สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

การประชุมนานาชาติอุลามาโลกกับการตื่นตัวของโลกอิสลาม

ประเด็นสำคัญที่ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวบรรยายในการประชุมนานาชาติ

ท่านอยาตุลลอฮ์ ซัยยิดอาลี คาเมเนอี ได้กล่าวปาฐกถาเปิดงาน การประชุมนานาชาติอุลามาโลก และการตื่นตัวของโลกอิสลาม เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา  โดยมีอุลามา, นักวิชาการ, ผู้ทรงคุณวุฒิ, และนักการศาสนาที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกเข้าร่วมจำนวนหลายร้อยคน

 

  ท่านอยาตุลลอฮ์ ซัยยิดอาลี คาเมเนอี ได้พบปะสนทนาอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองกับบรรดาแขกที่มาร่วมประชุมก่อนพิธีเปิดจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ เรือนรับรองหอประชุม 



 อยาตุลลอฮ์ ซัยยิดอาลี คาเมเนอี ได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นความสำคัญในการสำรวจจุดอ่อน ต่อขบวนการการตื่นตัวในประเทศแอฟริกาเหนือและภูมิภาค  ซึ่งมีประเด็นสำคัญห้าหัวข้อ “พิทักษ์รักษาศูนย์กลางต่างๆของศาสนา”  “ นำเสนอแบบแผนระยะยาวเพื่อเป้าหมายที่สูงส่ง” “หลีกเลี่ยงจากประสบการณ์ที่ขมขื่น จากคำมั่นสัญญาของชาติตะวันตก ที่ทำให้ปราบปลื้ม”  “ตื่นตัวจากข้อกล่าวหาของศัตรู เพื่อให้เกิดการปะทะและการนองเลือดระหว่างนิกายและเผ่าพันธ์ุ”  “และการไม่ลืมเลือนถึงประเด็นปัญหาปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นรากฐานเบื้องต้นที่สำคัญที่สุดต่อทุกขบวนการ”


  การยืนหยัดอย่างเข้มแข็งต่อหลักการอิสลามและการมีส่วนร่วมของประชาชนในเวทีต่างๆ คือสองปัจจัยหลักในการสกัดกั้นแผนการร้ายของศัตรู 


   ในช่วงต้นของการบรรยาย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  การตื่นตัวของโลกอิสลาม เป็นปรากฏการณ์ที่มหัศจรรย์  ซึ่งถ้ายังคงรักษาสภาพอยู่อย่างปลอดภัยและดำเนินต่อเนื่องไปเช่นนี้  จะเป็นปัจจัยพื้นฐานในการเชิดชูอารยธรรมแห่งอิสลามให้ปรากฏขึ้นสู่สายตาได้ในเร็ววัน


ท่านผู้นำสูงสุดยังได้กล่าวถึง ความหวาดผวาของชาติมหาอำนาจ ที่แม้แต่จะเอ่ยประโยค  “การตื่นของโลกอิสลาม”     ปัจจุบันการตื่นตัวของโลกอิสลาม คือข้อเท็จจริงหนึ่ง ที่ได้ปรากฏต่อประเทศมุสลิมทั่วทั้งโลก  ซึ่งสามารถเห็นถึงสัญญาณต่างๆที่เกิดขึ้น  และสัญญาณที่เด่นชัดที่สุดคือ “ความถวิลหาทางด้านความคิดของสาธารณชน โดยเฉพาะเยาวชนคนหนุ่มสาว  เพื่อที่จะฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของอิสลาม และเปิดเผยโฉมหน้าอันอัปยศ ของรัฐบาลมหาอำนาจที่กดขี่ข่มเหง และอหังการ” 



ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ได้กล่าวถึง โครงสร้างที่ประเสริฐของการตื่นตัวนั้น มีอย่างกว้างขวางแต่มีรหัสลับในการขับเคลื่อนอยู่ว่า  “ทุกๆปรากฏการณ์ของมุอ์ญิซาตและพันธะสัญญาแห่งพระผู้เป็นเจ้านั้น ย่อมมีสัญญาณแห่งความหวังควบคู่อยู่ และเป็นสัญญาณที่จะบ่งบอกถึงการอุบัติขึ้นของปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่า”


