สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะจัดงานมหกรรมภาพยนตร์ “อัมมาร์” เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

ประวัติความเป็นมาของการปฏิวัติ, การปกป้องพิทักษ์รัฐอิสลาม, ปัญหาปาเลสไตน์,และการตื่นตัวของโลกอิสลาม จะต้องเป็นประเด็นหลักที่สำคัญของการเขียนบทในการสร้างภาพยนตร์ / ผู้เคร่งครัดต่อศาสนาและการปฏิวัติอันมีส่วนร่วมในการสร้างภาพยนตร์นั้น ต้องหลีกเลี่ยงปัญหาแห่ง

เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา( 19 กุมภาพันธ์) คณะจัดงานมหกรรมภาพยนตร์ภาคประชาชน “อัมมาร์” ได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด ซึ่งในการเข้าพบครั้งนี้ ฯพณฯ ได้กล่าวถึงเรื่องความสำคัญในประเด็นศาสนา มาอารีฟศาสนา(เรื่องราวทั่วไปเกี่ยวกับศาสนา) อีกทั้งในประเด็นเรื่องการปฏิวัติอิสลาม และคุณค่าแห่งการปฏิวัติต่อการจัดงานมหกรรมครั้งนี้ว่า เป็นเรื่องที่มีความบารอกัต(ความสิริมงคล)เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งท่านกล่าวย้ำว่า มุมมองวงการบันเทิงของศาสนาอิสลามต่อภาพยนตร์นั้น ต้องเป็นการมองที่มีวิสัยทัศน์และการมองแบบระยะยาว พร้อมกับกำหนดแผนงานที่ละเอียดอ่อนและรัดกุม อีกทั้งต้องมีความมุ่งหวังที่ดีในอนาคต โดยการนำเอาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในด้านสื่อมาใช้เพื่อพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพและส่งผลในเชิงคุณภาพให้ได้มากที่สุด.


ฯพณฯ ได้กล่าวชื่นชมต่อการจัดงานมหกรรมภาพยนตร์ภาคประชาชน “อัมมาร์” ครั้งนี้ ที่ได้เลือกเอาชื่อ

อัมมาร์เป็นชื่องาน ถือเป็นการเลือกที่เหมาะสมและถูกต้องที่สุด เพราะท่านเป็นหนึ่งในสาวกผู้ยิ่งใหญ่ของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล)และเป็นมิตรสหายที่ใกล้ชิด ซื่อสัตย์ และมีความจงรักภักดีมากที่สุดท่านหนึ่งของท่านอิมาม

อาลี() พร้อมกันนั้น ฯพณฯ ได้ชี้ให้เห็นถึงคุณลักษณะอันโดดเด่นของบุรุษผู้นี้ว่า อัมมาร์เป็นบุรุษที่ยืนหยัดและมั่นคงในทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นๆของอิสลาม อีกทั้งได้เผชิญกับบททดสอบอันหนักหน่วงในยุคสมัยหลังจากท่านศาสดา(ซล), ท่านรู้เท่าทันเหตุการณ์ เข้าใจและเข้าถึงสถานการณ์ที่จำเป็นในทุกกรณี แถมยังมีบทบาทในการกำหนดชะตากรรมในหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของท่านอิมามอาลี()ทั้งหมดคือคุณลักษณะพิเศษและโดดเด่นของบุรุษท่านนี้.


ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด ได้มองอนาคตอย่างสดใส ต่อการยกระดับสัญลักษณ์เชิงอุดมการณ์ และท่านได้ให้ความสำคัญต่อการประเมินคุณค่าในสิ่งนี้พร้อมกล่าวว่า ขบวนการเคลื่อนไหวการปฏิวัติอิสลามอิหร่าน ได้รับชัยชนะเมื่อปี 1357 (1979)อันนำมาซึ่งความปราชัยและความอัปยศอดสู่ให้แก่ชาติมหาอำนาจอเมริกา และอีกหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา34ปี ที่ผ่านมานั้น ล้วนแล้วเป็นปฐมเหตุแห่งการเข้าสู่เป้าหมายหลักของระบบการปกครองในรูปแบบอิสลาม, ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นและเพียรพยายามอย่างทวีคูณ อีกทั้งต้องไม่หวาดหวั่นและเกรงกลัวต่อศัตรูในการโฆษณาชวนเชื่อต่างๆนาๆ,อย่าได้สิ้นหวังและถ้อถ่อย จงขับเคลื่อนและมุ่งหน้ายังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อย่างรวดเร็ว.


ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด ถือว่า การมีทัศนะเช่นนี้ต่อเรื่องราวของอิสลาม และการสร้างภาพยนตร์ศาสนานั้น เป็นสิ่งจำและสำคัญยิ่งนัก. โดยท่านกล่าวย้ำว่า ในเวทีนี้ บรรดาเยาวชนผู้ศรัทธา ที่มีความร่าเริงและความสดใสในวัยหนุ่ม และยังมีวิสัยทัศน์ที่แปลกใหม่พร้อมความตั้งใจจริงนั้น ถือเป็นกำลังสำคัญยิ่ง อันเปรียบเสมือนเครื่องจักรที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนไปสู่ความก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ส่วนผู้สูงวัยก็เช่นเดียวกัน จำเป็นต้องมีการถ่ายทอดประสบการณ์ของตน และทำการฝึกฝน อบรม เยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ทางการงาน ถือเป็นหน้าที่เร่งด่วนและสำคัญยิ่ง.


ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้เห็นถึงที่มาของภาพยนตร์ตะวันตก ท่านได้กล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการกำหนดแผนงาน และการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อการเคลื่อนไหวของเยาวชน พร้อมทั้งเป็นแหล่งค้นหาพรสวรรค์ของเยาวชนในด้านบันเทิงแห่งอิสลามและความสามารถในด้านภาพยนตร์ของศาสนา อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการเข้าร่วมของผู้เคร่งครัดในศาสนา นักปฏิวัติ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่มีประสบการณ์ในเวทีนี้อีกด้วย.


ในขณะเดียวกัน ฯพณฯท่านผู้นำสูงสุด ยังถือว่า เงื่อนไขหลักในการเข้าสู่ระบบที่หวังผลเชิงประสิทธิภาพนั้น คือ การเข้าร่วมของบรรดาผู้เคร่งครัดต่อศาสนาและนักปฏิวัติในวงการภาพยนตร์ และการไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลและสิ่งเร้าที่มาจากสภาพแวดล้อมภายนอก. ท่านได้กล่าวย้ำว่า แนวทางเดียวในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเรื่องนี้ คือการมีสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับเอกองค์อัลลอฮ์(ซบ), การปฏิบัติสิ่งที่เป็นมุสตะฮับอย่างสม่ำเสมอ และการวิงวอนยังพระองค์ เฉกเช่นอัมมาร์ ที่เคยปฏิบัติมาก่อนในการฝ่าฟันมรสุมและท่านสามารถรอดพ้นได้อย่างปลอดภัยอย่างมั่นคง ฯพณฯ ได้กล่าวว่า การประกอบอิบาดะห์,การซิกร์(รำลึกถึงพระองค์)และการเข้าหาพระองค์อย่างแน่วแน่(ตะวัชซุห์)คือความสุขอันล้ำค่าและสูงส่งเหนือกว่าความสุขอื่นใด


ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดถือว่า บทบาทของคณะผู้บริหาร และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องนั้น มีผลสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการภาพยนตร์และสื่อสารมวลชนของประเทศชาติ. โดยท่านผู้นำได้กล่าวย้ำว่า การฟื้นฟูและปรับปรุงแก้ไขในวงการนี้ จำต้องแก้ไขที่พื้นฐานของมันเป็นอันดับแรก.


ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดกล่าวว่า บุคคลที่ประกอบอาชีพและมีความเคลื่อนไหวในแวดวงภาพยนตร์ อันมีเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับศาสนา การปฏิวัติ และการปกป้องรัฐอิสลามนั้น เป็นที่ประจักษ์ยิ่งว่า เขาคือผู้ที่ต่อสู้ในแนวทางของพระองค์.


ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดถือว่า การนำเอาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้, การใช้ประโยชน์จากเรื่องเล่า และการนำบทละครที่เชื่อถือได้มาสร้างภาพยนต์นั้น เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างภาพยนตร์. ซึ่งท่านกล่าวย้ำในเรื่องนี้ว่า เรื่องเล่าที่ถูกประพันธ์ขึ้นมาและนวนิยายภายในประเทศ ต้องมีการสร้างจากเนื้อหาที่ชัดเจนและควรนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจต่อสังคมมากกว่านี้.


ฯพณฯ ผู้นำสูงสุด ถือว่า ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประวัติความเป็นมาของการปฏิวัติอิสลาม,การปกป้องรัฐอิสลาม,ปัญหาปาเลสไตน์และการตื่นตัวของโลกอิสลามนั้น คือประเด็นสำคัญในลำดับต้นต่อการสร้างและผลิตภาพยนตร์. โดยท่านกล่าวว่า หนึ่งในประเด็นที่หลอกลวงและมีการโฆษณาในโลกปัจจุบัน กล่าวคือ วงการบันเทิงจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์ใดๆกับวงการเมือง ,ในขณะที่วงการบันเทิงในด้านภาพยนตร์ของตะวันตก อาทิเช่น ฮอลลีวูด มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง และหากมิได้เป็นจริงดังกล่าว ไฉนจึงไม่อนุญาตให้ภาพยนตร์หรือหนังอิหร่านที่มีเนื้อหาต่อต้านยิวไซออนิสต์ เข้าร่วมในงานมหกรรมภาพยนตร์ด้วย???


