่เหมาะสมสำหรับเพศชายทั้งในด้านสรีระร่างกายและอุดการณ์ กลับถูกยัดเหยียดให้กับสตรีเพศ พร้อมกับสร้างภาพให้สิ่งนี้เป็นสิทธิพิเศษและเกียรติ์ยศที่น่าเชิดชูยกย่อง และชมเชยยิ่งสำหรับสตรี


ท่านผู้นำสูงสุด ย้ำว่า  ไม่เป็นสิ่งต้องห้ามแต่ประการใด การที่สตรีจะเข้าร่วมประกอบอาชีพการงานและทำหน้าที่เป็นผู้บริหาร  โดย ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า   ส่วนที่เป็นประเด็นปัญหา และในความเป็นจริงแล้วมันเป็นการสานต่อวาทกรรมของตะวันตก ก็คือ  มีความภาคภูมิใจในจำนวนสถิติที่สูงขึ้นของสตรีในการประกอบอาชีพในตำแหน่งผู้บริหาร

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายในประเด็นนี้ว่า สิ่งที่เรามีความภาคภูมิใจในจำนวนสถิติที่สูงขึ้นของสตรีในการประกอบอาชีพในตำแหน่งผู้บริหารนั้นเป็นทัศนะคติที่ผิด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เป็นการยอมจำนนต่อวาทกรรมของตะวันโดยดุษณีนั้นเอง


ท่านผู้นำกล่าวย้ำว่า  สิ่งที่ควรจะภาคภูมิใจในที่นี้  คือ การมียอดสถิติที่สูงขึ้นของบรรดาสตรีที่เป็นนักคิด  ปัญญาชน นักกิจกรรมด้านวัฒนธรรม  นักการเมือง และนักต่อสู้ 


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงมุมมองของอิสลามที่ให้ความเสมอภาคแก่ชายและหญิงในฐานะความเป็นมนุษย์  ว่า “ในทัศนะของอิสลามผู้ชายและผู้หญิงในแง่ของการสร้างจะมีคุณลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน แต่ทว่า ในเชิงสิทธิมนุษยชน   สังคม   คุณค่าทางศีลธรรม และการวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ นั้น ไม่มีความแตกต่างแต่ประการใด   


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวย้ำว่า ทัศนะคติที่ถูกต้องต่อสตรีเพศนั้น   คือ การมีทัศนะคติและมุมมอง ที่ว่า ควรมองพวกเธอให้อยู่ในกรอบเพศของตน และรู้จักความสูงส่งต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวของพวกเธอ 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมนอี  ได้ย้ำว่า การมองยังสตรีด้วยอารมณ์ใคร่ ถือเป็นหนึ่งในภัยบะลาอฺที่ร้ายแรงที่สุด  ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำ ว่า  ปัจจุบันนี้ นักวิชาการตะวันตกบางท่าน ก็เริ่มรู้สึกและเห็นถึงอันตรายที่จะติดตามมาบ้างแล้วในเรื่องนี้  เพราะ ปรากฏการณ์ อาทิเช่น รักร่วมเพศ ก็เป็นอีกผลพวงหนึ่งของการมองที่มีในลักษณะเช่นนี้   ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งและเงื่อนไขสำคัญของการล่มสลายของอารยะธรรมตะวันตกอย่างแน่นอน


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ย้ำถึง ความจำเป็นในการมีไหวพริบ เฉลียวฉลาดในสังคมต่อเรื่องกิเลสตัณหาและการดึงดูดทางเพศสำหรับชายและหญิง ว่า  ในประเทศของเรา เนื่องด้วยประเด็นฮิญาบ จึงสามารถปกปิดและคุ้มครองได้ แต่ทว่า ก็ต้องตระหนักและให้ความสำคัญในประเด็นฮิญาบ และขอบเขตความสัมพันธ์และการคบค้าสมาคมพบปะกันระหว่างชายและหญิงให้มากกว่านี้


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า จงอย่าหยุดนิ่งในการเผชิญหน้ากับวาทกรรมของตะวันตกโดยเฉพาะในประเด็นสตรี  ทว่าจำต้องนำเสนอ วาทกรรมอิสลามในประเด็นสตรีในเชิงรุกและตระหนักในภาระหน้าที่

ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า จงอย่าหวาดกลัวการคุกคามต่างๆจากตะวันตก