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้นำเสนอหลายตัวอย่าง จากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับพันธะสัญญาที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นปัจจัยเบื้องต้นในการเกิดพันธะสัญญาที่ยิ่งใหญ่กว่าท่านถือว่ามันคือยุทธวิธีของพระผู้เป็นเจ้า 


 ชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านเป็นหนึ่งจากตัวอย่างที่ชัดแจ้งที่สุด ในเรื่องยุทธวิธีแห่งพระผู้เป็นเจ้า  วันที่อิสลามได้พิชิตอิหร่านลง สามารถขจัดอำนาจมืดของอเมริกาและไซออนิสต์ในประเทศที่ซึ่งมีความละเอียดอ่อนและความอ่อนไหวมากที่สุดในภูมิภาคนี้ลงได้  ผู้ที่มีวิสัยทัศน์และประสบการณ์ต่างทราบดีว่า ถ้าใช้ความอดทนและบะซีรัตควบคู่กับการขับเคลื่อน เราจะพบกับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง และสิ่งนี้ต่างได้ปรากฏขึ้นแล้วอย่างแท้จริง”


ท่านยังได้กล่าวย้ำถึงชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม  พันธะสัญญาที่สว่างไสวนั้น ได้บังเกิดขึ้นภายใต้ร่มเงาของศรัทธามั่นในสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญา, ด้วยความอดทน, การยื่นหยัดต่อสู้ และการช่วยเหลือจากพระองค์  


วันนี้ ประชาชาติต่างได้รับอานิสงค์จากประสบการณ์ที่ล้ำค่า ในการเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจ และระบอบอัตตาธิปไตย  สามารถทำให้รัฐบาลที่สกปรกโสมม หรือคอยปฏิบัติตามคำสั่งจากมหาอำนาจหรือเป็นสมุนของอเมริกานั้น ต้องล่มสลายหรือสั่นคลอนลงไป”


หลังจากที่ท่านผู้นำสูงสุดได้บรรยายในช่วงต้นจากหัวข้อดังกล่าว  ท่านได้หยิบยกประเด็นการสำรวจจุดอ่อนการตื่นตัวของโลกอิสลาม และคำขู่ต่างๆจากศัตรูต่อขบวนการเคลื่อนไหวในภูมิภาคนี้อีกด้วย


ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า บทบาทอันโด่นเด่นที่ทรงอิทธิพลของการชี้นำจากผู้รู้ทางศาสนา คือประเด็นสำคัญในลำดับต้นต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น และต่อขบวนการแก้ไขประเทศมุสลิมในภูมิภาคนี้ทั้งสิ้น


ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวย้ำเตือน ผู้รู้ทางศาสนามีภาระหน้าที่อย่างหนักที่ต้องแบกรับต่อแนวทางนี้ โดยท่านกล่าวว่า


 “ผู้รู้ศาสนาและบุรุษแห่งศาสนานั้น ต้องมีความระวัดระวังอย่างถี่ถ้วน”


 ท่านผู้นำสูงสุดยังได้ชี้ให้เห็น ถึงความพยายามของสมุนอเมริกาและไซออนิสต์ ในการทำลายสำนักคิดและทำลายความเชื่อมั่นลง และทำให้ผู้ที่ยึดมั่นและมีความยำเกรงต่อศาสนานั้นต้องแปดเปื้อนไปด้วย

 

การนั้งอยู่ในสำรับที่เปื้อนสีแห่งผลประโยชน์ของดุนยาการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อหังการ, การลืมพิษร้ายของรัฐบาลที่ชั่วช้า ทั้งในเรื่องของอำนาจหรือตัณหา เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด และเป็นปัจจัยหลักในการแยกมวลชนออกจากเราและเป็นการลดความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อเราลง”


ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวในประเด็นที่สอง เกี่ยวกับการสำรวจจุดอ่อนของขบวนการตื่นตัวของโลกอิสลามคือ การ  

นำเสนอแบบแผนระยะยาวเพื่อเป้าหมายที่สูงส่งของการตื่นตัวของโลกอิสลาม


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวย้ำว่า  “อย่างน้อยที่สุดของเป้าหมายคือ การสร้างและเชิดชูอารยธรรมอิสลามให้เกิดขึ้น” 


จากประสบการณ์ที่เลวร้ายและขมขื่น ในการปฏิบัติตามตะวันตกทั้งในเรื่องการเมืองและจริยธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตที่อ่อนแอ คือประเด็นที่สามที่ท่านผู้นำสูงสุดได้กำชับและย้ำเตือนต่อขบวนการตื่นตัวของโลกอิสลาม


