สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานาธิบดีรัสเซียเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลาม

ประสบการณ์ที่ดีในความร่วมมือต่อประเด็นซีเรีย

เมื่อเย็นวันพุธที่ผ่านมา นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม 

โดยท่านผู้นำสูงสุดได้รับข้อเสนอจากประธานาธิบดีรัสเซียเกี่ยวกับการพัฒนาระหว่างสองประเทศในทุกด้าน ท่านได้กล่าวเน้นย้ำถึงประสบการณ์ที่ดีในหลายปีที่ผ่านมา จากความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เพื่อนำมาเสริมสร้างความมั่นคง และขยายความสัมพันธ์ดังกล่าว

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาความร่วมมือ ทางด้านเศรษฐกิจของสองประเทศ จะต้องดีกว่าปัจจุบัน โดยท่านกล่าวว่า “เราสามารถขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้กว้างขว้างมากยิ่งขึ้นในประเด็นการขนส่ง โดยผ่านศูนย์กลางที่สำคัญของท่าเรือชาห์บาฮาร์ ไปยังท่าเรือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก”

ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงประสบการณ์อันดีเยี่ยมที่ได้รับจากความร่วมมือระหว่างสองประเทศในซีเรีย โดยกล่าวว่า “ผลจากความร่วมมือดังกล่าว บ่งชี้ว่า กรุงเตหะราน และมอสโกสามารถผ่านอุปสรรค์ที่ยากลำบากและทำให้เป้าหมายที่มีร่วมกันเป็นจริงขึ้นได้”

ท่านได้กล่าวเสริมว่า “ความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายทั้งหลายในซีเรีย คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ทว่า พวกเขายังคงหมกมุ่นอยู่กับการวางแผน ก่อการกบฏอย่างไม่จบสิ้น ดังนั้น การแก้ไขปัญหาของซีเรีย ยังคงมีความจำเป็นต่อการร่วมมือที่ต่อเนื่อง และมั่นคง

ท่านผู้นำปฏิวัติอิสลาม ได้ถือว่าการยืนหยัดร่วมกันระหว่างอิหร่านและรัสเซียเพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย ตักฟีรีซึ่งถูกสนับสนุนโดยหลายประเทศ เป็นหนึ่งในผลพวงที่ได้รับจากมิตรภาพดังกล่าวโดยท่านได้กล่าวเสริมว่า องค์ประกอบที่สมบูรณ์ รวมถึงการยืนหยัดที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างเตหะราน และมอสโก ในการต่อต้านความเสื่อมทรามและโสมม ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย มีความหมายเป็นอย่างมาก และทำให้รัสเซียมีอิทธิพลต่อเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคเอเชียตะวันตก

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีเชื่อว่าผู้ที่จะทำการตัดสินใจโดยเด็ดขาดเกี่ยวกับซีเรียได้คือประชาชนชาวซีเรียเท่านั้น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ดังที่ท่านได้กล่าวปัญหาทุกประการ รวมถึงหนทางในการแก้ไขที่เกี่ยวข้องกับระบบการปกครองของซีเรียจะต้องเกิดขึ้นจากภายในประเทศซีเรีย และประเทศซีเรียจะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้การกดดันของผู้ใดในการดำเนินแผนของตน และจะต้องมีโครงสร้างที่สมบูรณ์ที่ครอบคลุมไปยังทุกด้าน

ท่านผู้นำปฏิวัติอิสลาม ยืนยันคำกล่าวที่ถูกต้องของประธานาธิบดีรัสเซียเกี่ยวกับ “แผนปฏิบัติการความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกด้าน” และความจำเป็นในการเฝ้าระวังเกี่ยวกับปัจจัยที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ  และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นที่น่าเศร้าใจที่สหรัฐอเมริกายังคงสานต่อการก่อกบฎของตนเอง ซึ่งต้องใช้สติ และแนวทางที่ถูกต้องในการเผชิญหน้ากับพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของนายปูตินที่มีต่อการแก้ไขสถานการณ์ในภูมิภาคร่วมกับอิหร่าน โดยปราศจากชาติอื่น และกล่าวว่า “สหรัฐอเมริกาพยายามที่เข้าแทรกแซงทุกปัญหาในภูมิภาคและทั่วโลก โดยฉวยโอกาสจากรัฐที่มีความอ่อนแอในบางประเทศ”

