สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ การเลือกตั้งเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

ประณามเหตุการณ์หมิ่นสุสานอัครสาวกผู้ยิ่งใหญ่ของท่านศาสดา ฮุจร์ บิน อะดีย์

ฯพณฯ อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ให้คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่เลือกตั้งประธานาธิบดี และสภาชูรอเทศบาลเมืองและท้องถิ่นเข้าพบ เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา    ซึ่งท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนและการเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14    มิถุนายน  นี้  เสมือนเป็นการปกปักษ์รักษา และหลักประกันอันมั่นคงสืบไปในความก้าวหน้าของประเทศ  อีกทั้งได้ตอกย้ำให้หน่วยงานและองค์กรกำกับการดูแล  เจ้าหน้าที่ และผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี จำต้องยึดปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในทุกๆขั้นตอน


 ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้ชี้ถึงเหตุการณ์ที่แสนขมขื่นอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น กรณีเหตุการณ์หมิ่นทำลายสุสานหลุมฝังศพของอัคร สาวกผู้ยิ่งใหญ่ของท่านศาสดา(ซล) ฮุจร์ บิน อะดีย์  ว่า  พี่น้องมุสลิม โดยเฉพาะบรรดานักเขียนและปัญญาชน ชนชั้นนำทางความคิดและทางการเมืองของโลกอิสลาม จำต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนในการเผชิญหน้ากับความคิดอันสกปรกเช่นนี้ อีกทั้งจำต้องหยุดยั้งและสกัดกั้นเพลิงไฟแห่งฟิตนะห์


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเลือกตั้ง คือ “อามานะห์อันยิ่งใหญ่และเป็นเกียรติ์ยศศักดิ์ศรีของชาติและอิสลาม”  ซึ่ง ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวว่า สภาการปฏิวัติ  หน่วยงานและองค์กรกำกับดูแล และการบริหาร  หน่วยงานการรักษาแวดล้อมที่ดีของการเลือกตั้ง เป็นผู้ถืออามานะห์อันยิ่งใหญ่ของประเทศชาติ ซึ่งต้องรับผิดชอบและแบกรับภาระหน้าที่ที่สำคัญ  ทรงค่า และยั่งยืน


ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวถึง บทบาทหลักและสำคัญของการเลือกตั้งในการฟื้นฟูประเทศชาติและระบอบ  ว่า  การเข้าร่วมของประชาชนในทุกการเลือกตั้งตลอดช่วงระยะเวลา 34   ปี ที่ผ่านมา  ซึ่งในแต่ละครั้ง สามารถขจัดภัยบะลาอฺต่างๆออกจากประเทศได้เสมอ และยังสามารถเสริมสร้างจิตวิญญาณและพลังใหม่อันมีชีวิตชีวาให้กับประเทศ ชาติ และการปฏิวัติอีกด้วย


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การเลือกตั้งในวันที่ 14   มิถุนายน ที่จะถึงนี้  ว่า ในแง่มุมบางอย่างนั้นถือว่ามีความสำคัญกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา  ซึ่งท่านผู้นำกล่าวว่า  การจัดการเลือกตั้งที่สำคัญทั้งสองเรื่องในเวลาเดียวกัน ทั้งการเลือกประธานาธิบดีและสภาชูรอ ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลและปัจจัยสำคัญของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง


ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ถือว่า การจัดตั้งสภาชูรอตามหมู่บ้านและเมืองต่างๆนั้น เป็นการจำลองภาพแห่งการมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนของพี่น้องประชาชนได้อย่างดีที่สุด ในการตัดสินและการดำเนินงาน อีกทั้ง  ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด  ยังกำชับคณะผู้บริหาร ประชาชนและปัญญาชนทั้งหลายว่า การให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น อย่าทำให้การเลือกตั้งสภาชูรอ ต้องหมดความสำคัญลงในสายตาของพวกเขา


ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายอีกแง่มุมหนึ่งของความสำคัญในการเลือกตั้ง ในวันที่ 14   มิถุนายน  ซึ่งชี้ถึง  สิ่งอำนวยความสะดวก  สิทธิ และพันธะกิจอันหลากหลายของประธานาธิบดีในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่นๆ ว่า  ฐานะทางกฎหมายอันนี้ บ่งชี้และแสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นสิ่งสำคัญมาก


ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมนเอี ถือ ว่า ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)คือนักประดิษฐ์ นักคิกค้น นักออกแบบและวิศวกรในการสร้าง“รากฐานอันยิ่งใหญ่ในการมีส่วนร่วมของประชาชาติในระบอบอิสลาม” พร้อมกับชี้ถึง ความวิริยะเพียรพยายามและเฝ้าติดตามอย่างจริงจังและใกล้ชิดของท่านอิมาม(รฎ)เพื่อจัดทำประชามติในการกำหนดระบอบการปกครองและการเลือกตั้งว่า การปรากฏตัวและการเข้าร่วมในการเลือกตั้งคือ การกำหนดชะตากรรมและการกำหนดทิศทางของประเทศชาติในเวทีอันหลากหลาย และธรรมชาติของสาธารณรัฐอิสลาม ซึ่ง อัลฮัมดุลิลลาฮฺ  ธรรมชาติแห่งการดึงดูดและการถวิลหาอันนี้ยังคงถูกปกปักษ์รักษาจนถึงวันนี้   

ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความพยายามบางอย่างของศัตรูที่ไร้ผลในการลดสีสันของการมีส่วนร่วมของประชาชนในเวทีการเลือกตั้งว่า  บางคน  บางกลุ่ม มีความพยายามที่จะให้การเลือกตั้งไร้ความคึกคัก  หรือ มิให้เกิดขึ้นตามวันเวลาที่กำหนด   แต่ทว่าด้วยความโปรกปรานเตาฟีกจากพระผู้เป็นเจ้าพวกเขาต้องล้มเหลว และจากนี้ไปก็จะไม่มีวันบรรลุเป้าหมายอย่างแน่นอน


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การเข้าร่วมของประชาชนในเวทีการเลือกตั้งคือปัจจัยหลักแห่งการยืนหยัดของสาธารณรัฐอิสลาม  ซึ่ง ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดกล่าวว่า  สาธารณรัฐอิสลาม คือ  “การปรากฏตัวและการมีส่วนร่วมอย่างพร้อมเพรียงกันของประชาชาติ และการขับเคลื่อนโดยรวมของประชาชนสู่ความหวัง อุดมการณ์ และความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่และการปฏิบัติ” และเมื่อศัตรูรับรู้และเข้าใจในประเด็นนี้ จึงพยายามลดสีสันและความคึกคึกของการมีส่วนร่วมของประชาชน


ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในกล่าวในประเด็นนี้ ว่า  เกียรติ์ยศและศักดิ์ศรีของสาธารณรัฐอิสลาม พึงพิงยัง “หัวใจทั้งหลาย  ความรู้สึก  สติปัญญา ความคิด บาศีรัตและการมีส่วนร่วมของประชาชน” หากไม่มีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งแล้วไซร้ บรรดามหาอำนาจจอมสกปรกและชั่วช้าโลก จะอาศัยกำลังทหารในการเผชิญหน้าต่อสู้เพื่อบดขยี้และไม่ปล่อยให้สาธารณรัฐอิสลามมีชีวิตอยู่ตราบถึงวันนี้


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  ทว่าด้วยความโปรดปรานของพระองค์และความตั้งใจและมุ่งมั่นของประชาชน อินชาอัลลอฮ์ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่ดีที่สุด และเข้มข้นที่สุดกว่าการเลือกตั้งที่เคยมีมา


อีกส่วนหนึ่งของคำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุด ในการพบปะคณะกรรมการการเลือกตั้งประธานาธิบดี สภาชูรอเทศบาลเมืองและท้องถิ่น  ท่านผู้นำสูงสุด ได้โฟกัสอธิบายความสำคัญของการยึดมั่น เคร่งครัดต่อกฎหมายและทุกขั้นตอนและเงื่อนไขทุกประการวัง” เผื่อจะสามารถปลุกระดมพี่น้องประชาชนในการเผชิญหน้ากับระบอบ  แต่ทว่า ด้วยความโปรดปรานของพระองค์ พวกเขาพบกับความล้มเหลว


 ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงการกระทำในปี 88    เพื่อสร้างความชัดเจนและกระจ่างชัดในปมปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้น ว่า  ผู้ที่สร้างความเสียหาย และสร้างความสูญเสียด้านงบประมาณค่าจ่ายของชาติ ก็ยังฝ่าฝืนและปฏิเสธกฎหมายและแนวทางในการปฏิบัติตามครรลองของกฎหมาย  ซึ่งระบอบการปกครองอันเนื่องจากพิจารณาถึงธาตุแท้แห่งความเป็นพี่น้องของตน จึงสามารถปราบปราม ควบคุมและมีชัยเหนือผู้ก่อกวนทั้งหลาย


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การเคารพกฎหมายอย่างแท้จริง คือแนวทางหลักในการยับยั้งและสกัดกั้นอุปสรรค์ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้ง  ซึ่ง ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  ประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งในชนบทและเมืองต่างๆ  ต่างก็แสวงหาในประเด็นที่ว่า ทุกคน ทุกคำพูด และทุกความหวังที่ให้นั้น จำต้องอยู่บนฐานของหลักกฎหมายเท่านั้น


 ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้กล่าวย้ำ ถึงบรรดาคณะผู้บริหารการเลือกตั้ง ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของกฎหมาย ว่า ในทุกๆขั้นตอน บรรดาคณะผู้บริหารและผู้รับผิดชอบ อาทิเช่น ในภาคส่วนการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร  การจัดการเลือกตั้ง  การนับคะแนน การรักษาคะแนนเสียง และคูหาเลือกตั้ง และขั้นตอนอื่นๆ  ซึ่งคณะผู้รับผิดชอบจำต้องรักษาอามานะห์อย่างแท้จริงและสมบูรณ์แบบ และต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ระบุเท่านั้น ซึ่ง อัลฮัมดุลลอฮ์ มันได้เกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้เสมอมา


ท่านผู้นำสูงสุด ย้ำถึงการเรียนรู้ขันติธรรม และการยอมจำนนต่ออุดมการณ์การปฏิวัติ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน   ซึ่ง ฯพณฯ ผู้นำกล่าวว่า  ในที่นี้ไม่ควรที่จะนำเอาศัพท์จากตะวันตกและวัตถุนิยม อาทิเช่น  แพ้ ชนะ เข้าสู่เวทีการเลือกตั้ง  แต่กระนั้นก็ตาม ในการเลือกตั้งอันเป็นไปตามวิถีธรรมชาติแห่งความคาดหวังของกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนเผู้สมัครอาจจะไม่บรรลุผลตามที่ต้องการ  ซึ่งก็จำต้องแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมและถูกต้อง ตามพื้นฐานของกฎหมายระบุเท่านั้น


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายและชี้ถึง ความจำเป็นของการไตร่ตรองในการเลือกตั้งวันที่ 14   มิถุนายน   ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกหรือเชิงลบ ทุกถ้อยคำ และทุกการกระทำของผู้ถูกเลือกของประชาติที่มีต่อสถานการณ์แวดล้อมในอนาคตของประเทศชาติ ว่า   จำต้องให้คำมั่นสัญญา  เคร่งครัดในศาสนา  มีความพร้อม  และมีความสามารถต่างๆอย่างแม่นย้ำในการดำเนินการ และปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ประเมินไว้  และหากผู้ใดเข้าสู่เวทีนี้ ด้วยเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์  เพื่อปฏิบัติภาระหน้าที่ และเพื่ออนาคตของชาติ  แน่แท้ยิ่งอัลลอฮ์(ซบ) จะทรงชี้นำหัวใจเขาสู่แนวทางอันเที่ยงตรง


 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมอีกครั้ง ถึงการเลือกตั้งอันเป็นสัจธรรมและเป็นภาระหน้าที่ของพลเมืองทุกคน ว่า  จำต้องยึดเอาบุคคลที่มีคุณสมบัติพร้อม ควบคู่กับคุณลักษณะอื่นๆที่พึงประสงค์ แล้วจงสรรหาบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในการมอบกุญแจแห่งการบริหารประเทศยังเขา  ด้วยการพิจารณาถึงคุณสมบัติต่างๆอาทิเช่น  “การทำงานอย่างมุ่งมั่น คนของประชาชน มีคุณค่าและประสิทธิภาพ” 


ท่านผู้นำสูงสุด ยังถือว่า  การยืนหยัดต่อสู้เผชิญหน้ากับศัตรู  มีความชำนาญในการบริหาร เคารพและยึดมั่นต่อกฎหมาย  ให้ความสำคัญต่อทุกชนชั้น  รับรู้และเข้าใจอุปสรรค์ปัญหา และความเดือดร้อนของประชาชน ก็เป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะและคุณสมบัติที่จำเป็นของประธานาธิบดี