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึง อันตรายที่เกิดขึ้นในประเทศอิสลามตลอดระยะเวลาหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ล้วนมีที่มาจากการปฏิบัติตามวัฒนธรรมและการเมืองของชาติมหาอำนาจทั้งสิ้น อาทิ การผูกขาดทางด้านการเมืองและความตกต่ำของการเมืองวิกฤตการณ์ความยากจนในระบอบเศรษฐกิจ, หลุดพ้นจากความประเสริฐและจริยธรรม, และความล้าหลังในด้านวิชาการ  “คำสัญญาต่างๆของอเมริกาและชาติตะวันตกจะต้องไม่มีผลต่อการตัดสินใจหรือการปฏิบัติของบุคลากรทางด้านการเมืองในการขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ของประชาชน”


ท่านยังกล่าวว่า “ รัฐบาลที่ได้ชื่นใจตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จากคำมั่นสัญญาของอเมริกาและยอมศิโรราบต่อชาติมหาอำนาจนั้น ต่างไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาความทุกข์โศกของประชาชนตนเองได้ หรือแม้กระทั้ง ไม่สามารถที่จะจัดการกับการกดขี่ที่เกิดขึ้นกับตนเองหรือเกิดขึ้นกับบุคคลอื่นได้ ถึงขนาดที่ไม่สามารถที่จะขัดขวางการทำลายบ้านหลังหนึ่งของชาวปาเลสไตน์บนแผ่นดินของพวกเขาได้” 


ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้แจงถึงประเด็นที่สี่ คำขู่ที่อันตรายในการเปลี่ยนขบวนการตื่นตัวของโลกอิสลาม ให้เป็นสนามแห่งการนองเลือดระหว่างเผ่าพันธ์,นิกาย,และประชาชน


ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวว่า  “การให้ร้ายและข้อกล่าวหาในปัจจุบัน ล้วนมีที่มาจากสายลับตะวันตกและไซออนิสต์  โดยได้รับเสบียงเงินดอลล่าจากการขายน้ำมัน และจากนักการเมืองที่ขายชาติ, ตั้งแต่เอเชียตะวันออกจนถึงแอฟริกาเหนือโดยเฉพาะคราบสมุทธอาหรับพวกเขามีความมุ่งมั่นและจริงจังที่จะทำสิ่งนี้ต่อไปซึ่งเงินดังกล่าวสามารถที่จะช่วยเหลือมัคลูคของพระองค์ได้อย่างดี แต่ได้ถูกใช้ไปเพื่อ การข่มขู่, การตักฟีรการก่ออาชญกรรม, การวางระเบิด, การหลั่งเลือดพี่น้องมุสลิม, และการวางเพลิงแห่งความอาฆาตในระยะยาว”


ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวย้ำ ประเด็นการวิเคราะห์ที่ชาญฉลาดต่อเหตุการณ์จราจลภายในที่เกิดขึ้นว่า, มือที่อยู่เบื้องหลังของศัตรู จะปรากฏขึ้นทุกครั้งอย่างชัดเจน หลังจากโศกนาฏกรรมต่างๆได้จบลงไป “ภาระหน้าที่ของผู้รู้ศาสนา นักวิชาการศาสนาและนักการเมืองนั้น จึงมีความสำคัญและหนักอย่างยิ่ง”


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามยังกล่าวถึงประเด็น ลิเบีย อียิปต์ ตูนีเซีย ซีเรีย ปากีสถาน อิรัคและเลบานอนว่า 

การโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตกผ่านช่องทางสื่อ ที่เป็นสมุนของเหล่าเผด็จการนั้น ต่างนำเสนอสงครามในซีเรียที่เกิดขึ้นว่า เป็นปัญหานิกายระหว่างชีอะห์และสุนนี ซึ่งสิ่งนี้ ถือเป็นการสร้างความมั่นคงทางอ้อมต่อไซออนิสต์และเหล่าศัตรูอิสลามในซีเรียและเลบานอน” 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอียังได้กล่าวถึงสถานการณ์ในบะห์เรนว่า “ประเทศบะห์เรน  ประชาชนเป็นจำนวนมากที่ถูกกดขี่เป็นเวลาหลายปีนั้น ต่างไม่มีสิทธิอันชอบธรรมหรือเสรีภาพ แม้นแต่การใช้สิทธิลงคะแนนเสียง ซึ่งถือเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนก็ตาม  ด้วยเหตุนี้ ประชาชนจึงลุกขึ้นทวงสิทธิของตน  แต่เพราะว่าส่วนมากของผู้ถูกกดขี่เป็นชาวชีอะห์ และรัฐบาลเผด็จการเซคคิวลาร์ ที่ดูภายนอกเป็นชาวสุนนี จึงใช้กระบอกเสียงของตะวันตก ทั้งจากยุโรป, อเมริกาและจากสมุนของตนประจำภูมิภาค ในการสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวให้เป็นความขัดแย้งระหว่างนิกาย ชีอะห์-สุนนี” 



ท่านได้ตั้งคำถามถึงภาพลักษณ์ที่ศัตรูได้วาดให้เราดู เรื่องนี้มันมีความจริงเป็นเช่นไร? ปัญหาดังกล่าวนั้น ผู้รู้ทางศาสนาและนักวิชาการ จะต้องคบคิดอย่างลึกซึ้ง และต้องถือว่าเป็นหน้าที่ของตน ที่จะต้องทำการศึกษาและวิเคราะห์ถึงเป้าหมายของศัตรูในการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นระหว่างนิกาย, เผาพันธ์ุและพลพรรคต่างๆ”


ประเด็นที่ห้าและเป็นประเด็นสุดท้าย ที่ท่านผู้นำสูงสุดนำเสนอ ซึ่งถือว่าเป็นคุณลักษณะที่ถูกต้องตามครรลองของขบวนการตื่นตัวอิสลาม กล่าวคือ การเข้าใจถึงสถานการณ์ปาเลสไตน์อย่างถูกต้อง


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า “ ผู้ใดที่ปฏิเสธสโลแกนแห่งการปลดปล่อยอัลกุดส์ และการช่วยเหลือประชาชาติปาเลสไตน์และแผ่นดินปาเลสไตน์ หรือการนำเอาประเด็นดังกล่าวไปอยู่ตามริมขอบของอุดมการณ์ หรือการหันหลังจากสมรภูมิแห่งการยืนหยัดต่อสู้นั้น  เขาก็คือนักโทษเช่นกัน”


ท่านกล่าวว่า “ประชาชาติอิสลามจะต้องให้ความสำคัญต่ออุดมการณ์และสัญลักษณ์ที่โด่นเด่นเป็นพิเศษ”


ในช่วงท้ายของการบรรยาย ท่านผู้นำสูงสุดได้หยิบยกประเด็น  “การยืนหยัดบนหลักการอิสลาม” “การมีส่วนร่วมของประชาชนในเวทีต่างๆ”  เป็นสองปัจจัยหลักที่จะทำให้ข้อกล่าวหาของศัตรูต่อเรานั้นไร้ค่า  “ปัจจัยสองสิ่งนี้ คือกุญแจแห่งความสำเร็จและชัยชนะในทุกๆโอกาส” 


ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า ปัจจัยสองสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ ย่อมขึ้นอยู่กับ  “การมีศรัทธามั่นอย่างบริสุทธ์ใจต่อสัญญาแห่งพระผู้เป็นเจ้า”  “ความพยายามอย่างบริสุทธ์ใจและการนำเสนออย่างซื่อสัตย์” 


ประชาชาติใด ที่มีความเชื่อมั่นต่อความซื่อสัตย์และมีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นกันเองกับบรรดาผู้นำของเขา  พวกเขาจะถือว่า การเข้าร่วมของพวกเขาในเวทีต่างๆที่บารากัตนั้น คือพัฒนาการไปข้างหน้า, และมาตรว่าประชาชนยังคงยืนหยัดอย่างเหนียวเเน่นในเวทีเช่นนี้ จะไม่มีอำนาจใดที่สามารถจะทำลายพวกเขาลงได้ ” 


หลังจากเสร็จสิ้นการบรรยายในการประชุมนานาชาติ อุลามาโลกกับการตื่นตัวของโลกอิสลาม  ท่านผู้นำสูงสุดได้ทักทายกับแขกผู้มีเกียรติ อาทิ นักการศาสนา นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวจากประเทศอิสลามอย่างเป็นกันเอง


700 /