ท่านได้กล่าวถึงการแทรกแซงอันนองเลือดโดยซาอุดิอาระเบียซึ่งเกิดขึ้นในบางประเทศ อาทิ อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันต่อประเทศเยเมน ซึ่งจะทำให้ซาอุดิอาระเบียตกอยู่ในชะตากรรมที่แสนจะยากลำบาก และกล่าวเสริมว่า “พวกเขาไม่อนุญาต แม้แต่การนำเข้ายาเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ถูกดขี่ในเยเมนที่ป่วยด้วยโรคร้าย และโรคติดต่อ

ท่านผู้นำปฏิวัติอิสลาม ถือว่าการร่วมมือระหว่างอิหร่าน และรัสเซียเพื่อต่อสู้กับการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาที่มีต่ออิหร่านและรัสเซีย จะเป็นปฏิกิริยาที่มีผลลัพธ์อย่างดีโดยท่านกล่าวเสริมว่า “เราสามารถทำลายมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา และตัดอิทธิพลของสหรัฐออกได้ด้วยการยกเลิกสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ และนำสกุลเงินชาติอื่นมาแทนที่ในการเจรจาทางเศรษฐกิจทั้งพหุภาคี หรือทวิภาคี โดยไม่ต้องใส่ใจต่อการโฆษณาชวนเชื่อในด้านลบของประเทศอื่น ที่ต้องการสร้างความอ่อนแอในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่าง ๆ

ท่านได้ชมเชยคุณลักษณะเฉพาะของนายปูติน ว่ามีบุคลิกภาพที่แข็งแกร่ง ผู้มีการตัดสินที่เฉียบคมควบคู่กับการปฏิบัติ ท่านได้กล่าวเสริมว่า “ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถร่วมมือกับรัสเซียในฐานะมหาอำนาจได้เพื่อการเจรจาเกี่ยวกับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ และมีความจำเป็นต่อความเพียรพยายามและความทุ่มเท และยังเป็นความร่วมมือที่ถูกต้องตามสติปัญญา

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ตอบรับขอเสนอของนายปูตินเพื่อการพัฒนาความร่วมมือในภูมิภาคในด้านต่าง ๆ

ในการเข้าพบครั้งนี้ซึ่งใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาที ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้แสดงออกถึงความปลื้มปิติยินดีต่อการเดินทางเยือนเตหะรานและการเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด ท่านได้เน้นย้ำว่า “เราถือว่าอิหร่านเป็น “ผู้ร่วมกลยุทธ์” และ” ประเทศเพื่อนบ้านที่ยิ่งใหญ่” เราจะใช้โอกาสในทุกด้านเพื่อการพัฒนา และ สร้างความมั่นคงต่อความสัมพันธ์อย่างสมบูรณ์แบบ”

นายปูตินได้กล่าวถึงข้อสรุปที่ดีจากพบประธานาธิบดีอิหร่าน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ อาทิ การขนส่ง เทคโนโลยีใหม่ การเกษตร โครงการความร่วมมือในด้านน้ำมัน ก๊าซ และ พลังงาน

ประธานาธิบดี รัสเซียได้กล่าวว่า “การส่งออกผลิตภัณฑ์การเกษตรของอิหร่านไปยังรัสเซียเพิ่มขึ้นถึงเจ็ดเท่า และยังคงมีศักยภาพในด้านต่าง ๆ อย่างมากมายเพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ”.

นายปูตินเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการยืนหยัด และ ความมั่นคงในภูมิภาคโดยกล่าวว่า “ด้วยความร่วมมือระหว่างรัสเซีย และ อิหร่าน ในซีเรียจึงได้รับผลที่ดีเป็นอย่างมาก และการเคียงข้างกันเพื่อต่อสู้อย่างต่อเนื่องกับกลุ่มก่อการร้ายจะต้องมีการคำนึงถึงระบบการเมืองที่เหมาะสมสำหรับซีเรียด้วยเช่นกัน

ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้กล่าวถึงบทบาทของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการบรรลุสู่เป้าหมายที่ร่วมกันในซีเรียอย่างชาญฉลาด และ กล่าวว่า “เราได้แสดงให้ชาวโลกเห็นว่า เราสามารถแก้ไขปัญหาที่มีความสำคัญมากในภูมิภาคของตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งไปยังประเทศอื่นที่อยู่นอกภูมิภาคนี้

นายปูติน ถือว่าการปกป้องแผ่นดินซีเรียทั้งหมด รวมถึงการสนับสนุนรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาดประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศดังกล่าวคือหนึ่งในหลักการทางนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย โดยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงในทุกประเทศ อาทิ ซีเรียจะต้องเกิดขึ้นจากภายในประเทศนั้น”

ประธานาธิบดี รัสเซีย ประกาศตัวว่ามอสโกจะเป็นผู้สนับสนุนต่อ JCPOA และได้กล่าวเสริมว่า “เราจะคัดค้านทุกการเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจากอำนาจการตัดสินใจของฝ่ายเดียว ซึ่งในความจริงจะต้องเกิดขึ้นจากข้อตกลงและมติของหลายฝ่าย และเราถือว่าการกระทำจากฝ่ายเดียว คือการเหยียบย่ำข้อตกลงและกฎบัตรระหว่างประเทศ”

ประธานาธิบดี รัสเซียได้กล่าวเสริมว่า “การเปลี่ยนนโยบายของ IAEA คือการกระทำที่ไม่ถูกต้องและเราไม่เห็นด้วย ต่อการโยงประเด็นเรื่องนิวเคลียร์อิหร่านกับประเด็นปัญหาอื่นๆ อาทิ ยุทธศาสตร์การป้องกันชาติ

วลาดีมีร์ ปูตินเชื่อว่า อิหร่าน และ รัสเซียสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ ในด้านการทหารและยุทธศาสตร์การป้องกันชาติร่วมกันภายใต้กรอบของกฎเกณฑ์นานาชาติได้

นายปูตินได้กล่าวถึงความพยายามของประเทศนอกภูมิภาคที่มีความประสงค์ในการจุดไฟประเทศอื่นว่า “ สหรัฐอเมริกาประสงค์ที่จะเข้าแทรกแซงในปัญหาทั่วทั้งโลกรวมถึงภูมิภาค และหากมีความจำเป็น เขาจะมองข้ามประเทศพันธมิตรของตนเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง”

ประธานาธิบดีรัสเซียได้ชี้ให้เห็นถึงการโกหกของรัฐบาลอเมริกาเกี่ยวกับรัสเซียในการเจรจาสภาความมั่นคงสหประชาชาติว่า “ ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่า การกระทำเช่นนี้ จะเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ปัจจุบันพวกเราได้ชินชาต่อพฤติกรรมของสหรัฐอเมริกาเสียแล้ว”

ประธานาธิบดีรัสเซียได้ประกาศตัวว่าการพึ่งไปยังศักยภาพภายในประเทศ คือกลยุทธ์ทางการเมืองของประเทศรัสเซียเพื่อต่อสู้กับการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาโดยกล่าวว่า “ผู้ผลิต และเจ้าของอุตสาหกรรมบางท่านต่างภาวนากัน ว่าอย่าให้การคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาจบลง เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พวกเขาได้เห็นถึงศักยภาพของตนเอง”

นายปูตินเสริมว่า “ภายหลังจากปี 2014 หมายถึง ปีที่สหรัฐอเมริกาเริ่มต้นคว่ำบาตรรัสเซีย เราเพิ่มงบประมาณโดยมุ่งสู่ การพัฒนาด้านวิชาการ และเทคโนโลยี และได้พบกับความสำเร็จทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ไอที การเกษตร อุตสาหกรรมอวกาศ อย่างน่ามหัศจรรย์”

ประธานาธิบดี รัสเซียกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากอดีตที่มีความกังวล แต่ขณะนี้พบสัจธรรมแล้วว่า ทุกความมุ่งหวัง เราสามารถพิชิตมันได้ “

นายปูตินได้เน้นย้ำในท้ายสุดว่า” เราจะยึดมั่นต่อหลักการว่า หากเราเริ่มต้นสิ่งหนึ่งกับผู้ใดแล้ว เราจะสานต่อจนจบกับผู้นั้น”

700 /