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่าทุกคะแนนเสียงของประชาชน จะมีผลอย่างสูงในการเลือกตั้ง  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  อย่าได้มีผู้ใดกล่าวอ้างว่า แค่หนึ่งคะแนนเสียงของผม ไม่อาจะที่จะส่งผลกระทบใดๆต่อการเลือกตั้ง  เพราะ หนึ่งคะแนนเสียงนี้แหละ  จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมผลคะแนนนับล้านเสียงของการเลือกตั้ง.

 ช่วงท้ายของประเด็นนี้ ท่านผู้นำสูงสุด ได้เน้นย้ำ ว่า  อินชาอัลลอฮ์  ด้วยการร่วมของประชาชนอย่างเนื่องแน่นในการเลือกตั้งในเร็ววันนี้ นำมาซึ่ง  “อิสรภาพ   ก้าวไกล และการขับเคลื่อนของประชาชนทั่วไป สู่เป้าหมายอันสูงส่งของประเทศชาติ”


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม  ได้ชี้ถึง เหตุการณ์ที่แสนขมขื่นที่เศร้าสลดยิ่งกรณีการรื้อทำลายสุสานของอัครวสาวกผู้ทรงยิ่งใหญ่ของท่านศาสดา(ซล) ฮุจร์ บิน อุดัย อีกทั้งมีการหมิ่นศพของท่านอีกด้วย  ว่า   เหตุการณ์ที่แสนขมขื่นอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ซึ่งนอกจากตัวของเหตุการณ์จะเป็นเรื่องน่าขมขื่นแล้ว ยังมีบุคคลกลุ่มหนึ่งอันมีความคิดที่สกปรกชั่วร้าย ย้อนยุค หล้าหลังและงมงายในหมู่ประชาชาติอิสลาม  ซึ่ง พวกเขาคิดว่าการเคารพเชิดชูบุคคลผู้มีเกียรติ์ บุคคลสำคัญ ผู้โดดเด่นและผู้มีชื่อเสียงที่ดีงาม และผู้มีใบหน้าอันเจิดจรัสในยุคแรกของอิสลาม นั้น เป็นการตั้งภาคี และเป็นการปฏิเสธต่อพระผู้เป็นเจ้า


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การมีความเชื่อที่งมงายเช่นนี้ คือมุศิบัตของอิสลามและประชาชาติอิสลาม  ซึ่งท่านผู้นำกล่าวว่า พวกเหล่านี้ก็คือกลุ่มคนที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้เคยทำลายหลุมฝังศพของบรรดาอิมาม (อ.) ในสุสาน บะกีอ์มาแล้ว และหากพี่น้องมุสลิมทั่วทั้งโลกไม่มีการลุกขึ้นต่อต้านพวกเขาเหล่านี้  แน่นอนยิ่ง หลุมฝังศพอันบริสุทธิ์ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ก็คงถูกทำลายให้ราบเรียบไปกับพื้นดินแล้วเช่นกัน

ท่านผู้นำการปฏิวัติ กล่าวย้ำว่า บุคคลเช่นนี้ ที่มีความเชื่อว่า การเข้าเยี่ยมคารวะสุสานของบรรดาผู้มีเกียรติ์ และการวิงวอนขอความเมตตาจากพระผู้ทรงสูงส่งให้แก่เขา การวิงวอนขอความเมตตาสำหรับตัวเองในบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ นั้น คือการตั้งภาคี  ซึ่งมันเป็นความคิดที่โมฆะและมีจิตวิญญาณที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง


ท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า  การตั้งภาคี  ที่แท้จริง ก็คือการที่มนุษย์กลายเป็นเครื่องมือในการสนองนโยบายต่างๆ ของหน่วยราชการลับของอังกฤษและอเมริกา  อีกทั้งการทำให้หัวใจของบรรดามุสลิมต้องบอกช้ำ ทุกข์โศกและเจ็บปวดด้วยการกระทำเหล่านี้