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ว่า  ศักดิ์ศรีของสตรี  เกียรติยศของสตรี ความอ่อนน้อมทางจิตสำนึกของสตรี และการเคลื่อนไหวและการปฏิบัติหน้าที่ของสตรี คือ คุณลักษณะของวาทกรรมของสตรีในอิสลาม    โดยท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำ เอกองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ) ได้ทรงสร้างสตรีเพศขึ้นมา โดยในรูปแบบของการสร้างนั้น เพื่อประกอบภารกิจหลัก อาทิเช่น  กิจการงานที่ต้องอาศัยความรู้สึกและความอ่อนโยน การตัรบียะห์อบรมเลี้ยงดูบุตร  แม้กระทั้งการบริหารจัดการกิจการงานภายในบ้าน  ก็จะมีเฉพาะจิตวิญญาณของบรรดาสตรีเท่านั้นที่สามารถพึงปฏิบัติได้ 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า “การเสริมสร้างความเข้มแข็งในสถาบันครอบครัว” และ “การเคารพและให้เกียรติสตรีภายในบ้าน” นั้น คือสิ่งสำคัญสองประการที่ต้องมีการปฏิบัติอย่างเร่งด่วนในทุกๆ สังคม  โดยท่านผู้นำ กล่าวย้ำ ว่า ในทุกๆ รัฐธรรมนูญ จำต้องสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้มีความเหมาะสม   ซึ่งฐานะภาพบรรดาสตรีในทุกภาคส่วนของการปฏิสัมพันธ์  ด้านเพศ ด้านอุดมการณ์   และครอบครัวนั้น จะต้องไม่นำมาซึ่งการถูกกดขี่” 

ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า บรรดาสมาชิกในครอบครัว จำต้องปฏิบัติต่อสตรีด้วยมุมมองแห่งการเคารพและการให้เกียรติ  อีกทั้งจำต้องสร้างสภาพแวดล้อมของครอบครัวให้ถึงขั้นที่ว่า  บรรดาลูกๆ ยอมจุมพิตมือบุพการีของเขา


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  หากมีการปลูกฝังวัฒนธรรมโลกทัศน์แห่งการให้เกียรติ์และเคารพแด่สตรีอย่างจริงจัง  แน่นอนยิ่งอุปสรรค์ปัญหาอันมากมายของสังคมก็จะคลี่คลายลงและสตรีก็จะรอดพ้นจากการถูกกดขี่


ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้ชี้ถึง ประเด็น การสมรส การคลุมฮิญาบ การปฏิสัมพันธ์ การสนับสนุนการเงินและสิทธิต่อสตรี และการประกอบอาชีพของสตรี และขอบเขตของสตรี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จำต้องให้ความสำคัญ


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง ประเด็นกิจกรรมความเคลื่อนไหวอันหลากหลาย โดยเฉพาะในประเด็นกิจกรรมสตรีในประเทศ พร้อมกับเสนอข้อชี้แนะ ว่า  จำต้องเพียรพยายาม ขับเคลื่อนให้กิจกรรมต่างๆเหล่านี้ เข้าสู่ระบบ และเราขาคณิตโดยรวมอย่างถูกต้องสมบูรณ์   ด้วยการสร้างสถาบันการศึกษาชั้นสูง มั่นคง ด้วยระบบฐานข้อมูลที่แข็งแกร่ง  มีอุดมการณ์และความคาดหวังในระยะยาวเพื่อการนี้


ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า  ภายใต้สถาบันการศึกษาชั้นสูงแห่งนี้ สามารถจัดตั้งหน่วยงาน องค์กรต่างๆขึ้นมา และสร้างฐานข้อมูลที่แข็งแกร่ง  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งภาระหน้าที่ อันต้องปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ตอกย้ำถึงประเด็นสำคัญประการหนึ่ง ยังบรรดาสตรีนักกิจกรรมความเคลื่อนไหวในแนวรบแห่งการพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ซึ่ง ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง การปรากฏตัวอย่างคึกคักและมีส่วนร่วมอย่างจริงจังของสตรีในการจัดตั้งการปฏิวัติและขั้นตอนต่างๆหลังการปฏิวัติ ว่า  บรรดาสตรีนักกิจกรรม ผู้มีความรู้ นักเขียน และนักวิชาการในแนวรบแห่งการพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม จำต้องปรากฏตัวอย่างจริงจัง และโดดเด่นมากขึ้นกว่านี้


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงบทบาทของกรมประชาสัมพันธ์และสถานีวิทยุโทรทัศน์  ในการนำเสนอแบบอย่างที่ถูกต้องจากสตรีผู้ศรัทธา นักกิจกรรม นักต่อสู้ และด้วยฮิญาบ ว่า  กรมประชาสัมพันธ์และสถานีวิทยุโทรทัศน์  จำต้องแสดงบทบาทในเรื่องนี้ให้เด่นชัดและเคร่งครัดที่สุด


 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ว่า  กรมประชาสัมพันธ์และสถานีวิทยุโทรทัศน์  จำต้องรับใช้อุดมการณ์อิสลามอย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีการนำเสนอแบบอย่างและคุณลักษณะของสตรีแห่งอิสลาม.

