สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจันเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

รัฐเถื่อนอิสราเอลพยายามที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน

เมื่อช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (5 มีนาคม 2017) ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจัน อิลฮาม อะลีเยฟ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด โดยท่านผู้นำสูงสุดได้เน้นถึง การมีมัซฮับ (นิกายทางศาสนา) ร่วมกัน ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในความรู้สึกอันใกล้ชิดและความเป็นครอบครัวหนึ่งเดียวกันของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับประชาชน และบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯอาเซอร์ไบจัน โดยท่านยังกล่าวว่า ระดับความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับศักยภาพที่มีและขีดความสามารถของทั้งสองประเทศนั้นถือได้อยู่ในระดับขั้นที่ต่ำมากๆและจะต้องเพิ่มปริมาณให้มากยิ่งขึ้นถึง 10 เท่าของมาตราการในปัจจุบัน


อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ถือว่า จุดยืนของรัฐบาลอาเซอร์ไบจันที่มีต่อสาธารณอิสลามแห่งอิหร่านในกรณีการเจรจานิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ดีมาก โดยท่านกล่าวเสริมว่า รัฐบาลอาเซอร์ไบจันนั้นยืนเคียงข้างกับอิหร่านมาโดยตลอดในเวทีการเมืองและอื่นๆ  ซึ่งถือว่าเป็นจุดยืนในเชิงบวกที่ทำให้สองประเทศนั้นมีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น


ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงความโกรธของบรรดาศัตรูจากความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกันระหว่างอิหร่านและอาเซอร์ไบจัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า ระบอบอันชั่วร้ายของอิสราเอลมีความพยายามในการบ่อนทำลายความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของอิหร่านกับอาเซอร์ไบจัน และในทางตรงกันข้าม เราจะต้องระมัดระวังความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่มีอยู่นี้ให้ดีที่สุด

นอกจากนี้ ท่านผู้นำสูงสุด ยังได้กล่าวยกย่องประชาชนชาวอาเซอร์ไบจัน และการเคร่งครัดศาสนาของพวกเขา ซึ่งท่านกล่าวว่า ความดีงาม และผลประโยชน์ที่ดีของรัฐบาลอาเซอร์ไบจันคือการร่วมด้วยกับความรู้สึกในการมีศาสนาของประชาชน โดยที่พวกเขานั้นมิได้มีความกังวลแต่อย่างใดเกี่ยวกับปัญหาทางศาสนาที่เกิดขึ้นมาจากรัฐบาล 

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังย้ำอีกว่า การร่วมด้วยกับประชาชนและการพึ่งพาพวกเขา คือ  ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในป้องกันกับมหาอำนาจ และท่านยังเสริมอีกว่า : ถ้าหากรัฐบาลอาเซอร์ไบจันได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างอบอุ่น จะไม่มีอำนาจใดสามารถเป็นอันตรายต่อพวกท่านได้ และเราจะขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความสำเร็จให้กับรัฐบาลและประชาชนชาวอาเซอร์ไบจัน 

ในการเข้าพบครั้งนี้ ประธานาธิบดี ฮะซัน โรฮานี ก็ร่วมอยู่ด้วย ซึ่ง ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจัน อิลฮาม อะลีเยฟ  ยังชี้ถึง ความเหมือนกันทางประวัติศาสตร์ ,วัฒนธรรมและศาสนาของทั้งสองประเทศ โดยกล่าวว่า อิหร่านและอาเซอร์ไบจันได้ยืนเคียงข้างกันมาโดยตลอด จะยืนเคียงข้างต่อไป และการเดินทางของประชาชนอาเซอร์ไบจันมายังอิหร่าน มีจำนวนประมาณ  หนึ่งล้าน คน ในปีที่ผ่านมา ถือว่า คือ อีกตัวอย่างหนึ่งจากความสัมพันธ์ต่างๆและความละม้ายคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรมและศาสนา

 
พณฯ อะลีเยฟ  ยังชี้ถึงบางประเทศที่มีความพยายามที่จะสร้างความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอาเซอร์ไบจัน โดยกล่าวเสริมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทวิภาคีในระดับขั้นที่สูงมากทีเดียวและการดำเนินการเช่นนี้ของบรรดาศัตรู จะไม่มีทางไปอย่างแน่นอน

 ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจัน ถือว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงเตหะรานและกรุงบากูอยู่ในสภาพที่กำลังขยายตัว และกล่าวอีกว่า: ข้าพเจ้า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ได้เดินทางไปยังอิหร่านถึงสามครั้งด้วยกัน และในปีนี้ยังได้ลงนามเอกสารความร่วมมือระหว่างสองประเทศ จำนวน 20 ฉบับ และปริมาณการค้าของทั้งสองประเทศจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา


พณฯ อะลีเยฟ ถือว่า ปริมาณนี้จากการแลกเปลี่ยนทางการค้ายังไม่เป็นที่พอใจและยังชี้ถึงโครงการร่วมกันบางส่วนที่จะมีดำเนินการ และเช่นกันโครงการทางรถไฟร่วมกัน ทั้งยังกล่าวอีกว่า : การเชื่อมทางรถไฟระหว่างทั้งสองประเทศ คือเป็นงานที่สำคัญที่ต้องมีการดำเนินการ และยังเป็นกระบวนการในโครงการทางเดิน เหนือ ถึง ใต้ ที่มีการดำเนินการอยู่ในขณะนี้

700 /