ท่านผู้กล่าวย้ำว่า ช่างเป็นความเชื่อที่งมงายเพียงใด  การยอมตนเป็นทาสรับใช้และการแสดงความต่ำต้อยไร้เกียรติต่อบรรดาเจว็ดฏอฆูต ที่มีชีวิต ไม่ใช่เป็นการตั้งภาคี    แต่กลับถือว่าการเคารพให้เกียรติบุคคลสำคัญทางศาสนาคือการตั้งภาคี 


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำ ว่า กระแสแนวคิดและอุดมการณ์อันชั่วร้ายของกลุ่มตักฟีรี (ผู้กล่าวหาผู้ที่มีความคิดต่างว่าเป็นผู้ปฏิเสธอิสลาม) ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินและแหล่งปัจจัยทางวัตถุ  ในวันนี้  ถือเป็นมุศีบัติอันแท้จริงของโลกอิสลาม 


ท่านผู้นำสูงสุด ชี้ถึง ปฏิกิริยาตอบโต้ที่ถูกต้องของประชาคมใหญ่ชีอะห์ ต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่า โชคดีที่บรรดาชีอะห์ ไม่หลงเกมนี้ของศัตรู ซึ่งศัตรูต้องการเติมไฟแห่งความขัดแยกระหว่างซุนนีย์และชีอะห์ให้เกิดขึ้น  โดยที่บรรดาชีอะห์ได้แสดงออกถึงการพัฒนาและการเจริญเติบโตทางอุดมการณ์และความคิดได้เป็นอย่างดี

ท่านผู้นำยังกล่าวถึงบทบาทของพี่น้องอะห์ลิลซุนนะห์ ที่บ่งชี้ถึงความเข้าใจและโลกทัศน์ที่สูงส่ง ว่า ปฏิกิริยาตอบโต้ของมวลมุสลิมกรณีเหตุการณ์อันขมขื่น และการประณามเหตุการณ์ดังกล่าว  ต้องมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะหากผู้อาวุโสทางวิชาการ  นักวิชาการ ปัญญาชนทางการเมืองของประชาชาติอิสลาม มิได้ทำหน้าของตนในการนี้แล้ว   ภัยฟิตนะห์ต่างๆจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้อย่างแน่นอน


ท่านผู้การปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า จำต้องใช้วิธีการทางการเมือง คำฟัตวาต่างๆ ทางศาสนา บทความต่างๆ ที่จะช่วยสร้างความเข้าใจ โดยบรรดานักเขียนและปัญญาชน ชนชั้นนำทางความคิดและทางการเมืองของโลกเพื่อยับยั้งกระแสไฟแห่งฟิตนะห์ครั้งนี้


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง การถูกเปิดเผยของมือต่างๆของศัตรูที่ซ่อนอยู่ ในการปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ ว่า   “องค์การระหว่างประเทศต่างๆ หรือบุคคลสำคัญระดับนานาชาติ และบรรดานักการเมือง ที่แสดงการไว้อาลัยและโหวกเหวกโวยวายกับการถูกทำลายของโบราณคดีหนึ่งๆ ในโลก แต่กับเหตุการณ์นี้พวกเขากลับนิ่งเฉยและเงียบสนิท”


ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า  แท้จริงพระผู้อภิบาลของเรานั้น ย่อมทรงเฝ้าดู และแน่แท้แผนของพระผู้เป็นเจ้าย่อมมีชัยเหนือแผนของพวกเขาอย่างแน่นอน ซึ่งกระแสแนวคิดนี้ต้องการโยนหินถามทาง ในเส้นทางของความเป็นเอกภาพและความก้าวหน้าของประชาชาติอิสลาม และมันต้องหยุดลงอย่างแน่นอน


ในช่วงแรกของการพบปะครั้งนี้  อยาตุลลอฮ์ ญันนะตีย์ เลขาธิการสภาชูรอเนฆะบอน ได้กล่าวรายงานความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะควบคุมดูแลตรวจสอบการเลือกตั้ง และความคืบหน้าในการพิจารณาคุณสมบัติต่างๆของผู้สมัคร

นอกจากนั้น นาย มุฮัมมัด  นัจจอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รายงานถึง การบริหารจัดการ การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ สิบเอ็ด   การเลือกตั้งสภาชูรอครั้งที่สี่ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาอิสลามและสภาเลือกผู้นำ และบางหน่วยงานว่า   ในภาคเบื้องต้นได้ดำเนินขั้นตอนต่างๆก่อนหน้านี้มาแล้วหลายเดือน


700 /