ท่านผู้นำสูงสุด ได้กล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า  ในประเด็นของสตรีในสาธารณรัฐอิสลามนั้นเรามีการพัฒนามาแล้ว  แต่ทว่าการพัฒนาต่างๆเหล่านี้ยังไม่สอดคล้องตามความต้องการ และความคาดหวังของอิสลาม ดังนั้นจำต้องมีมีความพยายามให้มากขึ้นกว่านี้


ช่วงแรกของการพบปะครั้งนี้  นาง ฆัซอลี ประธานสภาชูรอวัฒนธรรมและสังคมสตรี , นาง ศีฟาตีย์ ผู้บริหารสถาบันการศึกษาชั้นสูงอิจติฮาด , นาง โคเดวีย์  หัวหน้าสำนักงานกิจกรรมสตรีของเทศบาลเมืองโคราซาน,    อยาตุลลอฮ์ ฮีย์ อาจารย์และนักวิจัยแห่งสถาบันการศึกษาศาสนาและมหาวิทยาลัย , รอฮ์บัร ประธานสมาคมสตรีและครอบครัวในรัฐสภา , นาศิม บะกาอีย์ อาจารย์คณะชีวะวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยอัซ ซะห์รอ , รูห์ อัฟซอ อาจารย์มหาวิทยาลัย, และ มุจญะติฮิด ซอเดะห์ ประธานสถาบันกิจกรรมสตรีและครอบครัวประจำสำนักประธานาธิบดี , ต่างได้นำเสนอทัศนะความคิดของตนโดยเฉพาะในประเด็นสตรี ครอบครัวในมติภายในประเทศและนานาชาติ


        ซึ่งหัวข้อและประเด็นสำคัญที่ได้ชี้แจงในการพบปะครั้งนี้  ได้แก่... 


- การให้ความสำคัญต่อบทบาทและฐานะภาพขององค์กรครอบครัว และการเสริมสร้าง    

       องค์กรตามหลักคำสอนของศาสนาและอัลกุรอาน

-ให้ความสนใจอย่างจริงจังยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อสารมวลชนต่อนโยบายการส่งเสริมการเพิ่มจำนวนประชากร

-ทบทวนตำราเอกสารด้านมนุษย์ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสตรีศึกษา

-จัดตั้งสภากฎหมายชั้นสูงสตรีและกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

-ออกแบบการศึกษาวิจัยครอบครัวตัวอย่างแบบยั่งยืนและพันธะกิจหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

-ให้ความสำคัญในแง่มุมอันหลากหลายของการอบรมเลี้ยงดูเด็ก ภายใต้กรอบวิธีการอบรมของอิสลามและห่างไกลจากกรอบและวิธีการไร้ศาสนาจากอนุสัญญาซีอาร์ซีในสิทธิเด็ก

-ขาดแคลนผู้มีอำนาจเฉพาะในประเทศ เกี่ยวกับสิทธิของเด็ก

-ร่างระเบียบการว่าด้วยกฎหมายเด็กและเปิดสอนคณะเด็กศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ

-ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในประเด็น พรหมจรรย์  อาภรณ์ ฮิญาบ ในมติต่างๆ และห่างไกลจากมุมมองทางการเมือง

-เสนอให้สตรีเข้าเป็นสมาชิกมัจญ์ มะอฺ มัศลีฮัต นิศอม

-ต้องขยายและพัฒนามหาวิทยาลัยต่างๆสำหรับสตรี

-นำเสนอและอธิบายศาสตร์วิชาการ วิทยาศาสตร์ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสตรีโดยเฉพาะเรื่องมรดกและการอารักขาในประชาคมระหว่างประเทศ

-ใช้ประโยชน์จากทัศนะความคิดต่างๆ และสามารถดำเนินการปรึกษาหารือในกิจกรรมสตรีจากหน่วยงาน ต่างๆอันหลากหลาย 


700 /