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า การสร้างภาพยนตร์ที่ต่อต้านอิหร่านหลายต่อหลายเรื่อง หรือการมอบรางวัลภาพยนตร์ดีเด่นให้กับภาพยนตร์ที่ต่อต้านอิหร่านนั้น เป็นดัชนีชี้วัดที่ชัดเจนที่สุด ต่อกรณีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องโดยตรงระหว่างภาพยนตร์กับการเมืองที่มีอยู่ในอเมริกาและชาติตะวันตกในขณะนี้.


ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดได้กล่าวชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างมานุษยวิทยา,วงการบันเทิงและภาพยนตร์นั้น มานุษยวิทยาเปรียบเสมือนเป็นลมหายใจของปัญญาชนในประเทศ ที่ต้องแบกรับหน้าที่ในการชี้นำสังคม ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นตัวกำหนดชะตากรรมที่สำคัญของความสะอาดบริสุทธิ์และความสกปรกของอากาศในสังคม.


ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า ปัญหาด้านมนุษยวิทยาของตะวันตก เกิดขึ้นจากพื้นฐานแห่งความเข้าใจที่ผิดๆ. ซึ่งท่านกล่าวย้ำว่า การฟื้นฟูและการปรับปรุงแก้ไขในด้านมนุษยวิทยา และการเปลี่ยนแปลงในวงการภาพยนตร์และรายการทีวีจะไร้ผล หากปราศจากการฟื้นฟูและปรับปรุงแก้ไขพื้นฐานแห่งความเข้าใจอย่างท่องแท้(มะอฺรีฟัต)ในด้านมนุษยวิทยาของชาติตะวันตก และการฟื้นฟูปรับปรุงแก้ไขพื้นฐานดังกล่าวอันนี้ จะบังเกิดผลขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการสานสัมพันธ์กับสถาบันศาสนาและบรรดานักปราชญ์แห่งศาสนาเท่านั้น(อาลิมอุลามาอฺ)


ท่านผู้นำสูงสุด ได้กำชับต่อผู้ที่มีใจรักในศาสนาและการปฏิวัติในเหตุการณ์ความขัดแย้งของวงการภาพยนตร์ ควรหลีกเลี่ยงการถกเถียงในเรื่องนอกประเด็น และการหมกมุ่นในความขัดแย้งต่างๆอันไม่บังเกิดผลใดๆ. ท่านกล่าวย้ำว่า บรรดาผู้มีความเคร่งครัดในศาสนา และผู้ยึดมั่นต่อการปฏิวัติในวงการภาพยนตร์นั้น ในบางครั้งอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งมันมิใช่ปัญหา แต่ทว่าจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นและเพียรพยายามในภารกิจหลักและพื้นฐานของตัวเองเป็นทวีคูณ.


ก่อนที่ ฯพณฯ ผู้นำสูงสุดจะกล่าวให้โอวาท บรรดาตัวแทนของคณะผู้จัดงานและคณะกรรมการตัดสินงานมหกรรมภาพยนตร์ภาคประชาชน “อัมมาร์” อันประกอบด้วย วาฮีด ญะลีลีย์,นาดีร์ ฏอลิบ ซอเดะห์ ,ฮะซัน อับบาซีย์,มะฮ์ดีย์ นะศีรีย์,ซัยยิด ญะมาล อูด ซีย์มียน์,อะบู กอซิม ฏอลิบีย์,ฟารอญุลลอฮ์ ชะละห์ชุร ,มุฮัมมัด ศอดิก บาฏีนีย์,อิบรอฮีม ฟัยยาฏ, ซะอีด กอซิม และมุศฏอฟา ริฏานีย์ ได้นำเสนอประเด็นหัวข้อหลักต่างๆดังนี้:





  • ภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วมในวงการบันเทิง โดยเฉพาะในส่วนของภาพยนตร์ เริ่มจากกระบวนการผลิต สู่การฉาย และการขยายสู่โลกภายนอก


  • เสริมสร้างและบูรณาการขอบเขตความสามารถของศิลปะที่ถูกทอดทิ้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการปฏิวัติอิสลาม.


  • ต้องใช้ประโยชน์จากสื่อสารมวลชน เพื่อการถ่ายทอดข้อพิพาทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและการปฏิวัติ.


  • ต้องเสริมสร้างพื้นฐานหลักความศรัทธาให้กับผู้กำกับภาพยนตร์ศาสนา เพื่อคงความปลอดภัยจากสิ่งแปลกปลอม.


  • พิจารณาความจำเป็นในบทบาทของภาพยนตร์และสื่อในการกำหนดนโยบายและแผนงานที่เกี่ยวข้องในประเทศ.


  • พัฒนาภาคส่วนต่างๆในการผลิตภาพยนตร์ อาทิเทคโนโลยีด้านสื่อและภาพยนตร์ และจำเป็นต้องกำหนดแผนงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเจริญเติบโตสู่อนาคต.


  • กำหนดแผนงานในการอบรมและพัฒนาบุคลากรเยาวชนในวงการภาพยนตร์.

700 /